การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยระหว่างคิ้วเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมสูง ที่ D’ Lovevery Clinic เราเข้าใจดีว่าการตัดสินใจฉีดครั้งแรกอาจมีความกังวลใจ เราจึงให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด สำหรับท่านที่เคยฉีดมาแล้วและต้องการรักษาผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง ก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้อย่างสบายใจกับแพทย์คนเดิมที่จะดูแลคุณอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลังฉีดโบท็อกซ์หว่างคิ้ว
| คนที่ยังไม่เคยรับบริการ | คนที่รับบริการแล้ว |
|---|---|
| ริ้วรอยร่องลึกระหว่างคิ้วที่มองเห็นชัดเจน แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า | ริ้วรอยเดิมดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวเรียบเนียนขึ้น |
| ใบหน้าอาจดูเคร่งขรึมหรือดูเหมือนโกรธตลอดเวลา | ใบหน้าโดยรวมดูสดใส อ่อนโยน และดูอ่อนเยาว์ลง |
| กังวลกับการแสดงสีหน้า เพราะกลัวริ้วรอยจะลึกขึ้น | มั่นใจในการแสดงสีหน้ามากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องริ้วรอย |


สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยระหว่างคิ้วที่คุณควรรู้
ริ้วรอยระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เร่งให้เกิดรอยย่นได้เร็วขึ้น:
- การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ: การขมวดคิ้วบ่อยครั้งเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวจนเกิดเป็นรอยพับถาวร
- อายุและคอลลาเจน: เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวจะลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
- แสงแดดและมลภาวะ: รังสียูวี (UV) ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวขาดความกระชับและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และความเครียด ล้วนส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

Glabellar Lines VS Bunny Lines
| หัวข้อ | โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว (Glabellar Lines) | โบท็อกซ์สันจมูก (Bunny Lines) |
|---|---|---|
| ตำแหน่งของริ้วรอย | รอยย่นแนวตั้ง 1-2 เส้น ที่ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว | รอยย่นเล็กๆ ที่พาดเฉียงบริเวณสันจมูกและด้านข้างจมูก |
| สาเหตุการเกิด | เกิดจากการขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าเคร่งเครียด หรือการเพ่งมอง | เกิดจากการย่นจมูกเวลายิ้ม หัวเราะ หรือแสดงสีหน้า |
| ผลต่อภาพลักษณ์ | ทำให้ใบหน้าดูดุ เคร่งขรึม หรือเหมือนกำลังโกรธอยู่ตลอดเวลา | ทำให้ดูมีอายุมากขึ้น และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของริ้วรอยบนใบหน้า |
| บริเวณที่ฉีด | กล้ามเนื้อโปรเซรัส (Procerus) และคอร์รูเกเตอร์ (Corrugator) ที่อยู่ระหว่างคิ้ว | กล้ามเนื้อนาซาลิส (Nasalis) ที่อยู่บริเวณสันจมูกทั้งสองข้าง |
| ปริมาณที่ใช้ (โดยประมาณ) | 10 – 25 ยูนิต | 4 – 12 ยูนิต |
| เป้าหมายการรักษา | เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงคิ้วเข้าหากัน ลดรอยย่นร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูผ่อนคลายและอ่อนโยนขึ้น | เพื่อลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บริเวณสันจมูก ทำให้เวลายิ้มหรือแสดงสีหน้าแล้วดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ |

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
- ลดริ้วรอยร่องลึก: ช่วยให้รอยขมวดคิ้วดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
- ป้องกันริ้วรอยในอนาคต: ชะลอการเกิดรอยย่นใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการแสดงสีหน้า
- เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น: เป็นหัตถการที่ใช้เวลาสั้นเพียง 10-15 นาที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ: หากฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใบหน้าจะยังคงแสดงความรู้สึกได้ตามปกติ ไม่แข็งทื่อ
ฉีดโบท็อกซ์ระหว่างคิ้วเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยระหว่างคิ้วจากการขมวดคิ้วบ่อย ๆ
- ผู้ที่ต้องการปรับใบหน้าให้ดูเป็นมิตร สดใส และลดความเคร่งขรึม
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด
pie title สัดส่วนการพบริ้วรอยหว่างคิ้ว
"< 25 ปี" : 10
"25 - 34 ปี" : 20
"35 - 44 ปี" : 35
"> 45 ปี" : 30 อ้างอิงคนไข้ดีเลิฟเวอรี่คลินิก ตั้งแต่ปี 2022-2025

เลือกโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี? ที่สุดสำหรับลดริ้วรอยหว่างคิ้ว
โบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ในประเทศไทยมีหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเด่นและราคาแตกต่างกันไป
- โปรแกรม Allergan (อเมริกา): มีความบริสุทธิ์สูงมาก (99.5%) โอกาสดื้อยาน้อย ออกฤทธิ์แม่นยำ เหมาะกับการฉีดเฉพาะจุดและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ คงอยู่นาน 4-6 เดือน
- โปรแกรม Dysport (อังกฤษ): ตัวยากระจายตัวได้ดี เหมาะกับการฉีดในบริเวณกว้าง ให้ผลลัพธ์ที่ดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ คงอยู่นาน 4-6 เดือน
- โปรแกรม Xeomin (เยอรมนี): เป็น Pure Toxin ที่ไม่มีโปรตีนผสม ลดความเสี่ยงในการดื้อยาในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติดื้อโบท็อกซ์ คงอยู่นาน 4-6 เดือน
- โปรแกรม Boneu (เกาหลี): ออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว และให้ความรู้สึกตึงกระชับได้ดี เป็นที่นิยมและมีคุณภาพสูง
- โปรแกรม Aestox (เกาหลี): มีความบริสุทธิ์สูงและราคาเข้าถึงง่าย ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นฉีดโบท็อกซ์ คงอยู่นาน 3-4 เดือน
ริ้วรอยแบบไหนถึงควรเลือกเป็นการเติมฟิลเลอร์
คุณหมอจะแนะนำให้เติมฟิลเลอร์สำหรับริ้วรอย 2 จุดนี้ก็ต่อเมื่อ…
หลักๆ เลยคือ
- ริ้วรอยมัน “ลึกมาก” จนเป็น “ร่องถาวร” ไปแล้ว คือต่อให้เราไม่ขมวดคิ้ว หรือไม่ย่นจมูก ร่องริ้วรอยพวกนี้ก็ยังเห็นชัดเจน ไม่หายไปไหนค่ะ
- ฉีดโบท็อกซ์แล้วแต่ก็ยังเอาไม่อยู่ โบท็อกซ์ช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดี ทำให้เราขยับแล้วไม่เกิดริ้วรอยใหม่ แต่ถ้าเป็นร่องลึกที่เกิดมานานแล้ว โบท็อกซ์อย่างเดียวก็ไม่สามารถ “ยกฐาน” ร่องนั้นให้ตื้นขึ้นมาได้ทั้งหมดค่ะ

การเตรียมตัวก่อนและดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
ก่อนฉีด:
- ปรึกษาแพทย์: เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- งดยาและวิตามิน: งดวิตามินอี น้ำมันปลา และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs อย่างน้อย 1 สัปดาห์เพื่อลดรอยช้ำ
- แจ้งประวัติสุขภาพ: แจ้งโรคประจำตัวและยาที่แพ้ให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
หลังฉีด:
- ห้ามนอนราบ: งดนอนราบหรือก้มหน้าต่ำกว่าระดับหัวใจเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- ห้ามนวด: ห้ามกด นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการกระจายตัวของยา
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดซาวน่า ออกกำลังกายหนัก และดื่มแอลกอฮอล์ใน 24 ชั่วโมงแรก
- ขยับกล้ามเนื้อ: ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบา ๆ เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัวเข้าสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และความปลอดภัยในการฉีด
การฉีดโบท็อกซ์มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองในไม่กี่วัน หากเกิดความผิดปกติ เช่น คิ้วตก หนังตาตก ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว
| ข้อควรรู้ | คำอธิบาย |
|---|---|
| ต้องใช้กี่ยูนิต | โดยทั่วไปใช้ประมาณ 10-25 ยูนิต แพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความลึกของริ้วรอย |
| กี่วันถึงจะเห็นผล | เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-7 วัน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ |
| ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน | คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและการดูแลตัวเอง |
| ยี่ห้อไหนดีที่สุด | แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นต่างกัน ที่เหมาะกับการทำงานช่วยลดริ้วรอย หรือการทำงานกล้ามเนื้อแต่ละจุด แพทย์จะช่วยเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับคุณที่สุด |
| ปลอดภัยหรือไม่ | ปลอดภัยสูงมากหากฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ |
รีวิว Botulinum Toxin
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย ขมวดคิ้ว หว่างคิ้ว ราคาเท่าไหร่


