ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ผลิตภัณฑ์ Dysport Botox ของแท้ ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก D' Lovevery Clinic

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

Botulinum Toxin

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

Dysport คืออะไร ดียังไง ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา

True beauty radiates from confidence, allowing your natural grace to shine through with every expression

Dysport Botox ดียังไง ราคาเท่าไหร่

โปรแกรม Dysport Botox ที่ D’ Lovevery Clinic คือการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าจากประเทศอังกฤษ ที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์หลากหลายประเทศจากทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเด่นในการกระจายตัวของยา ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง และยังช่วยให้ผิวรู้สึกเบาสบาย เราพร้อมมอบประสบการณ์การดูแลผิวพรรณที่ละเอียดอ่อนและพิถีพิถัน เพื่อให้คุณเผยความงามในแบบของคุณได้อย่างมั่นใจ

ทำความรู้จักโปรแกรม Dysport Botox โบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษ

Dysport Botox หรือที่รู้จักกันในชื่อโบท็อกซ์อังกฤษ เป็นสาร Botulinum Toxin Type A ที่ผลิตโดยบริษัท Ipsen Biopharm Limited ในประเทศอังกฤษ ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งจาก US FDA และ อย. ไทย จุดเด่นของ Dysport อยู่ที่ขนาดโมเลกุลที่เล็ก ทำให้มีการกระจายตัวของยาได้ดีและรวดเร็ว ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

โปรแกรม Dysport Botox จุดไหนได้บ้าง

  • ทุกองศา “ใบหน้า” ด้วย ABO Active 3D จะองศาไหนก็เอาอยู่ เพราะ “ABO Active 3D” คือสารลดเลือนริ้วรอยประสิทธิภาพสูง ยืนยันด้วยเสียงจากผู้ใช้จริงกว่า 33% อีกทั้งยังมีงานวิจัยรองรับ รับรองว่าสวยเป๊ะดูเป็นธรรมชาติทั้งตัว พร้อมออกงานทันทีไม่มีโป๊ะแน่นอนค่ะ
  • ปรับ “เรียวขา” เป๊ะ ไม่มีโป๊ะด้วย ABO Active 3D คลายขาใหญ่ ไม่กระชับ ให้เป็นขาเรียวสวย แม้แต่บริเวณขาที่มีกล้ามเนื้อเป็นก้อนๆ ก็จะเล็กลงตามไปด้วย
  • เพิ่มความมั่นใจ ลดเหงื่อ “ใต้วงแขน” ด้วย ABO Active 3D เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อใกล้กับต่อมเหงื่อ ส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลง
  • ปรับ “ลำคอ” ให้เรียวสวยด้วย ABO Active 3D จะเข้าไปออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เหนียงคอ ซึ่งกล้ามเนื้อลำคอจะมีทั้งมัดที่ดึงขึ้น และดึงลง เมื่อมัดที่ดึงลงถูกยับยั้งการทำงานจาก ABO Active 3D กล้ามเนื้อมัดที่ดึงขึ้นจึงทำงานได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ลำคอตึงกระชับ เรียว สวย
  • สยบปัญหาเหงื่อออก “ฝ่ามือ” มากเกินไปด้วย ABO Active 3D เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อใกล้กับต่อมเหงื่อ ทำให้กล้ามเนื้อบีบรัดน้อยลง ส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลง

Dysport Botox ทำงานอย่างไร

Dysport Botox ทำงานโดยโมเลกุล Heavy chain จะเข้าจับกับเซลล์ประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ เพื่อยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อนั้นๆ ส่วนโมเลกุล Light chain จะเข้าไปในเซลล์เพื่อลดการปล่อยสารสื่อประสาท Acetylcholine ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อทำงานน้อยลง ขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดก็จะลดลง ส่งผลให้ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลง และรูปหน้าดูเรียวขึ้น

Dysport Botox เหมาะกับใคร

โปรแกรม Dysport Botox เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

  • ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
  • ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หรือยกกระชับกรอบหน้าด้วยเทคนิค Dermolift
  • ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม น่อง หรือต้นแขน
  • ลดปัญหาเหงื่อออกมากเกินไปบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า
อายุ 30+ ฉีดโบท็อกซ์ตัวไหนดี
อายุ 40+ ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ยูนิต
อายุ 50+ ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี อายุเยอะจะยังเห็นผลไหม ฉีดที่ไหนดี

