Confidence sculpted, not by age, but by choice. Embrace your refined self.

ที่ D’ Lovevery Clinic เราเข้าใจถึงความปรารถนาในการมีผิวหน้าที่เรียบเนียนและรูปหน้าที่ได้สัดส่วน โปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan แท้จากสหรัฐอเมริกา คือคำตอบเพื่อการดูแลความงาม Allergan เป็นโบท็อกซ์จากบริษัทผู้คิดค้นและวิจัยโบท็อกซ์มาตั้งแต่ปี 1989 มีงานวิจัยรองรับและความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากทั้ง US FDA และ อย. ประเทศไทย ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน
โปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan ทำงานโดยการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น และยังสามารถช่วยลดเหงื่อใต้วงแขนได้อีกด้วย
โปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan คืออะไร
โปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan คือการใช้สารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) บริสุทธิ์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสารที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มานานกว่า 30 ปี เพื่อการปรับปรุงความงามและแก้ไขปัญหาผิวหน้า รวมถึงสรีระต่างๆ โดยสารนี้จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ช่วยให้ริ้วรอยลดเลือนลง และยังสามารถใช้ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Botox Allergan คงผลลัพธ์ได้นาน

ระยะเวลาผลลัพธ์ | รายละเอียด |
---|---|
สำหรับคนไข้ส่วนมาก | 4-6 เดือน |
แต่ก็มีคนไข้จำนวนมากที่อยู่ได้นานกว่า | ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน โดยริ้วรอยยังไม่กลับมาเท่าก่อนทำหัตถการ ในบางเคสแพทย์แนะนำให้ทำปีละครั้งได้ |
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา | การดูแลตัวเองหลังทำ, สภาพผิวและกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล, ปริมาณยูนิตที่ใช้ |
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan
ข้อดี
- ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนในริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก ตีนกา และรอยขมวดคิ้ว
- ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและเรียวสวย
- ปลอดภัย ได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นโบท็อกซ์ต้นตำรับจากอเมริกา ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทย
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยคงการแสดงออกทางสีหน้าตามธรรมชาติ
- มีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก มั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร โดยทั่วไปคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลและการตอบสนองของแต่ละบุคคล
- อาจเกิดรอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
- ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
- ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อหรือแพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์
บริเวณที่ฉีด | ปริมาณยูนิต (โดยประมาณ) | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
ริ้วรอยทั่วใบหน้า | ||
หน้าผาก | 10-20 | ⭐ ลดรอยย่นหน้าผาก |
ระหว่างคิ้ว (ขมวดคิ้ว) | 10-25 | ⭐ ลดรอยขมวดคิ้ว ทำให้หน้าดูสดใสขึ้น |
หางตา (ตีนกา) | 8-16 (ข้างละ 4-8) | ⭐ ลดรอยย่นรอบดวงตา |
ปีกจมูก | 4-8 | 🔸 ช่วยลดปีกจมูกบาน |
รอยย่นจมูก (Bunny Lines) | 4-8 | 🔸 ลดรอยย่นเมื่อยิ้ม |
ยกคิ้ว | 2-4 | 🔸 ช่วยยกหางคิ้วให้ดูโค้งสวย |
ปรับรูปหน้า | ||
กราม | 20-50 (ข้างละ) | ⭐ ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ปรับหน้าเรียว V-Shape |
กรอบหน้า (Nefertiti Lift) | 20-30 | 🔸 ยกกระชับกรอบหน้าให้คมชัด |
ส่วนอื่นๆ | ||
ลดเหงื่อใต้วงแขน | 50-100 (ข้างละ) | ⭐ ลดเหงื่อออกมากเกินไป |
น่อง | 50-100 (ข้างละ) | ⭐ ปรับขาให้ดูเรียวขึ้น |
รอยย่นคอ | 20-50 | 🔸 ลดริ้วรอยบริเวณลำคอ |
ปริมาณ 50 ยูนิต เหมาะกับ | ⭐ การลดริ้วรอยทั่วใบหน้า (หน้าผาก, หว่างคิ้ว, หางตา) หรือการลดกรามข้างเดียว หรือลดเหงื่อใต้วงแขน 1 ข้าง | |
ปริมาณ 100 ยูนิต เหมาะกับ | ใช้ไม่หมดเก็บประวัติไว้ได้ | ⭐ การลดริ้วรอยทั่วใบหน้าหลายจุด + ลดกราม หรือลดเหงื่อใต้วงแขน 2 ข้าง หรือการปรับรูปน่อง |

การเตรียมตัวก่อนรับบริการโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan
เพื่อให้การรักษาด้วยโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย คุณควรเตรียมตัวดังนี้
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด แจ้งความต้องการ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และสอบถามข้อสงสัยทั้งหมด
- แจ้งประวัติสุขภาพ แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมด
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด งดแอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา และอาหารเสริมที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดอย่างน้อย 2-3 วันก่อนทำหัตถการ
การดูแลตัวเองหลังรับบริการโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ไม่นอนราบเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง หลังการฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
- ไม่นวด กด หรือคลึง บริเวณที่ฉีด งดการทำทรีตเมนต์หน้าหรือนวดหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- เลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า สตีม หรือการออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 2 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างรุนแรงประมาณ 24 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียและช่วยในการฟื้นตัว
- ติดตามผลกับแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อควรรู้ก่อนรับบริการโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan
ข้อควรรู้ | รายละเอียด |
---|---|
หลังฉีดโบท็อกซ์บวมไหม บวมกี่วัน? | 🔸 อาจมีรอยแดงหรือจุดเข็มเล็กน้อย ไม่บวม |
เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่? | 🔸 เห็นผลการเปลี่ยนแปลงใน 3-7 วันเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ |
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน? | 🔸 ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล |
ต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นอย่างไร? | ⭐ โบท็อกซ์ Allergan เป็นต้นตำรับ มีความบริสุทธิ์สูง โอกาสดื้อยาน้อย |
ต้องฉีดกี่ Unit? | 🔸 ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล แพทย์จะประเมินเป็นรายเคส |
ราคาโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan? | 💰 ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท (สำหรับ 100 ยูนิต) |
BOTOX แตกต่างจาก โปรแกรม DYSPORT อย่างไร
คุณสมบัติ | โปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan (อเมริกา) | โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport (อังกฤษ) |
---|---|---|
แหล่งผลิต | สหรัฐอเมริกา | สหราชอาณาจักร |
บริสุทธิ์ | สูงมาก (มีความบริสุทธิ์สูง) | สูง (มีความบริสุทธิ์สูง แต่มีโปรตีนเชิงซ้อนมากกว่า) |
การกระจายตัวของยา | แคบ ควบคุมการออกฤทธิ์ได้แม่นยำ | กว้างกว่า กระจายตัวได้ดี เหมาะกับบริเวณกว้าง |
ระยะเวลาเห็นผล | 🔸 เริ่มเห็นผล 3-7 วัน (เต็มที่ 2 สัปดาห์) | 🔸 เริ่มเห็นผล 1-3 วัน (เร็วกว่า Allergan เล็กน้อย) |
ระยะเวลาคงผลลัพธ์ | ⭐ 4-6 เดือน (ในบางรายถึง 6-8 เดือน) | ⭐ 4-6 เดือน |
อัตราส่วนยูนิต | 1:1 (มาตรฐานสากล) | ประมาณ 1:2.5 ถึง 1:3 (Dysport 2.5-3 ยูนิต เทียบเท่า Allergan 1 ยูนิต) |
เหมาะสำหรับ | ริ้วรอยเล็กๆ, รอยย่นที่ต้องการความแม่นยำสูง, ลดกราม, รัดแกน, คอ | ริ้วรอยบริเวณกว้างๆ เช่น หน้าผาก, ลดเหงื่อ, ลดน่อง |
ความเสี่ยงดื้อยา | 🔸 ต่ำ เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูง | 🔸 ต่ำ เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูง |
Botulinum Toxin มาจากที่ไหนบ้าง
ยี่ห้อ | ประเทศต้นกำเนิด |
---|---|
Allergan | สหรัฐอเมริกา |
Dysport | สหราชอาณาจักร |
Xeomin | เยอรมนี |
Nabota | เกาหลีใต้ |
Neuronox | เกาหลีใต้ |
INBO | เกาหลีใต้ |
Aestox | เกาหลีใต้ |
Botulax | เกาหลีใต้ |
Neuronox | เกาหลีใต้ |
ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
ที่ D’ Lovevery Clinic เรามุ่งมั่นมอบประสบการณ์การดูแลความงามที่ดีที่สุด ด้วยหัวใจที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ เราให้ความสำคัญกับการบริการแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ต้องรอนาน บรรยากาศไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case อย่างละเอียด ไม่เร่งรีบ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลครบถ้วนและตัดสินใจได้อย่างสบายใจที่สุด
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน เราไม่มีเซลส์คอยปิดการขายหรือพยายามบังคับซื้อคอร์สที่ไม่จำเป็น คุณจะได้รับคำแนะนำที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
- จ่ายสบายเลือกได้ เรามีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ และอำนวยความสะดวกด้วยการรองรับ Shopee PayLater รวมถึงการผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม เพื่อให้การรักษามีความต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณจะได้ติดตามผลและรับการดูแลจากแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรงในทุกครั้ง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง เราภูมิใจนำเสนอรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงของเรา ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันถึงคุณภาพและผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ไม่ใช่รีวิวจากดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้ แพทย์ของเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง สามารถตรวจสอบประวัติและผลงานได้ เพื่อความมั่นใจสูงสุดของคุณ
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกของเราได้รับการรับรองมาตรฐาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีที่จอดรถฟรี และเดินทางสะดวก
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ เราให้ข้อมูลที่รวดเร็วและครบถ้วน คุณสามารถเช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในคุณภาพ

รีวิวฉีด Botulinum Toxin
Botulinum Toxin ที่คลินิก ราคาเท่าไหร่

ปรึกษาหรือนัดหมายรับบริการโปรแกรมโบท็อกซ์ Allergan ที่ D’ Lovevery Clinic วันนี้!
- D’ Lovevery Clinic สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- D’ Lovevery Clinic สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546
คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ
Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ
ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง
กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น
ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ
สำหรับคนไข้ที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น สามารถเลือกทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหาค่ะ หาก กรามใหญ่ จากกล้ามเนื้อ การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กรามเล็กลง, ถ้ามี ไขมันที่แก้มและเหนียง เยอะ การฉีด เมโสแฟต เพื่อสลายไขมันเป็นทางเลือกที่ดี, หรือหากใบหน้า หย่อนคล้อย ไม่กระชับ การทำเครื่องยกกระชับอย่าง HIFU หรือ Ulthera ก็จะช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดและดูเรียวขึ้นได้ ซึ่งในคนไข้บางรายอาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนตัดสินใจค่ะ
สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกซ์หลายยี่ห้อในปีเดียวจะเป็นอะไรไหม หมอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การสลับยี่ห้อ แต่อยู่ที่ ความบริสุทธิ์ของตัวยา, การเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย., และการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ โบทูลินัมท็อกซินแต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกา เกาหลี หรือเยอรมัน จะมีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เช่น ความแน่นของการจับกับกล้ามเนื้อ หรือการกระจายตัวของยา แต่หัวใจหลักของมันคือการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน ตราบใดที่เรามั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานและฉีดในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ผลลัพธ์ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะหากปีก่อนเคยฉีดอีกยี่ห้อ แล้วปีนี้จะมาฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ร่างกายเราไม่ได้จดจำยี่ห้อค่ะ สิ่งที่ร่างกายสนใจคือตัวยาที่เข้าไปทำงาน การสลับยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นยาแท้ 100% และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันตามมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ นี่คือหัวใจของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุดค่ะ
ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น
ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก
พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามที่ถูกวิธี จะไม่ทำให้หน้าห้อยค่ะ เพราะกระบวนการนี้เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อยของผิวโดยตรง
แต่ที่บางคนรู้สึกว่าหน้าห้อย มีสาเหตุดังนี้ค่ะ
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป จนกล้ามเนื้อกรามลีบเร็วเกิน ส่งผลให้ผิวอาจดูห้อยจากที่เคยมีกล้ามเนื้อพยุงไว้
- กรณีบางคนที่โครงสร้างใบหน้ามีไขมันน้อย หรือเนื้อแก้มบาง เมื่อกรามเล็กลงอาจแอบรู้สึกว่าผิวตรงแนวกรามหย่อนกว่าเดิมเล็กน้อย
สำหรับเคสที่มีไขมันแก้มเยอะ เวลาฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วกล้ามเนื้อกรามยุบลง ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น แต่ ถ้าไขมันบริเวณแก้ม, มุมกราม หรือเหนียงเยอะอยู่แล้ว ในบางคนอาจสังเกตว่าไขมันตรงนั้น “ดูหย่อน” มากกว่าเดิมได้ค่ะ กรณีนี้ต้องหาตัวช่วยอื่นในการจัดการกับไขมันร่วมด้วย ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามอย่างเดียวยุคนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้าด้วย ว่าทำแล้วจะส่งผลดีมากน้อยแค่ไหนกับรูปหน้าของเราค่ะ