| โปรแกรม | ราคา |
|---|---|
| NEURONOX 50 UNIT | 4,999.- |
| NEURONOX 100 UNIT | 7,999.- |
| AESTOX 50 UNIT | 4,999.- |
| AESTOX 100 UNIT | 7,999.- |
| HUGEL 50 UNIT | 5,999.- |
| HUGEL 100 UNIT | 9,999.- |
| XEOMIN 50 UNIT | 9,000.- |
| XEOMIN 100 UNIT | 17,000.- |
| DYSPORT 120 UNIT | 12,000.- |
| DYSPORT 300 UNIT | 19,000.- |
| BOTOX 50 UNIT | 12,900.- |
| BOTOX 100 UNIT | 19,999.- |
เช็กให้ชัวร์ โบท็อกซ์แท้ vs โบท็อกซ์ปลอม
| ✅ โบท็อกซ์ของแท้ | ❌ โบท็อกซ์ปลอม (ความเสี่ยงที่เจอ) |
|---|---|
| สลายได้ 100% ไม่ตกค้างในร่างกาย | อาจสลายไม่หมด ทำให้เกิดการตกค้างเป็นพังผืด |
| ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ แสดงสีหน้าได้ปกติ | เสี่ยงหน้าแข็ง ปากเบี้ยว หนังตาตก กล้ามเนื้อผิดรูป |
| ออกฤทธิ์ตรงจุด แม่นยำ ไม่กระจายไปส่วนอื่น | ควบคุมการกระจายตัวไม่ได้ ทำให้ผลข้างเคียงรุนแรง |
| บริสุทธิ์สูง โอกาสเกิดอาการดื้อยาน้อยมาก | มีสิ่งเจือปน ทำให้เกิดอาการแพ้และเสี่ยงดื้อยาสูง |
| ตรวจสอบได้ มีเอกสารกำกับและเช็กกับบริษัทผู้นำเข้าได้ | ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ เป็นยาหิ้วหรือยาปลอม |

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
ที่ D’ Lovevery Clinic เราเชื่อว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดมาจากการบริการที่ใส่ใจและตรงไปตรงมา เราจึงสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเพื่อให้คุณสวยขึ้นได้อย่างสบายใจ
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ เราให้เวลากับคุณอย่างเต็มที่ ไม่ต้องรอนานในบรรยากาศที่ไม่แออัด แพทย์จะให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวอย่างละเอียดเพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ ไม่มีการเร่งรีบตัดสินใจ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน คุณจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ปราศจากเซลส์คอยปิดการขายหรือบังคับซื้อคอร์สที่ไม่จำเป็น เราเน้นให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
- จ่ายสบายเลือกได้ เรามีทางเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น ทั้งระบบมัดจำ แบ่งจ่าย รวมถึงบริการ Shopee PayLater และการผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม คุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ เราใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลและเช็คคอร์สคงเหลือของคุณได้อย่างง่ายดาย พร้อมชมรีวิวจริงจากลูกค้าของเราเพื่อประกอบการตัดสินใจ
- คลินิกได้มาตรฐาน คลินิกสะอาด ปลอดภัย ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง เดินทางสะดวก พร้อมมีที่จอดรถส่วนตัวบริการฟรี


- สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546


สำหรับคำถามที่ว่าปวดไมเกรนบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคอื่นไหม หมอต้องขอตอบตามตรงว่า “มีความเสี่ยงเชื่อมโยงกับโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้ค่ะ” โดยเฉพาะคนที่มีอาการเตือน (Aura) เช่น เห็นแสงวูบวาบก่อนปวด เพราะไมเกรนไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความเจ็บปวด แต่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดและการอักเสบในสมอง ข้อมูลทางการแพทย์พบว่าการปล่อยให้ปวดเรื้อรังโดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเส้นเลือดตีบหรืออุดตันได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่าค่ะ
สิ่งที่หมอห่วงที่สุดคือ “อย่าปล่อยให้ปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยคิดว่าทนไหว” เพราะยิ่งทน อาการยิ่งแย่ และความเสี่ยงก็จะยิ่งสะสมค่ะ ระหว่างทางนี้เราต้องรีบหาทางลดความรุนแรงและความถี่ของการปวดให้ได้มากที่สุด การเข้ามารักษาเพื่อคุมอาการไมเกรนให้อยู่หมัด ไม่ใช่แค่เพื่อให้หายปวดสบายตัวในวันนี้ แต่คือการ “ตัดวงจรความเสี่ยง” ที่จะนำไปสู่โรคสมองที่รุนแรงในอนาคต ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่ามาแก้ไขตอนสายนะคะ
ริ้วรอยจากการนอนหลับ (Sleep Lines) คือ รอยเส้นแนวตั้งหรือแนวทแยงบนใบหน้า ที่เกิดจากการที่ ผิวถูกกดทับและเสียดสีกับหมอนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะท่านอนตะแคง ซึ่งแตกต่างจากริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าทั่วไป โดย Botox และ Filler ช่วยได้ แต่อาจไม่ใช่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากริ้วรอยประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง ดังนั้น การป้องกันจึงสำคัญกว่า ด้วยการ ปรับท่านอนเป็นนอนหงาย เลือกใช้หมอนที่เหมาะสม และบำรุงผิวให้แข็งแรงสม่ำเสมอ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวหน้าค่ะ
แพทย์ทั่วโลกเป็นที่ทราบกันดีว่า ริ้วรอยแนวตั้งหรือแนวทแยงจากการนอนหลับนั้นรักษายากกว่าด้วย Botox หรือ Filler เนื่องจากไม่ใช่ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าโดยตรง ใครที่กังวลเรื่องนี้หรือชอบแนนตะแคง ลองเลือกหาหมอนที่เหมาะสมกับการนอนดูนะคะ
คือ ออฟฟิศซินโดรม คืออาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกิดจาก ท่าทางและการใช้งานหนัก โดยมักจะ เริ่มปวดจากคอบ่าไหล่แล้วลามขึ้นศีรษะ ในขณะที่ ไมเกรน เป็นโรคทางสมองที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้มีอาการ ปวดหัวตุ้บๆ ที่ศีรษะข้างเดียวเป็นหลัก และมีอาการอื่นร่วมด้วย ข่าวดีคือ การฉีดโบท็อกซ์สามารถรักษาได้ทั้งสองภาวะ แต่ทำงานในกลไกที่ต่างกันค่ะ ในออฟฟิศซินโดรม โบท็อกซ์จะเข้าไป คลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวเป็นก้อนโดยตรง เพื่อลดอาการปวดตึงที่ต้นเหตุ ส่วนในเคสไมเกรน โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ ยับยั้งการส่งสัญญาณความเจ็บปวดในระบบประสาท เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ และเนื่องจากความตึงของกล้ามเนื้อจากออฟฟิศซินโดรม เป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ การรักษาด้วยโบท็อกซ์จึงอาจช่วยลดปัญหาได้ทั้งสองทาง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการ เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และวางแผนการรักษาที่ตรงจุดที่สุดค่ะ
การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อแก้ปัญหา หัวเข่าย่นและศอกย่น นั้น อาจช่วยได้บ้าง แต่ผลลัพธ์จะไม่มากและไม่คงทน เนื่องจากบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเป็นผิวที่มีการขยับอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่นและมีรอยย่นมากกว่าปกติเป็นธรรมดา อีกทั้งกล้ามเนื้อบริเวณนั้น (เช่น กล้ามเนื้อไตรเซปส์ (Triceps brachii) ที่ข้อศอก) มีการใช้งานอยู่เสมอ การคลายกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกซ์จึงอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
สำหรับคนที่มีอายุมากขึ้น การเกิดริ้วรอยหรือรอยพับบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเป็นเรื่องปกติค่ะ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยในบริเวณนี้สามารถทำได้ แต่ ไม่ค่อยคุ้มค่า เนื่องจากผลลัพธ์ไม่คงทนและต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ ปกติโบท็อกซ์อยู่นาน 4-6 เดือน แต่ถ้าบริเวณข้อศอก หัวเข่า อาจจะอยู่ได้แค่ 1-2 เดือนเท่านั้น ทำให้ไม่เป็นที่นิยม ส่วนใหญ่แล้ว คนไข้จะนิยมทำ เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้ผิวหนังกระชับขึ้น หรือ ลดรอยหมองคล้ำ บริเวณข้อศอกและหัวเข่ามากกว่าค่ะ
หลายคนคงคิดว่าโบท็อกซ์ปลอมก็อาจจะแค่ไม่เห็นผลแค่นั้น หมอบอกเลยว่า ผิดค่ะ! ความจริงแล้ว โบท็อกซ์ปลอมเป็นอันตรายร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิดมาก ต้องระวัง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ ติดเชื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ อย่าเสี่ยงกับของปลอมเพื่อแลกกับความสวยนะคะ
ตัวเลขความบริสุทธิ์ของ Botox คือปริมาณสารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะหมายถึงประสิทธิภาพที่แม่นยำกว่า และความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่น้อยกว่า การเลือก Botox ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ปลอดภัย และคุ้มค่า เหมือนกับการเลือกส่วนผสมที่ดีในการทำอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยและคงที่
การดูแลผิวหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบและอ่อนเยาว์นั้น ไม่ใช่แค่การดูแลผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากชั้นผิวไหน เพื่อให้หมอเลือกโปรแกรมที่ ตรงจุด เช่น โปรแกรม Sculptra, Profhilo, Radiesse, Thermage FLX, Potenza, Oligio เหมาะกับการปรับปรุงคุณภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและไขมันตื้น, โปรแกรม Botox ใช้กับริ้วรอยจากการทำงานของกล้ามเนื้อ, โปรแกรม Ulthera ยกกระชับโครงสร้างลึกถึงชั้น SMAS, และ โปรแกรม Filler ช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มโครงสร้างกระดูกและไขมันชั้นลึก การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาในแต่ละชั้นผิวอย่างละเอียด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงามและยั่งยืนค่ะ
คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ











