Invest in your skin. It’s going to represent you for a very long time.
การตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรกไม่ใช่แค่เพื่อลดริ้วรอย แต่มันคือการลงทุนเพื่อปลดล็อกความมั่นใจและไลฟ์สไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ ลองจินตนาการถึงชีวิตที่จะได้ยิ้มและหัวเราะอย่างสุดเสียงโดยไม่ต้องคอยกังวลว่าริ้วรอยจะลึกขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับการพยายามใช้เครื่องสำอางปกปิดในจุดที่กังวล และไม่ต้องได้ยินคำทักที่บั่นทอนว่า “ดูเหนื่อยจัง” อีกต่อไป นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ภาพลักษณ์ภายนอกของคุณ กลับมาสะท้อนพลังและความสดใสที่อยู่ข้างในได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย
| คนที่ยังไม่เคยรับบริการ | คนที่รับบริการแล้ว |
|---|---|
| กังวลทุกครั้งที่แสดงสีหน้า กลัวริ้วรอยจะถามหา | มั่นใจในการแสดงอารมณ์ ยิ้มและหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ |
| มักถูกคนทักว่าดูเหนื่อยหรือดูมีอายุ ทั้งที่ยังรู้สึกสดใส | ใบหน้าดูสดชื่น อ่อนเยาว์ คนรอบข้างทักว่าดูดีขึ้น |
| ใช้เวลานานในการแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยเฉพาะจุด | แต่งหน้าง่ายและเร็วขึ้น บางวันแค่ทากันแดดก็พร้อมออกจากบ้าน |
| รู้สึกว่าภาพลักษณ์ภายนอกไม่ตรงกับพลังงานที่อยู่ข้างใน | รู้สึกดีที่ภาพลักษณ์ภายนอกกลับมาตรงกับความรู้สึกข้างใน |
| มองกระจกทีไรก็เห็นแต่ริ้วรอยที่ไม่อยากให้มี | ส่องกระจกแล้วยิ้มได้กว้างขึ้น มีความสุขกับผิวที่เรียบเนียน |
โบท็อกซ์ริ้วรอย ทำงานเหมือน ‘ไฟแดง’ หยุดสัญญาณริ้วรอย
ลองนึกภาพว่าริ้วรอยเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขยับซ้ำๆ เหมือนรถที่วิ่งตลอดเวลา โบท็อกซ์ก็ทำหน้าที่เหมือน “สัญญาณไฟแดง” ที่เข้าไปสั่งให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ “หยุด” การหดตัวชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่หดตัว ผิวหนังด้านบนก็จะเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยจึงดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเข้าไป “เติม” ให้เต็มแบบฟิลเลอร์



ริ้วรอยในแต่ละวัย โบท็อกซ์ช่วยจัดการต่างกันอย่างไร
- วัย 30+ ริ้วรอยแรกเริ่ม (Dynamic Wrinkles) มักเห็นชัดเฉพาะตอนแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกาเวลาหัวเราะ หรือรอยขมวดคิ้ว การฉีดโบท็อกซ์ในวัยนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเล็กๆ เหล่านี้กลายเป็นร่องลึกถาวรในอนาคต
- วัย 40+ ริ้วรอยเริ่มลึกขึ้น (Static Wrinkles) แม้ไม่แสดงอารมณ์ก็ยังมองเห็นร่องรอยได้ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ร่องหว่างคิ้ว โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยลึกดูตื้นและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- วัย 50-60+ ริ้วรอยลึกและถาวร ร่วมกับความหย่อนคล้อยของผิว การฉีดโบท็อกซ์ยังคงช่วยลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ได้ดี แต่อาจต้องใช้หัตถการอื่น เช่น ฟิลเลอร์ หรือเครื่องยกกระชับ ควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปัญหาริ้วรอยแต่ละบริเวณ
| บริเวณ | สาเหตุหลักของริ้วรอย | วิธีชะลอริ้วรอย | ช่วงอายุที่พบ |
|---|---|---|---|
| หน้าผาก | การแสดงสีหน้าซ้ำๆ เช่น การเลิกคิ้ว และอายุที่เพิ่มขึ้น | พยายามหลีกเลี่ยงการเลิกคิ้วบ่อยๆ, ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ | 30 ปีขึ้นไป |
| หว่างคิ้ว | การขมวดคิ้วจากความเครียด, การเพ่งสายตา หรือทำจนเป็นนิสัย | จัดการความเครียด, ใส่แว่นเมื่อต้องเพ่งสายตา, ฝึกไม่ขมวดคิ้ว | 30 ปีขึ้นไป |
| ตีนกา (หางตา) | การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า (ยิ้ม, หัวเราะ) และผิวรอบดวงตาที่บอบบาง | สวมแว่นกันแดดเพื่อลดการหยีตา, ทาอายครีมเป็นประจำ | 25 – 30 ปีขึ้นไป |
| ใต้ตา | อายุที่เพิ่มขึ้น, การแต่งหน้าบ่อยครั้ง และผิวที่บอบบางมากเป็นพิเศษ | เช็ดเครื่องสำอางอย่างเบามือ, พักผ่อนให้เพียงพอ, ทาอายครีม | 30 ปีขึ้นไป |
| ร่องแก้ม | ความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่ลดลงตามวัย | รักษาความชุ่มชื้นของผิว, หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ | 35 – 40 ปีขึ้นไป |


