Embrace the art of subtlety, where true radiance is revealed, not remade.

ปลดล็อกศักยภาพความงามในแบบของคุณด้วย Xeomin
ค้นพบนวัตกรรมความงามล่าสุดกับโปรแกรม Xeomin โบท็อกซ์เจเนอเรชั่นใหม่จากเยอรมัน ที่ D’ Lovevery Clinic เราเชื่อว่าความงามที่แท้จริงคือการดึงเอกลักษณ์และความมั่นใจของคุณออกมาให้โดดเด่นที่สุด โปรแกรม Xeomin ถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ให้คุณกลับมาดูอ่อนเยาว์แต่ยังคงแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย การปรับกรอบหน้าให้คมชัด หรือการแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อโบท็อกซ์ ที่นี่เราพร้อมดูแลและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ
ค้นพบความบริสุทธิ์อีกระดับของท็อกซิน
โปรแกรม Xeomin (ซีโอมิน) คือโบท็อกซ์สัญชาติเยอรมันที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางถึงความโดดเด่นในด้านความบริสุทธิ์ ด้วยเทคโนโลยี XTRACT Technology™ ทำให้ได้โมเลกุลโบทูลินัม ท็อกซิน Type A ที่ปราศจากโปรตีนที่ไม่จำเป็น (Complexing Proteins) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันและนำไปสู่ภาวะดื้อโบท็อกซ์ในระยะยาว ความบริสุทธิ์นี้ทำให้ Xeomin เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่อง หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์ฉีดแล้วไม่เห็นผลเท่าที่ควร

คุณสมบัติ | Dynamic Wrinkles (ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์) | Static Wrinkles (ริ้วรอยถาวร) |
---|---|---|
ลักษณะ | จะเห็นชัดเมื่อขยับกล้ามเนื้อแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม, ขมวดคิ้ว, เลิกหน้าผาก | มองเห็นเป็นร่องลึกได้ตลอดเวลา แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉย |
สาเหตุหลัก | เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใช้แสดงอารมณ์ซ้ำๆ | เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินตามวัย และเป็นผลมาจาก Dynamic Wrinkles ที่ไม่ได้รับการดูแลจนกลายเป็นร่องลึก |
บริเวณที่พบบ่อย | รอยตีนกา, รอยย่นระหว่างคิ้ว, ริ้วรอยที่หน้าผาก | ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, ริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยลึกตามจุดต่างๆ |
แนวทางการรักษาที่เหมาะสม | โบท็อกซ์ (Botox) จะให้ผลดีที่สุด เพราะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยจางลง | ต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น ฟิลเลอร์ (Filler) เพื่อเติมเต็มร่องลึก, เลเซอร์, หรือการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่องลึกขึ้น |
ทำไมถึงเรียกโบเจนใหม่?
ที่ โปรแกรม Xeomin (ซีโอมิน) ถูกเรียกว่า “โบเจนใหม่” (New-Gen Botox) เป็นเพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างจากโบท็อกซ์ในยุคแรกๆ

สรุปเหตุผลหลักๆ ได้ดังนี้
- ความบริสุทธิ์สูง ปราศจากโปรตีนที่ไม่จำเป็น
- โบเจนเก่า (Older Generations) ในโมเลกุลของโบท็อกซ์แบบดั้งเดิม จะมีส่วนของสารพิษที่ออกฤทธิ์ (Neurotoxin) จับอยู่กับโปรตีนโมเลกุลใหญ่ที่เรียกว่า Complexing Proteins ซึ่งโปรตีนส่วนเกินนี้ไม่ได้มีผลต่อการลดริ้วรอยโดยตรง
- โบเจนใหม่ (Xeomin) ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ชื่อว่า XTRACT Technology™ เพื่อคัดแยกเอาโปรตีนที่ไม่จำเป็น (Complexing Proteins) เหล่านั้นออกไป ทำให้ได้โมเลกุลโบท็อกซ์ที่ “บริสุทธิ์” เหลือเพียงส่วนที่ออกฤทธิ์จริงๆ เท่านั้น บางครั้งจึงถูกเรียกว่า “Naked Toxin”
- ลดความเสี่ยงในการดื้อโบท็อกซ์
- เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ โปรตีนที่ไม่จำเป็น (Complexing Proteins) ในโบเจนเก่านั้น ร่างกายอาจมองว่าเป็น “สิ่งแปลกปลอม” และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมาต่อต้าน
- เมื่อร่างกายมีแอนติบอดีต่อโบท็อกซ์แล้ว การฉีดครั้งต่อๆ ไปจะไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยลง ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า “การดื้อโบท็อกซ์”
- การที่ Xeomin ซึ่งเป็น “โบเจนใหม่” ไม่มีโปรตีนส่วนนี้ จึงช่วย ลดโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกัน ได้อย่างมาก ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องฉีดโบท็อกซ์ต่อเนื่องในระยะยาว หรือเป็นทางเลือกให้ผู้ที่เริ่มมีภาวะดื้อยาจากยี่ห้ออื่นแล้ว
เปรียบเทียบง่ายๆ
- โบเจนเก่า เหมือนเราทานยาเม็ดที่เคลือบสารอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการออกฤทธิ์ไว้
- โบเจนใหม่ (Xeomin) เหมือนเราทานยาที่สกัดมาเฉพาะตัวยาสำคัญล้วนๆ โดยไม่มีส่วนเคลือบ

โปรแกรม Xeomin เหมาะกับเจนไหน?

Generation (ช่วงวัย) | ช่วงอายุ | เป้าหมาย / ความต้องการด้านความงาม |
---|---|---|
Gen Z | 13-26 ปี | • กระชับรูขุมขน • ควบคุมความมัน • ผิวหน้ากระชับ |
Gen Y | 27-40 ปี | • ผิวสุขภาพดี • ลดริ้วรอย • ปรับรูปหน้าและลำคอให้สวยงามอย่างมั่นใจ |
Gen X | 41-57 ปี | • ลดเลือนริ้วรอย • ปรับรูปหน้า • คืนความอ่อนเยาว์ |
จุดเด่นและข้อควรพิจารณาของโปรแกรม Xeomin
จุดเด่นที่คุณจะได้รับ
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ สามารถแสดงสีหน้าได้ปกติ ไม่แข็งตึง
- ลดโอกาสการดื้อยา ด้วยตัวยาที่บริสุทธิ์สูง ปราศจากโปรตีนที่ไม่จำเป็น
- เห็นผลรวดเร็ว เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-4 วัน และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 1 เดือน
- ทางออกสำหรับผู้ที่เริ่มดื้อยา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่เคยฉีดยี่ห้ออื่นแล้วไม่เห็นผล
- ปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทยและสหรัฐอเมริกา (US FDA)
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์จะคงอยู่ชั่วคราวประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งจำเป็นต้องกลับมารับบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้
- อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของโบทูลินัม ท็อกซิน หรือผู้ที่มีปัญหาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงบางชนิด

คุณสมบัติ | Nabota (โบท็อกซ์เกาหลี) | Xeomin (โบท็อกซ์เยอรมัน) |
---|---|---|
ความบริสุทธิ์ | 98.7% | 100% |
จุดเด่น | ให้ผลลัพธ์ผิวที่ตึงและแน่น | ลดโอกาสการดื้อยา, มีความบริสุทธิ์สูง |
ความเป็นธรรมชาติ | ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ | ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ละมุน ไม่แข็งตึงเกินไป |
ระยะเวลาออกฤทธิ์ | 4-6 เดือน | 4-7 เดือน |
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- งดรับประทานยาหรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนรับบริการ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบโดยละเอียด
- หากมีนัดทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า ควรเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์
การดูแลตัวเองหลังรับบริการ
การปฏิบัติตัวหลังฉีดเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังฉีด
- ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ ทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก เพื่อให้ยากระจายตัวได้ดี
- งดการนวด กด หรือสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง
- งดกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า เลเซอร์ และการออกกำลังกายอย่างหนัก เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของหมักดองในสัปดาห์แรกหลังฉีด