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของโปรแกรม Dysport Botox

ข้อดี

  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ตัวยากระจายตัวได้ดี ทำให้ริ้วรอยลดลงอย่างนุ่มนวล ใบหน้ายังคงแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ
  • ออกฤทธิ์รวดเร็ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-7 วันหลังการฉีด
  • เหมาะกับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ด้วยคุณสมบัติการกระจายตัวที่ดี ทำให้เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ลดน่อง ลดต้นแขน
  • โอกาสการดื้อยาน้อย มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดความเสี่ยงของการดื้อยาเมื่อฉีดอย่างต่อเนื่อง
  • ช่วยยกกระชับกรอบหน้า เหมาะสำหรับเทคนิค Dermolift ที่ช่วยยกกระชับผิวและกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณา

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร เช่นเดียวกับโบท็อกซ์ประเภทอื่นๆ ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
  • ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากตัวยามีการกระจายตัวกว้าง การฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
  • อาจมีอาการตึง บวมเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

การเตรียมตัวก่อนรับบริการโปรแกรม Dysport Botox

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม Dysport Botox และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือยาที่กำลังรับประทานอยู่ โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • งดการสครับผิว เลเซอร์ หรือนวดหน้าบริเวณที่จะฉีดล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1 สัปดาห์

การดูแลตัวเองหลังรับบริการโปรแกรม Dysport Botox

  • งดกด นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด รวมถึงหลีกเลี่ยงการนอนราบเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังฉีด
  • ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ เป็นเวลา 30 นาที เพื่อช่วยให้ยาซึมเข้ากล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า เลเซอร์ แสงแดดจัด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารรสจัด อาหารหมักดอง ประมาณ 2-3 วัน
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง หรือเจ็บปวดผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ข้อควรรู้ก่อนรับบริการโปรแกรม Dysport Botox

ข้อควรรู้คำตอบ
บวมไหม?อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน 🟡
บวมกี่วัน?โดยทั่วไปอาการบวมจะดีขึ้นภายใน 1-3 วัน
เห็นผลกี่วัน?เริ่มเห็นผลภายใน 2-7 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์
อยู่ได้นานแค่ไหน?ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและแต่ละบุคคล
ต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นอย่างไร?Dysport มีคุณสมบัติการกระจายตัวที่กว้างกว่า ทำให้เหมาะกับการฉีดกล้ามเนื้อมัดใหญ่และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ แต่ปริมาณยูนิตต่อขวดจะต่างจากโบท็อกซ์อเมริกา (Dysport 300 SU เทียบเท่าประมาณ 100-120 ยูนิตของโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น) เทคนิคการฉีดควรใช้โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 🟢🟢🟢 เทียบกับโบท็อกซ์อเมริกาที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุดมากกว่า

ตารางเปรียบเทียบ Dysport, Allergan และ Xeomin

คุณสมบัติDysport (โบท็อกซ์อังกฤษ)Allergan (โบท็อกซ์อเมริกา)Xeomin (โบท็อกซ์เยอรมัน)
จุดเด่นกระจายตัวกว้าง เป็นธรรมชาติ ออกฤทธิ์เร็วแม่นยำสูง เป็นที่นิยมและยอมรับบริสุทธิ์สูง ไม่มีโปรตีนเชิงซ้อน ลดโอกาสดื้อยา
เหมาะสำหรับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (กราม, น่อง) ลิฟต์กรอบหน้าริ้วรอยเฉพาะจุดที่ต้องการความแม่นยำสูง (หว่างคิ้ว, หางตา)ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงการดื้อยา หรือเคยมีประวัติดื้อยา
ข้อควรรู้การนับยูนิตแตกต่างจากยี่ห้ออื่น โดย 2.5-3 ยูนิตของ Dysport จะเทียบเท่าประมาณ 1 ยูนิตของ Allergan/Xeominเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับยาวนานที่สุด ทำให้ราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นด้วยความบริสุทธิ์สูง ทำให้บางรายอาจรู้สึกตึงน้อยกว่ายี่ห้ออื่นในตอนแรก

