ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

คำนวณ BMI ออนไลน์ ฟรี!!

เกณฑ์ค่า BMI สำหรับคนไทย (WHO – Asia Pacific)

BMI (kg/m²) เกณฑ์ ความเสี่ยง
น้อยกว่า 18.50 น้ำหนักน้อย / ผอม มากกว่าคนปกติ
18.50 – 22.90 ปกติ (สุขภาพดี) เท่าคนปกติ
23.00 – 24.90 ท้วม / โรคอ้วนระดับ 1 อันตรายระดับ 1
25.00 – 29.90 อ้วน / โรคอ้วนระดับ 2 อันตรายระดับ 2
มากกว่า 30.00 อ้วนมาก / โรคอ้วนระดับ 3 อันตรายระดับ 3
แชร์บอกเพื่อน
ปากกา wegovy ลดความอ้วน ราคาเท่าไหร่
ปากกา Mounjaro 2-5mg ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน คลินิก กรุงเทพ

ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) มีความสำคัญในหลายด้าน ดังนี้

  1. บ่งชี้ภาวะน้ำหนักตัว: BMI ช่วยประเมินว่าบุคคลมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ น้ำหนักเกิน หรืออ้วน ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพ
  2. ประเมินความเสี่ยงโรค: ค่า BMI ที่สูงหรือต่ำเกินไปสัมพันธ์กับความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งบางชนิด
  3. วางแผนควบคุมน้ำหนัก: ค่า BMI ช่วยให้ทราบเป้าหมายน้ำหนักที่เหมาะสม และใช้วางแผนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ติดตามการเปลี่ยนแปลง: การวัด BMI เป็นระยะช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว และประเมินความสำเร็จของการควบคุมน้ำหนักได้
  5. ใช้ในงานวิจัยทางการแพทย์: BMI เป็นดัชนีที่นิยมใช้ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางป้องกันและรักษาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม BMI เป็นเพียงตัวชี้วัดเบื้องต้น ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เพศ อายุ มวลกล้ามเนื้อ และไขมันในร่างกาย เพื่อให้ได้ข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น

bmi คืออะไร สำคัญยังไง ตรวจ bmi ออนไลน์

หัตถการที่ต้องมีการตรวจค่า BMI (ดัชนีมวลกาย) ก่อนให้บริการ ได้แก่:

  1. การผ่าตัดลดน้ำหนัก (Bariatric surgery) เช่น การผ่าตัดกระเพาะอาหาร หรือการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนต้น
  2. การผ่าตัดเสริมหน้าอก (Breast augmentation) เนื่องจากค่า BMI ที่สูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
  3. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total knee replacement) เพราะค่า BMI ที่สูงอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวและอายุการใช้งานของข้อเทียม
  4. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Total hip replacement) ด้วยเหตุผลเดียวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
  5. การคลอดบุตร (Childbirth) เนื่องจากค่า BMI ที่สูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์และคลอด
  6. การผ่าตัดเลเซอร์รักษาสายตา (LASIK eye surgery) เพราะค่า BMI ที่สูงอาจส่งผลต่อความหนาของกระจกตา ซึ่งมีผลต่อการผ่าตัด
  7. รวมถึงการผ่าตัดใหญ่อื่นๆ ที่ต้องมีการดมยาสลบ (General anesthesia) เนื่องจากค่า BMI ที่สูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการดมยาสลบ

การตรวจค่า BMI ก่อนให้บริการหัตถการเหล่านี้ช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

BMI เท่าไหร่ดี

BMI kg/m2อยู่ในเกณท์ภาวะเสี่ยงต่อโรค
น้อยกว่า 18.50น้ำหนักน้อย / ผอมมากกว่าคนปกติ
ระหว่าง 18.50 – 22.90ปกติ (สุขภาพดี)เท่าคนปกติ
ระหว่าง 23 – 24.90ท้วม / โรคอ้วนระดับ 1อันตรายระดับ 1
ระหว่าง 25 – 29.90อ้วน / โรคอ้วนระดับ 2อันตรายระดับ 2
มากกว่า 30อ้วนมาก / โรคอ้วนระดับ 3อันตรายระดับ 3

การดูแลตัวเองของคนที่มีค่า BMI ในแต่ละช่วงดังนี้

น้อยกว่า 18.50 (น้ำหนักน้อย / ผอม)

  • ควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ
  • ควรออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง

ระหว่าง 18.50 – 22.90 (ปกติ / สุขภาพดี)

  • ควรรักษาน้ำหนักในระดับที่เหมาะสม
  • ควรรักษาการออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี

ระหว่าง 23 – 24.90 (ท้วม / โรคอ้วนระดับ 1)

  • ควรลดน้ำหนักอย่างเป็นระบบ โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
  • ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลเพิ่มเติม

ระหว่าง 25 – 29.90 (อ้วน / โรคอ้วนระดับ 2)

  • ควรลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
  • ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลเพิ่มเติม

มากกว่า 30 (อ้วนมาก / โรคอ้วนระดับ 3)

  • ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันทีเพื่อการรักษา
  • ควรปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคให้น้อยลง

การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพให้ดีและลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากค่า BMI ที่สูงขึ้น

อยากผอม ทำยังไง
ปากกาคุมน้ำหนัก ใช้ยังไง

ไขมันในช่องท้อง หรือ Visceral Fat เป็นไขมันที่สะสมอยู่ลึกในช่องท้องและจะล้อมรอบอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ตับ และไต สาเหตุหลักของการมีไขมันในช่องท้องสูงได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลสูง ขาดการออกกำลังกาย ความเครียดเรื้อรัง และการดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลของ Harvard T.H. Chan School of Public Health ระบุชัดว่าไขมันชนิดนี้สัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อสุขภาพ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง (เบาหวาน)โรคหัวใจและหลอดเลือดความดันโลหิตสูง, และ ไขมันพอกตับ ซึ่งต่างจากไขมันชนิดอื่นเพราะมันจะไปรบกวนระบบทำงานของอวัยวะภายในโดยตรง

ขณะเดียวกัน ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) จะสะสมอยู่ตรงชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งโดยมากพบที่ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้องใต้ผิว ตัวนี้จะทำให้รูปร่างดูแน่นหรือมีเซลลูไลท์ แต่ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของอวัยวะภายในโดยตรง ความรุนแรงด้านสุขภาพต่ำกว่า visceral fat เยอะ ที่มาโดยหลักคือ การได้รับแคลอรีเกินกว่าที่ใช้ กรรมพันธุ์ และฮอร์โมนเพศ เช่น พบมากในผู้หญิงช่วงอายุกลางคนเป็นต้นไป ถึงแม้จะไม่ทำให้เกิดภาวะที่อันตรายในทันที แต่ถ้าสะสมมาก ก็อาจเกิดปัญหาด้านรูปร่างและความมั่นใจ การลดไขมันทั้งสองชนิดนั้นแนะนำ เน้นควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแบบแอโรบิก และฝึกเวทเทรนนิ่งอย่างสม่ำเสมอ เพราะได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยว่าเป็นวิธีที่เห็นผลดีที่สุดในระยะยาว

อ่านเพิ่มเติม

ถ้าอยากให้กรอบหน้าชัดและดูยกกระชับจริง ๆ วิธีที่ได้ผลยั่งยืนและปลอดภัยที่สุดคือ “การลดน้ำหนัก” เพราะแม้หัตถการต่าง ๆ เช่น ร้อยไหม เครื่องยกกระชับ หรือศัลยกรรม จะช่วยได้ในระยะสั้น แต่ไขมันใต้ผิวหน้ายังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ใบหน้าไม่ชัด เมื่อสามารถลดไขมันโดยรวมได้ กรอบหน้าจะเห็นผลชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าการใช้เทคโนโลยีใด ๆ — หากอยากรู้ว่าทำไมและมีทางเลือกอะไรอีกบ้าง อ่านรายละเอียดด้านล่างเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช่ค่ะ พอเราอายุมากขึ้น ร่างกายเราจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง กล้ามเนื้อก็มักจะลดลงตามอายุ ทำให้การลดน้ำหนักอาจจะยากขึ้นกว่าวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวอยู่บ้างค่ะ

และถ้าเกิน 50 ขึ้นไปแล้วมันไม่ได้ยากแค่ระบบภายใน แต่เป็นทั้ง “ระบบเผาผลาญที่ช้าลง” และ “การเคลื่อนไหวที่ลดลง” รวมกัน
เพราะฉะนั้นถ้าจะลดน้ำหนักจริง ๆ หมอจะแนะนำให้เน้นอาหารที่เหมาะสม ควบคู่กับออกกำลังกายเท่าที่ร่างกายไหว (ไม่จำเป็นต้องหนักหรือวิ่งเร็วแบบเด็ก ๆ ก็ได้ค่ะ เดิน ยืดเหยียด ว่ายน้ำ โยคะ ก็ช่วยทั้งช่วยเผาผลาญและเสริมกล้ามเนื้อได้)

ถ้าเจอปัญหาเรื่องสุขภาพหรือข้อจำกัดในการออกกำลังกาย หมอช่วยแนะนำแบบเฉพาะบุคคลได้เลยค่ะ หมอเข้าใจ และพร้อมช่วยปรับแผนให้เหมาะกับอายุและสุขภาพของแต่ละคนค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ในยุคนี้หมอยอมรับนะคะว่าคนไข้หลายคนอยากเห็นผลลัพธ์แบบรวดเร็วทันใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหรือสุขภาพก็ตาม เพราะชีวิตที่เร่งรีบทำให้เวลาสำหรับดูแลตัวเองน้อยลง ดังนั้นหลายคนจึงมองหาวิธีที่เห็นผลไว อย่างเช่นการทำหัตถการทางการแพทย์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยลดไขมันได้เร็ว แต่หมอก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าวิธีเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ทั้งเรื่องความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการดูแลจากภายในด้วยวิธีธรรมชาติ

