รีวิวฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler





ฟิลเลอร์ Hybrid ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
บวมน้อย ขึ้นรูปได้ดี
ปรับรูปหน้าราคาไม่สูง
สวยละมุนมีความยืดหยุ่น
สลายตัวได้ช้ากว่า
Ultra V Hyal Filler คืออะไร
ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เป็นแบบ Multi layered ทำให้ฉีดง่าย เจ็บน้อย
ทำให้ผลลัพธ์อยู่นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ผ่านการรองรับ FDA ไทยและเกาหลี

Hyal Filler ปลอดภัยผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจากหลายประเทศทั่วโลก ผ่านการรับรอง
จาก KFDA , CE และ ได้รับอนุณาตขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์
สำนักคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข เนื้อเจลของ Hyal Filler มีความชุ่มชื่นสูง
ซึ่งช่วยลดโอกาส การบวมตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด และทำให้ผลลัพท์มีความแม่นยำ
Monophasic
ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มอย่างมีมิติ เพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวในจุดที่เติมได้มากขึ้น
Biphasic
เพิ่มความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ให้หลังเติมแล้วดูเป็นธรรมชาติ

Ultra V Hyal Filler ดีไหม
จุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้มีอะไรบ้าง
- ฟิลเลอร์ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
- ปลอดภัย ผ่านการรับรอง อย.ไทย
- เนื้อยึดเกาะดี คงรูปได้ดี และเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อมีความชุ่มชื้นสูง ทำให้ช่วยลดอาการบวมหลังการฉีด เห็นผลลัพธ์จริงหลังฉีดทันที
- มียาชาในตัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
- เข็มรูปแบบพิเศษ ผนังบาง ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และการบวมหลังฉีด
Ultra V Hyal Filler ฉีดตรงไหนได้บ้าง

Ultra V Hyal Filler มีกี่รุ่น
มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้

HYAL FINE
เหมาะกับ ใต้ตา เนื้อปาก ร่องแก้ม

HYAL MEDIUM
เหมาะกับ หน้าผาก ร่องแก้ม ปาก

HYAL HARD
เหมาะกับ ขมับ หน้าผาก แก้ม กรอบหน้า คาง
ULTRA V HYAL FILLER เปรียบเทียบแต่ละรุ่น
| คุณสมบัติ | Fine | Medium | Hard |
|---|---|---|---|
| ส่วนประกอบ | Cross-linked HA | Cross-linked HA | Cross-linked HA |
| ความเข้มข้น HA | 20mg/ml | 20mg/ml | 20mg/ml |
| ค่า G’ | 200-250 pa | 600-700 pa | 700-800 pa |
| ขนาดอนุภาค | 80 µm | 300 µm | 800 µm |
| ความแน่น | ●●○○ (ปานกลางค่อนข้างนิ่ม) | ●●●○ (ค่อนข้างแน่น) | ●●●● (แน่นมาก) |
| ปริมาณ Lidocaine | 0.3% | 0.3% | 0.3% |
| จุดประสงค์การใช้งาน | แก้ไขริ้วรอย | แก้ไขริ้วรอยลึก | เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า |
| ระยะเวลาอยู่นาน | 6-8 เดือน | 8-16 เดือน | 16-24 เดือน |
คำอธิบายเพิ่มเติม:
- ค่า G’ คือค่าที่แสดงความแข็งของฟิลเลอร์ ยิ่งสูงยิ่งแข็ง
- ขนาดอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นเหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและการปรับโครงสร้าง
- ระยะเวลาอยู่ตัวจะแตกต่างกันตามความเข้มข้นและการใช้งาน





ฉีด Hyal Filler ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ โดยมีเหตุผลหลักๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
- แพทย์ผู้มีประสบการณ์: ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพราะแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคและวิธีการฉีด: ควรเลือกคลินิกที่ใช้เทคนิคและวิธีการฉีดฟิลเลอร์ที่ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้: ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีการทดสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- มาตรฐานความปลอดภัย: ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
- การบริการและการดูแลหลังการรักษา: ควรเลือกคลินิกที่มีการบริการที่ดี มีการให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนการรักษา และมีการดูแลติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้รับบริการจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและปลอดภัย
- ราคาไม่ควรถูกเกินจริง: ควรตรวจสอบ หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ ซึ่งอาจจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ หมดอายุ จะส่งผลต่อความปอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการ
แท้ ได้คุณภาพ ปลอดภัยทุกกล่อง
ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่
สบายใจทุกยี่ห้อ
ฟิลเลอร์แท้ อย. ทุกกล่อง
แกะกล่องต่อหน้าทุกเคส
แจ้งราคาชัดเจน
ตรวจสอบชื่อแพทย์ได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Hyal Filler
การฉีด HA Filler เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แก้ไขริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า และเพิ่มความอวบอิ่มให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจฉีด HA Filler ควรมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด HA Filler เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดของ HA Filler ที่เหมาะสม ปริมาณที่ควรฉีด และบริเวณที่ควรฉีด รวมถึงอธิบายถึงขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว: ก่อนการฉีด HA Filler ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวทั้งหมดให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถพิจารณาความเหมาะสมในการฉีด HA Filler และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมด และควรหยุดใช้ยาที่แพทย์สั่งให้หยุดใช้ก่อนการฉีด HA Filler
- เตรียมตัวในวันฉีด: ในวันฉีด HA Filler ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิวบริเวณที่จะฉีด ควรสวมเสื้อผ้าที่หลวมสบายและสามารถถอดได้ง่าย เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าถึงบริเวณที่จะฉีดได้อย่างสะดวก

การดูแลหลังฉีด Hyal Filler
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดโดยตรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกระจายตัวของ HA Filler
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของ HA Filler และการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำมากขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากแพทย์สั่งยาใดๆ ให้รับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การนัดหมายติดตามผลการรักษา การดูแลรักษาบริเวณที่ฉีด และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
Ultra V Hyal Filler ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ที่ได้คุณภาพ เก็บรักษาได้มาตรฐาน นำเข้าถูกต้อง ควรมีราคาอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท/CC

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่
มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
- มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย
คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์
- ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
- มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
- มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ


ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและไว้วางใจได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณในทุกๆ ด้าน
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้

หมอเข้าใจความกังวลของคนไข้ดีนะคะ หลายเคสที่ทำจากที่อื่นแล้วไม่ประทับใจ อยากเอาออกเดี๋ยวนี้เพราะร้อนใจ สามารถฉีดสลายออกได้ทันที ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อความสบายใจและเริ่มต้นใหม่ค่ะ แต่ถ้าคนไข้ยังพอรอไหว หมอยากให้ลองสังเกตอาการสัก 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าที่เห็นว่าไม่สวยนั้นไม่ใช่แค่ “อาการบวมเข็ม” จะได้ไม่เจ็บตัวฟรี แต่ถ้ารอไม่ไหวจริงๆ เรามาคุยกันค่ะ ทั้งนี้ยาจะสลายได้เฉพาะ ฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น หลังฉีดคนไข้จะรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะก้อนจะยุบตัวชัดเจนภายใน 24-48 ชั่วโมง ค่ะ
ริ้วรอยจากการนอนหลับ (Sleep Lines) คือ รอยเส้นแนวตั้งหรือแนวทแยงบนใบหน้า ที่เกิดจากการที่ ผิวถูกกดทับและเสียดสีกับหมอนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะท่านอนตะแคง ซึ่งแตกต่างจากริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าทั่วไป โดย Botox และ Filler ช่วยได้ แต่อาจไม่ใช่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากริ้วรอยประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง ดังนั้น การป้องกันจึงสำคัญกว่า ด้วยการ ปรับท่านอนเป็นนอนหงาย เลือกใช้หมอนที่เหมาะสม และบำรุงผิวให้แข็งแรงสม่ำเสมอ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวหน้าค่ะ
แพทย์ทั่วโลกเป็นที่ทราบกันดีว่า ริ้วรอยแนวตั้งหรือแนวทแยงจากการนอนหลับนั้นรักษายากกว่าด้วย Botox หรือ Filler เนื่องจากไม่ใช่ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าโดยตรง ใครที่กังวลเรื่องนี้หรือชอบแนนตะแคง ลองเลือกหาหมอนที่เหมาะสมกับการนอนดูนะคะ
ฟิลเลอร์เกาหลีที่นำเข้าถูกต้องและผ่าน อย. ไทย มีคุณภาพดีพอและความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เหมือนแบรนด์ยุโรปเลยค่ะ กระบวนการ สิทธิบัตรเทคโนโลยีอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่เหตุผลด้านราคานั้นเป็นเรื่องของ กลยุทธ์ทางการตลาด ล้วนๆ ค่ะ ต้องเข้าใจว่าแบรนด์จากยุโรปหรืออเมริกาคือ “เจ้าตลาด” ที่อยู่มานานและมีต้นทุนแบรนด์ดิ้งกับการวิจัยที่ลงทุนไปมหาศาล ในขณะที่แบรนด์เกาหลีถือเป็น “ผู้เล่นหน้าใหม่” ที่เข้ามาในตลาดทีหลัง การตั้งราคาให้เข้าถึงง่ายจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และเข้ามาแข่งขันในตลาดค่ะ ดังนั้น ราคาที่เป็นมิตรกว่าจึงไม่ได้หมายความว่าคุณภาพด้อยกว่า แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้ยังคงเป็นการ เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอ เชื่อถือได้ ประเมินผิวตามปัญหา วางแผนการรักษาให้คนไข้เห็นภาพตั้งแต่ยังไม่ลงมือรักษา และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ ตรงนี้ที่เป็นหัวใจสำคัญค่ะ