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำโปรแกรม Xeomin
ข้อควรรู้ | คำอธิบายและคำแนะนำ (ประเมินโดยแพทย์) |
---|---|
เจ็บไหม | ความรู้สึกเหมือนมดกัด อยู่ในระดับที่ทนได้สบายมาก ⭐ |
มีอาการบวมแดงหรือไม่ | อาจมีรอยแดงหรือตุ่มเล็กๆ จากเข็ม ซึ่งจะหายไปเองใน 1-2 ชั่วโมง ⭐ |
ต้องพักฟื้นกี่วัน | ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ⭐⭐⭐⭐⭐ |
ต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นอย่างไร | Xeomin เน้นความบริสุทธิ์ ลดโอกาสการดื้อยาและให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และโดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีอาการดื้อโบท็อกซ์ |

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้
พร้อมเผยความงามในแบบฉบับของคุณแล้วหรือยัง
ให้ D’ Lovevery Clinic เป็นผู้ช่วยดูแลความงามให้คุณอย่างมั่นใจและปลอดภัย ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของเราเพื่อประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- D’ Lovevery Clinic สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- D’ Lovevery Clinic สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546
Xeomin ราคาเท่าไหร่ มีโปรโมชั่นไหม


คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ
Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ
ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง
กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น
ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ
สำหรับคนไข้ที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น สามารถเลือกทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหาค่ะ หาก กรามใหญ่ จากกล้ามเนื้อ การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กรามเล็กลง, ถ้ามี ไขมันที่แก้มและเหนียง เยอะ การฉีด เมโสแฟต เพื่อสลายไขมันเป็นทางเลือกที่ดี, หรือหากใบหน้า หย่อนคล้อย ไม่กระชับ การทำเครื่องยกกระชับอย่าง HIFU หรือ Ulthera ก็จะช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดและดูเรียวขึ้นได้ ซึ่งในคนไข้บางรายอาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนตัดสินใจค่ะ
สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกซ์หลายยี่ห้อในปีเดียวจะเป็นอะไรไหม หมอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การสลับยี่ห้อ แต่อยู่ที่ ความบริสุทธิ์ของตัวยา, การเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย., และการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ โบทูลินัมท็อกซินแต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกา เกาหลี หรือเยอรมัน จะมีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เช่น ความแน่นของการจับกับกล้ามเนื้อ หรือการกระจายตัวของยา แต่หัวใจหลักของมันคือการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน ตราบใดที่เรามั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานและฉีดในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ผลลัพธ์ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะหากปีก่อนเคยฉีดอีกยี่ห้อ แล้วปีนี้จะมาฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ร่างกายเราไม่ได้จดจำยี่ห้อค่ะ สิ่งที่ร่างกายสนใจคือตัวยาที่เข้าไปทำงาน การสลับยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นยาแท้ 100% และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันตามมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ นี่คือหัวใจของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุดค่ะ
ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น
ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก
พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามที่ถูกวิธี จะไม่ทำให้หน้าห้อยค่ะ เพราะกระบวนการนี้เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อยของผิวโดยตรง
แต่ที่บางคนรู้สึกว่าหน้าห้อย มีสาเหตุดังนี้ค่ะ
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป จนกล้ามเนื้อกรามลีบเร็วเกิน ส่งผลให้ผิวอาจดูห้อยจากที่เคยมีกล้ามเนื้อพยุงไว้
- กรณีบางคนที่โครงสร้างใบหน้ามีไขมันน้อย หรือเนื้อแก้มบาง เมื่อกรามเล็กลงอาจแอบรู้สึกว่าผิวตรงแนวกรามหย่อนกว่าเดิมเล็กน้อย
สำหรับเคสที่มีไขมันแก้มเยอะ เวลาฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วกล้ามเนื้อกรามยุบลง ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น แต่ ถ้าไขมันบริเวณแก้ม, มุมกราม หรือเหนียงเยอะอยู่แล้ว ในบางคนอาจสังเกตว่าไขมันตรงนั้น “ดูหย่อน” มากกว่าเดิมได้ค่ะ กรณีนี้ต้องหาตัวช่วยอื่นในการจัดการกับไขมันร่วมด้วย ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามอย่างเดียวยุคนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้าด้วย ว่าทำแล้วจะส่งผลดีมากน้อยแค่ไหนกับรูปหน้าของเราค่ะ