  • หากคนไข้ต้องการ “เห็นผลเร็ว” การดูดไขมัน เลเซอร์สลายไขมัน เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ แต่ต้องเข้าใจว่ามีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง
  • แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ “ดีที่สุดในระยะยาว” หมอแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายควบคู่ เพราะเป็นพื้นฐานที่ช่วยรักษารูปร่างและสุขภาพให้ดี และยั่งยืน
  • การผสมผสานระหว่างหัตถการและการดูแลตัวเอง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยมากที่สุดค่ะ

สำคัญสุดคือ ปรึกษาแพทย์ คลินิกที่มั่นใจว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม

วันที่หมอโดนถามเรื่องนี้ นั่งเมาท์เรื่องนี้กับคนไข้นานมากกว่าจะได้วกกลับมาตอบ 🙂 เอาหล่ะเข้าเรื่องเลย

คนที่กินแล้วไม่อ้วน จริง ๆ แล้วระบบร่างกายเขา หรือที่เราเรียกว่าระบบเผาผลาญ อาจจะทำงานไม่เหมือนกับคนทั่วไปในบางจุดนะคะ เช่น พันธุกรรมที่เขาได้มาจากพ่อแม่ หรือการที่ระบบฮอร์โมนในตัวเขาปรับตัวได้ดีม๊ากกก หรือแม้แต่การที่เขามีระบบเผาผลาญที่ทำงานเร็วเป็นพิเศษ Metabolism ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันค่ะ จนบางคนกินเยอะเท่าไรก็เผาผลาญหมด ส่วนบางคน ระบบเผาผลาญอาจจะทำงานช้ากว่า เลยเกิดการสะสม แต่หมอก็ขอเสริมว่า คนกลุ่มนี้ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นเลยค่ะ จริง ๆ แล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง เช่น วิถีชีวิต คุณภาพการนอน หรือบางทีเขาก็ดูแลตัวเองในแบบที่เราไม่ได้รู้ด้วยนะคะ ฉะนั้นอย่าอิจฉากันเลย เพราะข้อเสียเปรียบของเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน หมอสรุปให้ด้านล่างนะคะ

ส่วนคนที่ทาอะไร ลองอะไรผิวก็ไม่แพ้ อันนี้หมอแอบอิจฉาด้วยอยู่นะ 🙂 เพราะจัดว่าเป็นคนที่มีผิวสมดุลค่ะ มีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างผิวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นหลัก อย่างแรกที่เขามีมากกว่าเราคือ เกราะป้องกันผิวแข็งแรง (Skin Barrier)
ผิวที่ไม่แพ้ง่ายมักจะมีชั้นเกราะปกป้องผิว (Stratum Corneum) แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นผิวหนังนี้ทำหน้าที่เหมือนกำแพงเพื่อป้องกันไม่ให้สารระคายเคืองที่เป็นอันตราย อย่างที่สองคือ ระบบภูมิคุ้มกันผิวที่ไม่ไวต่อการกระตุ้น ไม่แสบ ไม่คัน ไม่ลอก ไม่แดงง่ายเกินไป จะทำให้ผิวดูเหมือนสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้ไม่มีสิทธิ์แพ้สารอะไรเลยนะคะ หมอสรุปให้ด้านล่างนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

คนไข้หลายคนที่ใช้ ปากกาลดน้ำหนัก กังวลว่าจะต้องออกกำลังกายยังไงให้เหมาะสม ไม่ทำให้ตัวเองหักโหม หรือใช้พลังงานมากไป หรือให้สัมพันธ์กับอาหารที่ทาน อย่างทีแรกที่ต้องตระหนักเลย คือ “อย่าหักโหมในทุกอย่างที่กำลังทำ” เช่น ไม่ทานน้อยไปจนอ่อนแรงหน้ามือ ไม่ออกกำลังกายหนักไป จนกล้ามเนื้อบอบช้ำ ยาก็ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ไม่ต้องมากไปกว่านั้น ใช้ชีวิตให้สมดุลในแบบที่ลดปริมาณ จำนวน เวลาลง ปรับให้เข้ากับจังหวะชีวิตของคนไข้เองให้ได้ก่อน

หมอลงรายละเอียดอื่นๆให้อีกหน่อยนะคะ ติดตามด้านล่างเลย

อ่านเพิ่มเติม

ปรึกษาคุณหมอต้าร์ หรือทีมแพทย์ D’ Lovevery Clinic สำหรับการปรึกษาทั่วไปกับหมอไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ และไม่มีเรียกเก็บค่าปรึกษาก่อนเข้ามาปรึกษาค่ะ

จะมีค่าปรึกษาเฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น คือการปรึกษาเรื่องปากกาคุมหิวและปากกาลดน้ำหนัก (1,000 บาท) เพราะต้องใช้เวลาในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และวางแผนการรักษาอย่างละเอียดค่ะ

คนไข้สามารถนัดปรึกษาเรื่องทั่วไปได้เลยนะคะ หมอยินดีให้คำแนะนำค่ะ 🌟

อ่านเพิ่มเติม