ต้องใช้กี่ยูนิต ประเมินเบื้องต้นสำหรับแต่ละจุด
- หน้าผาก 10-20 ยูนิต
- หว่างคิ้ว 12-25 ยูนิต
- หางตา (ตีนกา) 8-16 ยูนิตต่อข้าง
- ปีกจมูก (รอยย่นจมูก) 4-8 ยูนิต
- ลดกราม (หน้าเรียว) 25-50 ยูนิตต่อข้าง
- ลิฟต์กรอบหน้า 20-30 ยูนิต
หมายเหตุ จำนวนยูนิตที่แน่นอนขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
gantt
title ความสามารถของครีมบำรุง (คะแนนเต็ม 10)
dateFormat X
axisFormat คะแนน %s
section คุณสมบัติ
ความชุ่มชื้น : 0, 8
การลดเลือนริ้วรอย : 0, 3
ซึมอยู่ในผิวนาน 1-2 ชม. : 0, 2
gantt
title ระดับความสามารถของท็อกซิน (คะแนนเต็ม 10)
dateFormat X
axisFormat คะแนน %s
section คุณสมบัติ
ความชุ่มชื้น : 0, 1
การลดเลือนริ้วรอย : 0, 9
การอยู่นาน 4-6 เดือน : 0, 6
เตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
- งดวิตามินหรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา แอสไพริน 1 สัปดาห์
- งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ

ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม ความจริงที่ต้องรู้
การฉีดโบท็อกซ์มีความปลอดภัยสูงมาก หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน อันตรายส่วนใหญ่มักเกิดจากการฉีดกับหมอกระเป๋า ใช้ยาหิ้ว หรือยาที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก ปากเบี้ยว หรือใบหน้าแข็งผิดรูป
เช็กให้ชัวร์ โบท็อกซ์แท้ vs โบท็อกซ์ปลอม
| ✅ โบท็อกซ์ของแท้ | ❌ โบท็อกซ์ปลอม (ความเสี่ยงที่เจอ) |
|---|---|
| สลายได้ 100% ไม่ตกค้างในร่างกาย | อาจสลายไม่หมด ทำให้เกิดการตกค้างเป็นพังผืด |
| ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ แสดงสีหน้าได้ปกติ | เสี่ยงหน้าแข็ง ปากเบี้ยว หนังตาตก กล้ามเนื้อผิดรูป |
| ออกฤทธิ์ตรงจุด แม่นยำ ไม่กระจายไปส่วนอื่น | ควบคุมการกระจายตัวไม่ได้ ทำให้ผลข้างเคียงรุนแรง |
| บริสุทธิ์สูง โอกาสเกิดอาการดื้อยาน้อยมาก | มีสิ่งเจือปน ทำให้เกิดอาการแพ้และเสี่ยงดื้อยาสูง |
| ตรวจสอบได้ มีเอกสารกำกับและเช็กกับบริษัทผู้นำเข้าได้ | ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ เป็นยาหิ้วหรือยาปลอม |

คุ้มไหม ฉีดครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไปผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ จำนวนยูนิตที่ใช้ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ในการลดเลือนริ้วรอยและคืนความมั่นใจ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์
| ข้อควรรู้ | คำอธิบาย |
|---|---|
| เจ็บน้อยมาก | เข็มเบอร์เล็ก ไม่ต้องแปะยาชา ใช้ประคบน้ำแข็งตอนฉีดแทนได้ บางเคสอยากแปะ คลินิกไม่คิดเงินเพิ่ม |
| ห้ามนอนราบ 4 ชั่วโมง | เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ |
| งดนวดหน้า/ทำเลเซอร์ | ควรงดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนหรือการนวดบริเวณใบหน้า 2 สัปดาห์ |
| ออกกำลังกายได้เมื่อไหร่ | สามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้หลังฉีด 24 ชั่วโมง และงดออกกำลังกายหนัก 48 ชั่วโมง |
| การขยับกล้ามเนื้อ | หลังฉีดใหม่ๆ ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ ทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น |

เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์
- ฉีดแล้วหน้าแข็ง ไม่จริง หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม ทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ แสดงอารมณ์ได้ปกติ
- หยุดฉีดแล้วหน้าเหี่ยวกว่าเดิม ไม่จริง เมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ ผิวจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนฉีด ไม่ได้ทำให้แย่ลง
- ฉีดโบท็อกซ์แล้วจะดื้อยา การดื้อยาเกิดขึ้นได้น้อยมาก มักเกิดจากการฉีดบ่อยเกินไป หรือใช้ยาที่ไม่มีคุณภาพ การเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

ผลลัพธ์การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละช่วงเวลา
| สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีหลังทำ | สิ่งที่เกิดขึ้นหลังทำ 7 วัน | สิ่งที่จะไม่ควรเกิดขึ้น |
|---|---|---|
| อาจมีรอยแดงหรือตุ่มนูนเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองใน 1-2 ชั่วโมง | ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าเริ่มจางลงชัดเจน | หน้าแข็ง แสดงความรู้สึกไม่ได้ |
| ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของริ้วรอย | รู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด หรือขยับกล้ามเนื้อได้ไม่เต็มที่ | ริ้วรอยหายไปทันทีหลังฉีดเสร็จ |
| สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ (ยกเว้นข้อห้ามบางอย่าง) | สำหรับการลดกรามจะเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อนิ่มลง | อาการบวมช้ำรุนแรง หรือเจ็บปวดไม่หาย |

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้

รีวิว Botulinum Toxin
ราคาโบท็อกซ์เท่าไหร่


| โปรแกรม | ราคา |
|---|---|
| NEURONOX 50 UNIT | 4,999.- |
| NEURONOX 100 UNIT | 7,999.- |
| AESTOX 50 UNIT | 4,999.- |
| AESTOX 100 UNIT | 7,999.- |
| HUGEL 50 UNIT | 5,999.- |
| HUGEL 100 UNIT | 9,999.- |
| XEOMIN 50 UNIT | 9,000.- |
| XEOMIN 100 UNIT | 17,000.- |
| DYSPORT 120 UNIT | 12,000.- |
| DYSPORT 300 UNIT | 19,000.- |
| BOTOX 50 UNIT | 12,900.- |
| BOTOX 100 UNIT | 19,999.- |
ที่ D’ Lovevery Clinic เรามีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน คุณสามารถสอบถามราคาและโปรโมชั่นล่าสุดได้โดยตรงจากคลินิก
จองคิวปรึกษาแพทย์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย
- สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546


การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อแก้ปัญหา หัวเข่าย่นและศอกย่น นั้น อาจช่วยได้บ้าง แต่ผลลัพธ์จะไม่มากและไม่คงทน เนื่องจากบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเป็นผิวที่มีการขยับอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่นและมีรอยย่นมากกว่าปกติเป็นธรรมดา อีกทั้งกล้ามเนื้อบริเวณนั้น (เช่น กล้ามเนื้อไตรเซปส์ (Triceps brachii) ที่ข้อศอก) มีการใช้งานอยู่เสมอ การคลายกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกซ์จึงอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
สำหรับคนที่มีอายุมากขึ้น การเกิดริ้วรอยหรือรอยพับบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเป็นเรื่องปกติค่ะ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยในบริเวณนี้สามารถทำได้ แต่ ไม่ค่อยคุ้มค่า เนื่องจากผลลัพธ์ไม่คงทนและต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ ปกติโบท็อกซ์อยู่นาน 4-6 เดือน แต่ถ้าบริเวณข้อศอก หัวเข่า อาจจะอยู่ได้แค่ 1-2 เดือนเท่านั้น ทำให้ไม่เป็นที่นิยม ส่วนใหญ่แล้ว คนไข้จะนิยมทำ เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้ผิวหนังกระชับขึ้น หรือ ลดรอยหมองคล้ำ บริเวณข้อศอกและหัวเข่ามากกว่าค่ะ
หลายคนคงคิดว่าโบท็อกซ์ปลอมก็อาจจะแค่ไม่เห็นผลแค่นั้น หมอบอกเลยว่า ผิดค่ะ! ความจริงแล้ว โบท็อกซ์ปลอมเป็นอันตรายร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิดมาก ต้องระวัง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ ติดเชื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ อย่าเสี่ยงกับของปลอมเพื่อแลกกับความสวยนะคะ
ตัวเลขความบริสุทธิ์ของ Botox คือปริมาณสารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะหมายถึงประสิทธิภาพที่แม่นยำกว่า และความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่น้อยกว่า การเลือก Botox ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ปลอดภัย และคุ้มค่า เหมือนกับการเลือกส่วนผสมที่ดีในการทำอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยและคงที่
การดูแลผิวหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบและอ่อนเยาว์นั้น ไม่ใช่แค่การดูแลผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากชั้นผิวไหน เพื่อให้หมอเลือกโปรแกรมที่ ตรงจุด เช่น โปรแกรม Sculptra, Profhilo, Radiesse, Thermage FLX, Potenza, Oligio เหมาะกับการปรับปรุงคุณภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและไขมันตื้น, โปรแกรม Botox ใช้กับริ้วรอยจากการทำงานของกล้ามเนื้อ, โปรแกรม Ulthera ยกกระชับโครงสร้างลึกถึงชั้น SMAS, และ โปรแกรม Filler ช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มโครงสร้างกระดูกและไขมันชั้นลึก การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาในแต่ละชั้นผิวอย่างละเอียด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงามและยั่งยืนค่ะ
คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ
Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ
ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง
กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น
ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ











