ใครเหมาะกับโปรแกรมนี้
- ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบหรือสิวอุดตัน
- ผู้ที่มีปัญหาหน้ามันจากการทำงานไม่สมดุลของต่อมไขมัน
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าไม่เรียบจากปัญหาสิว
- ผู้มีปัญหาสิวทุกประเภท อาทิ สิวผดผื่น สิวหัวหนอง ฯลฯ

Meso acne คืออะไร ช่วยรักษาสิวได้อย่างไร?
ลดการทำงานของต่อมไขมันทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น ปรับสภาพผิวให้มีความสมดุล หน้าเรียบเนียนสม่ำเสมอ รวมทั้งรักษาอาการแพ้ และ ควบคุมความมัน ช่วยลดริ้วรอยจากสิว ป้องกันการเกิดหลุมสิวทำให้ผิวแข็งแรงในระดับที่ล้ำลึกถึงโครงสร้าง
- หยุดสิวเรื้อรัง
- ลดการอักเสบ
- ควบคุมสิวจากการแพ้
- ฆ่าเชื้อสิว ป้องกันการเกิดสิว
Meso Acne โปรแกรมรักษาสิว
Meso Acne เป็นเทคนิคการรักษาสิวที่ใช้การฉีดสารเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ โดยมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวประเภทต่างๆ ได้แก่ สิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวผดผื่น
การทำงานของ Meso Acne คือการฉีดสารที่มีส่วนประกอบของยาต้านแบคทีเรียเข้าไปในชั้นผิวหนังบริเวณที่มีสิว โดยสารเหล่านี้จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ Meso Acne ยังมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบและบวมแดงของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของ Meso Acne
Meso Acne มีประโยชน์หลายประการในการรักษาสิว ได้แก่:
- การลดการอักเสบ: ยาที่ใช้ในการรักษา Meso Acne มีฤทธิ์ต้านการอักเสบซึ่งช่วยลดการอักเสบและความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับสิว
- การลดการผลิตน้ำมัน: Meso Acne ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว
- การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ในการรักษา Meso Acne ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวและลดรอยแผลเป็นจากสิว
- การส่งมอบยาโดยตรง: เทคนิคการฉีดยาเข้าชั้นผิวหนังช่วยให้ส่งมอบยาโดยตรงไปยังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

การกดสิว
การกดสิวเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาว โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือที่สะอาดกดสิวออกจากรูขุมขน วิธีนี้เหมาะสำหรับสิวที่สุกแล้วเท่านั้น เนื่องจากการกดสิวที่ยังไม่สุกอาจทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผลเป็นได้ และแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้มือกดเอง
การฉีดสิว
การฉีดสิวเป็นวิธีการรักษาสิวอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง โดยแพทย์จะฉีดยาต้านการอักเสบหรือยาปฏิชีวนะเข้าไปในสิว วิธีนี้จะช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การฉีดสิวอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้หากทำไม่ถูกวิธี



Meso Acne มีข้อเสียไหม
เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์อื่นๆ Meso Acne อาจมีผลข้างเคียงบางประการ ได้แก่:
- อาการบวมและแดง: อาจเกิดอาการบวมและแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- อาการปวด: อาจรู้สึกปวดเล็กน้อยระหว่างการฉีด แต่โดยทั่วไปจะทนได้
- การติดเชื้อ: หากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังการรักษาอย่างเหมาะสม อาจเกิดการติดเชื้อได้
ข้อควรระวังในการรักษา Meso Acne
มีข้อควรระวังบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเข้ารับการรักษา Meso Acne ได้แก่:
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ไม่แนะนำให้ใช้ Meso Acne ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- โรคผิวหนัง: ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท เช่น โรคสะเก็ดเงินหรือกลาก อาจไม่เหมาะสำหรับการรักษา Meso Acne
- การใช้ยาบางชนิด: การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยฟกช้ำและเลือดออกระหว่างการรักษา

ขั้นตอนการรักษา D’ Meso Acne
พบแพทย์ ประเมินปัญหาสิว ก่อนรับการรักษาทุกเคส
ทำความสะอาดผิวหน้า ทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง ลบเครื่องสำอาง ก่อนเริ่มทำการรักษา
แพทย์เริ่มทำการรักษา ยาที่ใช้ในการรักษา ฉีดเข้าชั้นผิวหนังโดยตรงบริเวณที่มีสิว ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน 5-10 นาที
รับยาตามแพทย์สั่ง (ถ้ามี) และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง
ติดตามผล ควรเข้ามาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์การรักษาให้ออกมาอย่างที่คาดหวัง
เป็นกำลังใจให้
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสิวนะคะ ขอให้เชื่อมั่นว่าการรักษาสิวให้หายได้นั้นเป็นไปได้ เพียงดูแลถูกวิธี หมั่นดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ คลินิกที่ไว้วางใจได้




ก็คือ รอยแดงหลังสิวหาย ไม่ใช่รอยสีผิว แต่เป็นรอยของเส้นเลือด ค่ะ เมื่อเกิดสิวอักเสบ ร่างกายจะขยายเส้นเลือดฝอยเพื่อส่งเม็ดเลือดขาวมาจัดการเชื้อโรค และเมื่อสิวหายแล้ว เส้นเลือดบางส่วนยังคงขยายตัวค้างอยู่ ทำให้เรามองเห็นเป็นสีแดงๆ ของเลือดใต้ผิวหนังค่ะ รอยชนิดนี้สามารถหายเองได้ แต่ ใช้เวลานานกว่ารอยทั่วไป เพราะต้องรอให้เส้นเลือดค่อยๆ หดตัวกลับไปเป็นปกติค่ะ ปกติ
สำหรับหมอแล้ว ‘สิวที่ไม่มีสาเหตุ’ ไม่มีอยู่จริงค่ะ มีแต่ ‘สาเหตุที่ยังรอการเปิดเผย’ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การมุ่งรักษาที่ปลายเหตุจึงอาจไม่ช่วยให้สิวหายขาด สิ่งสำคัญกว่าคือการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงซึ่งอาจซ่อนอยู่ในกิจวัตรประจำวัน เช่นในเคสคนไข้ของหมอที่สิวหายขาดได้เพียงเพราะเปลี่ยนไปใช้ ฝักบัวที่มีฟิลเตอร์กรองน้ำ และ แยกผ้าสำหรับเช็ดหน้ากับเช็ดตัว เพื่อลดการระคายเคืองจากปัจจัยภายนอก การเข้าใจและแก้ไขที่ต้นตอแบบนี้คือการรักษาสิวที่ดีที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงในระยะยาว แต่ยังช่วยให้คนไข้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วยค่ะ
เปปไทด์มีประสิทธิภาพดีกว่าคอลลาเจนชนิดทา เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและลึกกว่า ในขณะที่คอลลาเจนมีโมเลกุลใหญ่กว่า 300 kDa จึงซึมผ่านได้แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า (Stratum corneum) และให้ผลลัพธ์เพียงความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่เปปไทด์ทำหน้าที่เป็น Signal Molecule ที่ส่งสัญญาณกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจนเดิม ผลลัพธ์คือช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น โครงสร้างผิวแข็งแรง และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หมอไม่แนะนำให้ทำการครอบแก้วในบริเวณที่ยังมีสิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวที่เป็นตุ่มแดงอยู่บนแผ่นหลังเด็ดขาด เพราะแรงดูดจากถ้วยแก้วอาจทำให้สิวอักเสบลุกลามรุนแรงขึ้น, เสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน, และอาจทิ้งรอยแผลเป็นที่รักษายากกว่าเดิมได้ค่ะ หากต้องการทำจริงๆ ควรแจ้งผู้เชี่ยวชาญให้หลีกเลี่ยงจุดที่เป็นสิว หรือทางที่ดีที่สุดควรรักษาสิวให้หายดีเสียก่อน แล้วจึงค่อยพิจารณาทำครอบแก้วในภายหลังเพื่อความปลอดภัยของผิวค่ะ
น้ำเกลือมีประโยชน์ในการช่วยทำความสะอาด แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติในการรักษาสิวโดยตรง และไม่แนะนำให้ใช้แทนผลิตภัณฑ์ล้างหน้าปกติค่ะ
อาการตุ่มเล็กๆ หรือ ผดที่ขึ้นเฉพาะช่วงบ่าย แล้วหายไปเองนั้น ส่วนใหญ่มักไม่ใช่สิวจริงๆ แต่เป็น “สิวเทียม” หรือผดร้อน ที่เกิดจากการระคายเคือง สาเหตุหลักมาจาก ความร้อน, แสงแดด, และเหงื่อ ที่กระตุ้นให้ต่อมเหงื่ออุดตันชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการที่ เครื่องสำอางทำปฏิกิริยากับเหงื่อ หรือการเติบโตของเชื้อยีสต์บนผิวหนังเมื่อมีความมันและความอับชื้นสูงในช่วงระหว่างวันค่ะ การรักษาจึงเน้นไปที่การลดความร้อน การซับเหงื่อ และการทำความสะอาดผิวให้หมดจดค่ะ
เป็นคำถามที่เห็นภาพตาม 🙂 พอเห็นหนองเหลืองๆ ขึ้นมาแล้วก็อยากจะให้มันยุบไวๆ สำหรับคำถามที่ว่า “สิวที่มีหนองเหลืองๆ แล้ว ยังฉีดสิวให้ยุบได้ไหม?” หมอขออธิบายแบบนี้นะคะ
โดยทั่วไปแล้ว หมอจะไม่แนะนำให้ฉีดสิวในระยะที่เป็นหนองเต็มที่แล้วค่ะ เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ การฉีดยาเข้าไปในสิวที่มีการติดเชื้อและมีหนองสะสมอยู่เยอะ อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้การติดเชื้อกระจายตัวออกไปในบริเวณข้างเคียงได้ค่ะ อีกทั้งตัวยาอาจจะเข้าไปทำงานได้ไม่เต็มที่ และที่สำคัญคือ มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดรอยบุ๋มหรือหลุมสิวถาวรได้ง่ายขึ้น หลังจากที่สิวยุบตัวลงค่ะ เพราะในช่วงที่สิวเป็นหนอง ผนังของต่อมไขมันจะบางมากอยู่แล้ว การฉีดเข้าไปอาจทำให้ผนังแตกและเนื้อเยื่อผิวเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่าปกติค่ะ
ดังนั้นแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับสิวลักษณะนี้คือ การสะกิดเปิดหัวสิวเพื่อระบายหนองออกอย่างถูกวิธีโดยผู้เชี่ยวชาญ มากดที่คลินิกได้ค่ะ หลังจากกดหนองออกจนหมดแล้ว หากสิวยังมีการอักเสบ บวมแดงอยู่ข้างใต้ ในกรณีนี้คุณหมออาจจะพิจารณาฉีดสิวในปริมาณน้อยๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบที่เหลืออยู่ ซึ่งจะช่วยให้สิวยุบได้ไวขึ้นและลดโอกาสการเกิดรอยดำรอยแดงได้ดีกว่าค่ะ สรุปง่ายๆ คือ ควรให้คุณหมอกดหนองออกก่อน แล้วค่อยพิจารณาฉีดลดอักเสบเสริมจะปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ อย่าพยายามบีบหรือเค้นเองเด็ดขาดนะคะ เพราะจะยิ่งทำให้ช้ำและเสี่ยงเป็นแผลเป็นได้ง่ายมากค่ะ
จะบอกว่าหมอตอบคนไข้จะร้อยคนได้แล้วคำถามนี้ 🙂
หมอเข้าใจเลยค่ะว่าอาจจะสับสนได้ง่ายมากๆ เพราะเราได้ยินคำนี้บ่อยจริงๆ ขออธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ นะคะ “เรตินอล” (Retinol) คือ ชื่อของสารซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ค่ะ ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อหรือชื่อยาโดยตรงนะคะ ให้คิดซะว่า “เรตินอล” เป็นเหมือนชื่อของ “ส่วนผสมฮีโร่” ตัวหนึ่งในวงการสกินแคร์ ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาสิวค่ะ
ทีนี้ ความสับสนมันเกิดตรงที่ว่า พอสารตัวนี้โด่งดังและดีมาก แบรนด์สกินแคร์ต่างๆ ก็นำ “เรตินอล” ไปเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ของตัวเองค่ะ เราเลยจะเห็นชื่อเรตินอลอยู่บนฉลากครีมหรือเซรั่มหลากหลายยี่ห้อ ดังนั้นสรุปง่ายๆ คือ เรตินอลเป็นชื่อสารออกฤทธิ์ ที่แบรนด์ต่างๆ นำไปใส่ในผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อช่วยดูแลผิวเราให้สวยใสยังไงล่ะคะ ไม่ต้องสับสนแล้วน้า








