รีวิวฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler





ฟิลเลอร์ Hybrid ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
บวมน้อย ขึ้นรูปได้ดี
ปรับรูปหน้าราคาไม่สูง
สวยละมุนมีความยืดหยุ่น
สลายตัวได้ช้ากว่า
Ultra V Hyal Filler คืออะไร
ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เป็นแบบ Multi layered ทำให้ฉีดง่าย เจ็บน้อย
ทำให้ผลลัพธ์อยู่นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ผ่านการรองรับ FDA ไทยและเกาหลี

Hyal Filler ปลอดภัยผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจากหลายประเทศทั่วโลก ผ่านการรับรอง
จาก KFDA , CE และ ได้รับอนุณาตขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์
สำนักคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข เนื้อเจลของ Hyal Filler มีความชุ่มชื่นสูง
ซึ่งช่วยลดโอกาส การบวมตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด และทำให้ผลลัพท์มีความแม่นยำ
Monophasic
ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มอย่างมีมิติ เพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวในจุดที่เติมได้มากขึ้น
Biphasic
เพิ่มความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ให้หลังเติมแล้วดูเป็นธรรมชาติ

Ultra V Hyal Filler ดีไหม
จุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้มีอะไรบ้าง
- ฟิลเลอร์ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
- ปลอดภัย ผ่านการรับรอง อย.ไทย
- เนื้อยึดเกาะดี คงรูปได้ดี และเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อมีความชุ่มชื้นสูง ทำให้ช่วยลดอาการบวมหลังการฉีด เห็นผลลัพธ์จริงหลังฉีดทันที
- มียาชาในตัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
- เข็มรูปแบบพิเศษ ผนังบาง ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และการบวมหลังฉีด
Ultra V Hyal Filler ฉีดตรงไหนได้บ้าง

Ultra V Hyal Filler มีกี่รุ่น
มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้

HYAL FINE
เหมาะกับ ใต้ตา เนื้อปาก ร่องแก้ม

HYAL MEDIUM
เหมาะกับ หน้าผาก ร่องแก้ม ปาก

HYAL HARD
เหมาะกับ ขมับ หน้าผาก แก้ม กรอบหน้า คาง
ULTRA V HYAL FILLER เปรียบเทียบแต่ละรุ่น
คุณสมบัติ | Fine | Medium | Hard |
---|---|---|---|
ส่วนประกอบ | Cross-linked HA | Cross-linked HA | Cross-linked HA |
ความเข้มข้น HA | 20mg/ml | 20mg/ml | 20mg/ml |
ค่า G’ | 200-250 pa | 600-700 pa | 700-800 pa |
ขนาดอนุภาค | 80 µm | 300 µm | 800 µm |
ความแน่น | ●●○○ (ปานกลางค่อนข้างนิ่ม) | ●●●○ (ค่อนข้างแน่น) | ●●●● (แน่นมาก) |
ปริมาณ Lidocaine | 0.3% | 0.3% | 0.3% |
จุดประสงค์การใช้งาน | แก้ไขริ้วรอย | แก้ไขริ้วรอยลึก | เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า |
ระยะเวลาอยู่นาน | 6-8 เดือน | 8-16 เดือน | 16-24 เดือน |
คำอธิบายเพิ่มเติม:
- ค่า G’ คือค่าที่แสดงความแข็งของฟิลเลอร์ ยิ่งสูงยิ่งแข็ง
- ขนาดอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นเหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและการปรับโครงสร้าง
- ระยะเวลาอยู่ตัวจะแตกต่างกันตามความเข้มข้นและการใช้งาน





ฉีด Hyal Filler ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ โดยมีเหตุผลหลักๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
- แพทย์ผู้มีประสบการณ์: ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพราะแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคและวิธีการฉีด: ควรเลือกคลินิกที่ใช้เทคนิคและวิธีการฉีดฟิลเลอร์ที่ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้: ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีการทดสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- มาตรฐานความปลอดภัย: ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
- การบริการและการดูแลหลังการรักษา: ควรเลือกคลินิกที่มีการบริการที่ดี มีการให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนการรักษา และมีการดูแลติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้รับบริการจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและปลอดภัย
- ราคาไม่ควรถูกเกินจริง: ควรตรวจสอบ หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ ซึ่งอาจจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ หมดอายุ จะส่งผลต่อความปอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการ
แท้ ได้คุณภาพ ปลอดภัยทุกกล่อง
ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่
สบายใจทุกยี่ห้อ
ฟิลเลอร์แท้ อย. ทุกกล่อง
แกะกล่องต่อหน้าทุกเคส
แจ้งราคาชัดเจน
ตรวจสอบชื่อแพทย์ได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Hyal Filler
การฉีด HA Filler เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แก้ไขริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า และเพิ่มความอวบอิ่มให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจฉีด HA Filler ควรมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด HA Filler เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดของ HA Filler ที่เหมาะสม ปริมาณที่ควรฉีด และบริเวณที่ควรฉีด รวมถึงอธิบายถึงขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว: ก่อนการฉีด HA Filler ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวทั้งหมดให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถพิจารณาความเหมาะสมในการฉีด HA Filler และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมด และควรหยุดใช้ยาที่แพทย์สั่งให้หยุดใช้ก่อนการฉีด HA Filler
- เตรียมตัวในวันฉีด: ในวันฉีด HA Filler ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิวบริเวณที่จะฉีด ควรสวมเสื้อผ้าที่หลวมสบายและสามารถถอดได้ง่าย เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าถึงบริเวณที่จะฉีดได้อย่างสะดวก

การดูแลหลังฉีด Hyal Filler
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดโดยตรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกระจายตัวของ HA Filler
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของ HA Filler และการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำมากขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากแพทย์สั่งยาใดๆ ให้รับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การนัดหมายติดตามผลการรักษา การดูแลรักษาบริเวณที่ฉีด และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
Ultra V Hyal Filler ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ที่ได้คุณภาพ เก็บรักษาได้มาตรฐาน นำเข้าถูกต้อง ควรมีราคาอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท/CC

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่
มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
- มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย
คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์
- ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
- มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
- มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ


“Facial Harmony Filler” ไม่ใช่เทคนิคที่เป็นความลับหรือมีใครเป็นเจ้าของค่ะ แต่มันคือ “ปรัชญา” และ “ศิลปะ” ในการปรับรูปหน้า ที่เปลี่ยนมุมมองจากการ “เติมเป็นจุดๆ” มาเป็นการ “ปั้นและออกแบบใบหน้าแบบองค์รวม” ค่ะ หัวใจสำคัญคือการที่แพทย์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและสร้างความสมดุลให้ทุกส่วนประกอบบนใบหน้าดูกลมกลืนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่คือการ คืนความอ่อนเยาว์ สร้างมิติที่สวยงาม และดึงความงามในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุดของคนไข้ ออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการย้ำเตือนให้คนไข้เข้าใจว่า การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์อย่างแท้จริงค่ะ
คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายมีความแตกต่างจากผู้หญิงอย่างชัดเจนในเรื่องของเป้าหมายและเทคนิคค่ะ สำหรับผู้ชายจะเน้นการฉีดเพื่อเสริมสร้างความคมชัดของกรอบหน้า (Masculinization) เช่น การทำให้หน้าผากดูกว้างและตรง, สร้างสันจมูกให้คม, เพิ่มความกว้างและความเหลี่ยมของคาง, และสร้างแนวกรามให้คมชัดเป็นสัน เพื่อส่งเสริมโครงสร้างที่ดูแข็งแรงตามแบบผู้ชาย ในขณะที่ การฉีดในผู้หญิงจะเน้นการสร้างความโค้งมน อ่อนหวาน (Feminization) เช่น การทำให้หน้าผากโหนกนูน, สร้างโหนกแก้มให้ดูอิ่มเอิบ, ทำให้คางเรียวเป็น V-shape และปั้นปากให้อวบอิ่มสวยงามค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในบริเวณอื่นๆ เช่น ใต้ตาและร่องแก้ม เทคนิคและเป้าหมายจะมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างใต้ผิวหนังเหมือนกัน เป้าหมายหลักจึงเป็นการ “เติมเต็ม” เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกและความโทรมให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่ทั้งนี้ แพทย์จะยังคงพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละเพศ และใช้เทคนิคการเกลี่ยที่พิถีพิถัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและส่งเสริมเอกลักษณ์ของคนไข้แต่ละคนได้ดีที่สุดค่ะ
ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย รวมถึงฟิลเลอร์ ที่เป็นกล่องๆ ที่ผ่าน อย. แบบที่เราคุ้นเคยกันนั้นจะค่อย ๆ สลายตัวเองตามกระบวนการปกติของร่างกายค่ะ โดยมีเอนไซม์มาค่อย ๆ ย่อยสลายฟิลเลอร์จนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กมาก ๆ สุดท้ายจะถูกดูดซึมและขับออกจากร่างกายไปตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับของเสียอื่น ๆ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีการตกค้างเป็นอันตราย หรือไหลไปสะสมที่อื่นแน่นอนค่ะ
คนไข้หลายคนเข้าใจว่าตอนแรกฟิลเลอร์มีลักษณะเป็น “เจล” เพราะคลินิกต้องเอาหลอดฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีดอยู่แล้ว และสุดท้ายก็กลายเป็นน้ำ “ถูกขับออกจากร่างกายไป” อันนี้ก็ต้องบอกว่าถูกต้องเหมือนกันค่ะ แต่หมอขอขยายส่วนที่บอกว่ากลายเป็น “น้ำ” นิดนึงค่ะ
จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ HA ไม่ได้สลายตัวกลายเป็น “น้ำ” (H₂O) โดยตรงค่ะ แต่กระบวนการที่ถูกต้องคือ
- จากเจลสู่โมเลกุลน้ำตาล: เอนไซม์ในร่างกายจะย่อยสลายเนื้อเจลของฟิลเลอร์ ให้กลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายอยู่ในรูปของ “โมเลกุลน้ำตาล” ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสาร Hyaluronic Acid ค่ะ
- ร่างกายนำไปใช้และขับออก: หลังจากนั้น ร่างกายก็จะดูดซึมโมเลกุลน้ำตาลเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือ ขับออกตามกระบวนการขับของเสียปกติของร่างกาย ซึ่งก็คือผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อนั่นเองค่ะ
ดังนั้น ที่คนไข้เข้าใจว่ามันกลายเป็นของเหลวแล้วถูกขับออกนั้นถูกต้องเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้เป๊ะๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็คือ จากเจล กลายเป็นน้ำตาล แล้วจึงถูกขับออก นั่นเองค่ะ
มีอะไรสงสัยถามหมอได้อีกเลยนะคะ ยินดีตอบเสมอค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์มือจะเน้นฉีดที่บริเวณ “หลังมือ” เป็นหลัก ไม่ได้ฉีดที่ “ข้อมือ หรือนิ้วมือ” โดยตรง นะคะ เพราะเป็นการแก้ปัญหา มือเหี่ยว ผิวบางจนเห็นเส้นเลือดและเส้นเอ็น ได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดู เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ มากที่สุดค่ะ การเติมเต็มที่หลังมือจะช่วยฟื้นฟูให้มือกลับมาดูอวบอิ่มและอ่อนเยาว์ขึ้นโดยรวมค่ะ
หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ
เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ
การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ
สวัสดีค่ะ D’Lovevery Clinic ยินดีให้บริการค่ะ 😊
ไม่ทราบว่าสนใจสอบถามข้อมูลฟิลเลอร์ JUVEDERM ตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทุกโมเลกุลราคาเดียวเลยค่ะ
- 1 cc ราคา 18,000 บาท
- 2 cc ราคา 30,000 บาท
- 3 cc ราคา 39,000 บาท
สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนได้นะคะ หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม ถามแอดมินได้เลยค่า