การดึงหน้า ถือเป็นขั้นสุดท้ายของการกอบกู้ผิว ให้กลับมาดูหนุ่ม ดูสาวได้อีกครั้ง อายุ + ปัญหา ณ เวลานั้น จึงเป็นตัวแปรสำคัญมากๆ การดึงหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก มีร่องแก้มลึก มีเหนียงใต้คาง และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน หากผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่มาก อาจเลือกวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหม หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิว การตัดสินใจว่าจะดึงหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้เป็นหลัก
หลายครั้งหลายคราที่เวลาฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้ ถ้าเจอเคสสอดเข็มปลายทู่ยากๆ บวกกับหมออยากให้คนไข้ผ่อนคลาย หมอก็จะพูดว่า “คนไข้หนังเหนียวเหมือนกันนะคะเนี่ย” แต่ในความอารมณ์ขันนี้ก็มีความจริงด้านกายวิภาคซ่อนอยู่ เพราะคำว่า “หนังเหนียว” ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึงผิวที่ยืดหยุ่นดี
แต่หมายถึงผิวที่มีชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ที่หนาแน่น ทำให้การสอดเข็มปลายทู่เข้าไปทำได้ยากกว่าปกติ เนื่องจากเข็มต้องใช้แรงมากกว่าในการแหวกผ่านเนื้อเยื่อ
การที่หมอพูดแบบนี้เป็นการสื่อสารว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและแม่นยำ และที่สำคัญคือเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ลดความกังวลของคนไข้ขณะทำหัตถการ การใช้เข็มทู่นี้เป็นเทคนิคที่แพทย์ที่มีประสบการณ์เลือกใช้เพื่อลดอาการข้างเคียงต่างๆได้ เช่น ร่นระยะเวลาการบวมช้ำ หรือแทบไม่ช้ำเลยได้ ฯลฯ
ปัญหา “แก้มแฮมสเตอร์” หรือแก้มกระรอก แล้วแต่จะเรียก ที่คนไข้มักกังวล คือภาวะที่ใบหน้าส่วนล่างดูบวมหรือยื่นออกมาคล้ายกระพุ้งแก้มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆ ซึ่งชาวต่างชาติมักเรียกปัญหานี้รวมๆ ว่า “Trout Pout” หรือ “Overfilled” อันเกิดจากการฉีดสารเติมเต็มมากเกินไปหรือผิดเทคนิค จนทำให้ใบหน้าดูหนัก ไม่เป็นธรรมชาติ และสูญเสียความกลมกลืน แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับคนไข้ภายใต้การดูแลของเราอย่างแน่นอน เพราะเรายึดมั่นในหลักการ “ความงามที่เป็นธรรมชาติ” ด้วยการประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด ใส่ใจในทุกมิติ และที่สำคัญคือ “รู้จักที่จะหยุดเมื่อพอดี” ในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้คือความงามที่สมดุลและดูดีอย่างยั่งยืนค่ะ
ความถี่ในการฉีดฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของฟิลเลอร์ บริเวณที่ฉีด ไลฟ์สไตล์ และปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด อีกนัยนึงคือ คนไข้ที่มีปัญหาเยอะและต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมาก (หลาย cc) อาจจะต้องแบ่งการฉีดออกเป็นหลายเซสชั่น (เช่น 2 ครั้ง) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสม เพราะการอัดฟิลเลอร์เข้าไปในปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียว อาจจะไม่เหมาะกับบางเคส ดังนั้น การปรึกษารับบริการกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จริง เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ
ต้องบอกว่าจริงบางส่วน แต่มันไม่ใช่ทุกคน ทุกบริเวณ และทุกครั้งค่ะ
การที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลคือ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ บริเวณที่ฉีด การดูแลตัวเองหลังฉีด และกระบวนการสลายของร่างกายแต่ละบุคคล แม้ว่าการฉีดตอนอายุน้อยอาจมีส่วนช่วยให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้ดีขึ้นเล็กน้อยจากสภาพผิวที่สมบูรณ์กว่า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมและได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ











