หัวข้อเนื้อหา เกี่ยวกับรายละเอียด Restylane ฟิลเลอร์ ที่มีการค้นหาบ่อยที่สุด
รวบรวมข้อมูลที่มีการค้นหาบ่อยที่สุดเกี่ยวกับ Restylane ฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในการเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ความหมายของ Restylane ฟิลเลอร์ ประเภทและความแตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น บริเวณที่เหมาะสำหรับการฉีด ขั้นตอนการฉีด ผลลัพธ์และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายและข้อควรพิจารณาในการเลือกสถานพยาบาลและแพทย์
สรุปย่อ ฟิลเลอร์ Restylane
คุณสมบัติ | รายละเอียด |
---|---|
ชนิดของฟิลเลอร์ | Hyaluronic acid |
ประเทศต้นกำเนิด | สวีเดน |
ระยะเวลาที่ใช้ในวงการแพทย์ | มากกว่า 25 ปี |
ความปลอดภัย | สูง เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง |
การย่อยสลาย | ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยเอนไซม์ Hyaluronidase ในผิวหนัง |
ผลข้างเคียง | บวม แดง ได้บ้างในบางประเภทผิว |
ความเป็นธรรมชาติ | สูง เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลเลียนแบบโครงสร้างธรรมชาติของผิวหนัง |
ความหลากหลายของเนื้อฟิลเลอร์ | มีหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณบนใบหน้า |
การรับรองจาก อย. ไทย | ผ่านการรับรอง |
Restylane ฟิลเลอร์ คืออะไร?
Restylane เป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid จดทะเบียนในประเทศสวีเดน และใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกมานานกว่า 25 ปี ด้วยคุณสมบัติของเนื้อเจลที่มีความเป็นธรรมชาติ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน Restylane มีเนื้อฟิลเลอร์หลากหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของโครงสร้างผิวหน้าและลักษณะผิวหนังในแต่ละบริเวณ
Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยเอนไซม์ Hyaluronidase ในผิวหนัง จึงไม่ก่อให้เกิดการตกค้างหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลของ Hyaluronic acid ใน Restylane มีการเชื่อมโยงกันน้อยมาก และเลียนแบบโครงสร้างธรรมชาติของผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
Restylane ฟิลเลอร์ เหมาะกับการเติมเต็มส่วนใดบ้าง?
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม ที่แพทย์สามารถนำมารักษา ปรับรูปหน้า แก้ไขรูปหน้า ให้สมส่วน อ่อนกว่าวัย ดูเป็นธรรมชาติได้ โดยแต่ละบริเวณที่ปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละบุคคลดังนี้
บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้โดยประมาณ
บริเวณ | ปริมาณฟิลเลอร์ (cc) |
---|---|
ฟิลเลอร์ขมับ | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์แก้ม | 1-3 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ใต้ตา | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์คาง | 1-2 cc |
ฟิลเลอร์ปาก | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์กรอบหน้า | 2-4 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์หลังมือ | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ลำคอย่น | 2-3 cc |
หมายเหตุ:
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีด ช่วงอายุ ปัญหา ความต้องการของแต่ละบุคคล และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการฉีด
ฟิลเลอร์ Restylane ต่างจากฟิลเลอร์อื่นๆอย่างไร?
OBT Dermal Fillers เป็นรุ่นที่มีเนื้อ Soft Gel ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยด้วยสาร Hyaluronic Acid ให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางและต้องการแสดงสีหน้าได้อย่างเต็มที่ โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 24 เดือน*
- OBT Dermal Fillers
- VOLYME: เติมเต็มใบหน้า ขมับ และแก้มตอบ เพื่อคืนความอ่อนเยาว์
- DEFYNE: ยกกระชับและปรับโครงสร้างใบหน้า เสริมความนุ่มนวล
- KYSSE: เติมเต็มและปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยน่าหลงใหล
- REFYNE: เติมเต็มริ้วรอย ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก ให้ผิวเรียบเนียนและยืดหยุ่นได้ดี
NASHA Dermal Filler (Firm Gel) เป็นฟิลเลอร์ที่มีความแข็งแรงและคงรูปได้ดี โดยไม่ผสานกับผิวข้างเคียง เหมาะสำหรับการเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ได้รูปทรงที่สวยงาม คมชัด และโดดเด่นมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ Restylane Lyft และ Restylane Classic ซึ่งใช้ในการฉีดยกกระชับแก้ม เสริมรูปทรงคาง จมูก กรอบขากรรไกรล่าง รวมถึงเติมเต็มขมับหรือยกคิ้ว
- NASHA Dermal Filler
- CLASSIC ช่วยเติมเต็มใบหน้าเหมาะสำหรับบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และใต้ตาช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 24 เดือน*
- LYFT ช่วยยกกระชับโครงหน้าเหมาะสำหรับบริเวณแก้ม คาง และโครงสร้างใบหน้าโดยรวมช่วยให้ใบหน้าดูสวยคมและมีมิติ กรอบหน้าชัดเจนให้ผลลัพธ์ความงามที่ยาวนานถึง 24 เดือน*
ขั้นตอนการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- ปรึกษาแพทย์ ปัญหา บริเวณที่ต้องการแก้ไข
- ทายาชาก่อนการฉีด หากมีการแพ้ยาชา ควรแจ้งเจ้าหน้าที่
- แพทย์ทำการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- ประคบเย็นหลังการฉีด
ผลลัพธ์หลังการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์หลังฉีดทันที
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่น ตำแหน่ง การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยเข็ม รอยช้ำ อาการบวม
- ฟิลเลอร์จะเริ่มสลายตัวไปตามธรรมชาติเมื่อระยะเวลาผ่านไป
ทำไม ฟิลเลอร์ Restylane ได้รับความนิยม?
เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ดังนี้
- มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากผลิตจากกรดไฮยาลูโรนิคที่ได้จากการสังเคราะห์ทางชีวภาพ ไม่ได้มาจากสัตว์ จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรืออาการข้างเคียง
- มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ความต้องการในการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า ทั้งบริเวณที่ต้องการความอ่อนนุ่ม และบริเวณที่ต้องการความแข็งแรงและคงทน
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งกระด้าง หรือเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของใบหน้ามากจนเกินไป
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด
- เป็นแบรนด์ที่มีมานาน จึงมี Knowledge Know How ให้แพทย์ได้ศึกษาเยอะ มีงานวิจัย ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
Restylane ของแท้ ของปลอม เช็คอย่างไร?
Restylane ฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่?
รุ่น | ราคาโดยประมาณ |
---|---|
Restylane Lyft | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Classic | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Refyne | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Defyne | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Kysse | 12,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Vital | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
Restylane Skinboosters Vital Light | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
Restylane Skinboosters Vital | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
หมายเหตุ:
- ราคาที่ระบุเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและโปรโมชั่น
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีดและความต้องการของแต่ละบุคคล
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ตรวจสอบได้ เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับคุณ
ทำไม ฟิลเลอร์ Restylane บางที่ราคาถูกผิดปกติ?
ฟิลเลอร์ Restylane ที่มีราคาถูกผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน: ฟิลเลอร์ปลอมมักมีราคาถูกกว่าฟิลเลอร์แท้ เนื่องจากผลิตจากสารที่ไม่ได้รับการรับรองและอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การใช้ฟิลเลอร์ปลอมมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบ ติดเชื้อ หรือเนื้อเยื่อตาย
- ฟิลเลอร์ใกล้หมดอายุ: ฟิลเลอร์ที่ใกล้หมดอายุอาจมีราคาถูกกว่าฟิลเลอร์ใหม่ เนื่องจากผู้ขายต้องการระบายสินค้าออก การใช้ฟิลเลอร์ใกล้หมดอายุอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจไม่คงอยู่นานเท่าที่ควร
ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้ ของปลอม ตรวจสอบอย่างไร?
การตรวจสอบฟิลเลอร์ Restylane ว่าแท้หรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงสแกนที่ QR code ข้างกล่องฟิลเลอร์ โดยใช้แอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan ซึ่งจะแสดงผลทันทีว่าเป็นของแท้หรือไม่ รวมถึงแสดงวันหมดอายุ และคำแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์
วิธีการตรวจสอบ:
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan จาก App Store หรือ Google Play
- เปิดแอปพลิเคชัน eZTracker
- สแกน QR code ที่อยู่ข้างกล่องฟิลเลอร์ Restylane
- แอปพลิเคชันจะแสดงผลทันที
ผลลัพธ์:
- หน้าจอสีเขียว: ผลิตภัณฑ์แท้ “ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ถูกนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดย บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด”
- หน้าจอสีส้ม: ผลิตภัณฑ์ปลอม สามารถกดรายงานในแอปพลิเคชันให้บริษัทตรวจสอบได้ทันที
ข้อดีของการตรวจสอบด้วย QR Code:
- สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน
- ตรวจสอบได้ทันที ไม่ต้องรอผลตรวจนาน
- ปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ *ต้องตรวจสอบก่อนแพทย์ให้การรักษา ไม่ใช่หลังรับการรักษา
- ช่วยป้องกันการใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ข้อควรระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ
- ต้องรับบริการในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตเท่านั้น
- คนไข้มีสิทธิในการขอดูผลิตภัณฑ์ก่อนรับการรักษา
- ตรวจสอบวันหมดอายุของฟิลเลอร์ก่อนการฉีด
- ต้อสามารถทราบ หรือตรวจสอบชื่อแพทย์ ใบอนุญาต ผู้จะทำการรักษาได้
- ไม่ควรหลงเชื่อราคาที่ถูกผิดปกติ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Restylane ฟิลเลอร์
ไม่อันตราย จะอันตรายต่อเมื่อฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ที่มีประสบการณ์ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ผ่าน อย. ไม่ใช่แค่แบรนด์นี้ แต่ใช้ได้กับการฉีดฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ ทุกบริเวณค่ะ
ฟิลเลอร์ที่ใช้กันในปัจจุบันส่วนใหญ่ผลิตจากสารกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในระยะยาว
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ สารเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกย่อยสลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไปเรื่อยๆ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ บริเวณที่ฉีด ปริมาณที่ใช้ รวมถึงเมตาบอลิซึมของแต่ละบุคคล
ดังนั้น เมื่อหมดอายุของฟิลเลอร์แล้ว จะไม่มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เพราะถูกสลายและกำจัดออกไปหมดแล้วตามกระบวนการทางชีวภาพ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างจากฟิลเลอร์ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ ความเจ็บ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ แต่อยู่ที่ตำแหน่ง บริเวณ และเทคนิคการฉีดของแพทย์ และยี่ห้อบางรุ่นมีผสมยาชา รุ่นใหม่ ส่วนมากมียาชากันหมด ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับยุค 15 ปีที่แล้ว