รีวิวโบ Botulinum Toxin

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic

  • เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
  • สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
  • จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
  • ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
  • รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
  • แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
  • คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
  • โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้
ดีเลิฟเวอรี่คลินิก รับชำระด้วย Shopee SPayLater

Dysport ราคาเท่าไหร่

ราคาโบท็อกซ์ อเมริกา เยอรมัน อังกฤษ แตกต่างกันยังไง เลือกแบบไหนดี

ติดต่อ D’ Lovevery Clinic

หากคุณพร้อมที่จะคืนความอ่อนเยาว์และเผยความงามที่เป็นธรรมชาติในแบบของคุณ D’ Lovevery Clinic ยินดีต้อนรับและพร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

  • สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
  • สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546

คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง

อ่านเพิ่มเติม

การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ

ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง

กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น

ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ

เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคนไข้ที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น สามารถเลือกทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหาค่ะ หาก กรามใหญ่ จากกล้ามเนื้อ การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กรามเล็กลง, ถ้ามี ไขมันที่แก้มและเหนียง เยอะ การฉีด เมโสแฟต เพื่อสลายไขมันเป็นทางเลือกที่ดี, หรือหากใบหน้า หย่อนคล้อย ไม่กระชับ การทำเครื่องยกกระชับอย่าง HIFU หรือ Ulthera ก็จะช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดและดูเรียวขึ้นได้ ซึ่งในคนไข้บางรายอาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนตัดสินใจค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกซ์หลายยี่ห้อในปีเดียวจะเป็นอะไรไหม หมอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การสลับยี่ห้อ แต่อยู่ที่ ความบริสุทธิ์ของตัวยา, การเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย., และการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ โบทูลินัมท็อกซินแต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกา เกาหลี หรือเยอรมัน จะมีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เช่น ความแน่นของการจับกับกล้ามเนื้อ หรือการกระจายตัวของยา แต่หัวใจหลักของมันคือการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน ตราบใดที่เรามั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานและฉีดในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ผลลัพธ์ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ

ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะหากปีก่อนเคยฉีดอีกยี่ห้อ แล้วปีนี้จะมาฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ร่างกายเราไม่ได้จดจำยี่ห้อค่ะ สิ่งที่ร่างกายสนใจคือตัวยาที่เข้าไปทำงาน การสลับยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นยาแท้ 100% และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันตามมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ นี่คือหัวใจของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น

ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก

พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา

อ่านเพิ่มเติม

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามที่ถูกวิธี จะไม่ทำให้หน้าห้อยค่ะ เพราะกระบวนการนี้เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อยของผิวโดยตรง

แต่ที่บางคนรู้สึกว่าหน้าห้อย มีสาเหตุดังนี้ค่ะ

  • ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป จนกล้ามเนื้อกรามลีบเร็วเกิน ส่งผลให้ผิวอาจดูห้อยจากที่เคยมีกล้ามเนื้อพยุงไว้
  • กรณีบางคนที่โครงสร้างใบหน้ามีไขมันน้อย หรือเนื้อแก้มบาง เมื่อกรามเล็กลงอาจแอบรู้สึกว่าผิวตรงแนวกรามหย่อนกว่าเดิมเล็กน้อย

สำหรับเคสที่มีไขมันแก้มเยอะ เวลาฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วกล้ามเนื้อกรามยุบลง ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น แต่ ถ้าไขมันบริเวณแก้ม, มุมกราม หรือเหนียงเยอะอยู่แล้ว ในบางคนอาจสังเกตว่าไขมันตรงนั้น “ดูหย่อน” มากกว่าเดิมได้ค่ะ กรณีนี้ต้องหาตัวช่วยอื่นในการจัดการกับไขมันร่วมด้วย ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามอย่างเดียวยุคนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้าด้วย ว่าทำแล้วจะส่งผลดีมากน้อยแค่ไหนกับรูปหน้าของเราค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

20

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

google
보크
보크
06/09/2025
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
24/12/2024
google
วิภัทร พงศ์ทิพากร
วิภัทร พงศ์ทิพากร
21/07/2024
facebook
Wipat Pongtipagorn
Wipat Pongtipagorn
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Peter Nick
Peter Nick
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Tay Pattara
Tay Pattara
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
วสิทธิ์ ทองโผ
วสิทธิ์ ทองโผ
แนะนำเลย
12/05/2024