ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ฉีดฟิลเลอร์หลังมือ ฟิลเลอร์มือ ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ cc

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ฟิลเลอร์

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

ฟิลเลอร์หลังมือ คืออะไร ดียังไง ใช้กี่ CC ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ติดตามผลการรักษา

Age is just a number, but are your hands telling a different story?

เคยไหมคะที่ดูแลผิวหน้าอย่างดีเยี่ยม แต่พอเหลือบมองมือตัวเองแล้วกลับต้องถอนหายใจ… ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น เส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มือของเราดูมีอายุเกินจริงไปมาก ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลายคนกังวล แต่ก็ไม่อยากเจ็บตัวผ่าตัดดึงหนัง หรือต้องมาคอยดูแลบ่อยๆ วันนี้มีนวัตกรรมสุดปังที่จะมาช่วย “คืนความสาว” ให้กับมือของคุณแบบเร่งด่วนและเห็นผลชัดเจน นั่นก็คือการ “ฉีดฟิลเลอร์มือ” นั่นเองค่ะ

ฟิลเลอร์หลังมือ คืออะไร? ทำงานยังไง ทำไมถึงคืนความอ่อนเยาว์ได้?

ฟิลเลอร์มือ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกายของเรา มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการอุ้มน้ำได้ดีเยี่ยม เข้าไปที่บริเวณ “หลังมือ” ค่ะ

เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนและไขมันบริเวณหลังมือจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ผิวหนังเริ่มบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น จนมองเห็นเส้นเลือดและเส้นเอ็นต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น มือจึงดูเหี่ยวและมีอายุค่ะ การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปก็เปรียบเสมือนการ “เติมน้ำและเติมเนื้อเยื่อที่ขาดหายไป” ให้กับผิวมือของเราค่ะ

หลักการทำงานของฟิลเลอร์มือ

  • เติมเต็มร่องลึก: เนื้อฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวที่เคยเหี่ยวย่นกลับมาดูอวบอิ่มและเรียบเนียนขึ้นทันที
  • พรางเส้นเลือดและเส้นเอ็น: เมื่อผิวหนังหนาและฟูขึ้น ก็จะช่วยพรางเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่เคยปูดโปนให้มองเห็นได้น้อยลง
  • เพิ่มความชุ่มชื้น: สาร HA จะช่วยดึงดูดน้ำไว้ใต้ผิว ทำให้ผิวบริเวณหลังมือชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่น น่าสัมผัสมากขึ้น

ฟิลเลอร์ที่ “เกิดมาเพื่อผิวหลังมือ” ต้องมีคุณสมบัติอะไร

  1. เนื้อเจลต้องนิ่มและละเอียดเป็นพิเศษ
    หมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อเนียนละเอียด และมีความนิ่ม ค่ะ เพราะผิวหนังบริเวณหลังมือค่อนข้างบาง การใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งหรือหนืดเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาเป็นก้อนหรือเป็นลำ ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ง่ายค่ะ ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มจะสามารถ กระจายตัวใต้ผิวได้อย่างสม่ำเสมอ และกลืนไปกับผิวได้ดีกว่าค่ะ
  2. มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี
    คุณสมบัติเด่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับมือคือความสามารถในการ อุ้มน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้น ค่ะ เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว นอกจากจะช่วยเติมเต็มให้หลังมือที่เคยเหี่ยวๆ ดูอวบอิ่มขึ้นทันที ยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว ทำให้ผิวที่เคยแห้งกร้านกลับมาดู ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และสุขภาพดี น่าสัมผัสมากขึ้นค่ะ
  3. ไม่เน้นการยกกระชับ แต่เน้นการเติมเต็ม
    ฟิลเลอร์สำหรับมือจะแตกต่างจากฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง หรือขมับค่ะ เราไม่ต้องการฟิลเลอร์ที่เนื้อแข็งเพื่อเน้นการยกพยุง แต่เราต้องการฟิลเลอร์ที่ เน้นการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มปริมาตรผิว (Volume) เพื่อพรางเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่ปูดโปนให้ดูจางลงค่ะ

เทียบกับฉีดด้วยไหมน้ำ หรือ Biostimulator

คุณสมบัติฟิลเลอร์ HA (Hyaluronic Acid)Biostimulator (สารกระตุ้นคอลลาเจน)
หลักการทำงานเติมเต็มทันที HA เป็นสารอุ้มน้ำ เมื่อฉีดเข้าไปจะช่วยเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวอิ่มฟูขึ้นทันที และดึงดูดน้ำมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สารเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ของร่างกายให้ผลิตคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
ส่วนประกอบหลักHyaluronic Acid (HA)Poly-L-Lactic Acid (PLLA), Poly D-L-Lactic Acid (PDLLA), Polydioxanone (PDO), Polycarpolactone (PCL) เป็นต้น
เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด เห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยหลังทำค่อยเป็นค่อยไป เริ่มเห็นผลในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ระยะเวลาคงผลลัพธ์โดยทั่วไปประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์และแต่ละบุคคลโดยทั่วไปประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับชนิดสารและจำนวนครั้งที่ทำ
ประโยชน์หลักเติมเต็มปริมาตรทันใจ
พรางเส้นเลือดและเส้นเอ็น ที่ปูดโปน
ลดเลือนริ้วรอย แบบเร่งด่วน
เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวอิ่มฟู
กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน
เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ให้ผิว
ปรับปรุงโครงสร้างผิว ให้แน่นขึ้น
ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และต่อเนื่องยาวนาน
ปัญหาที่เหมาะ– หลังมือผอมแห้ง ขาดวอลลุ่ม
– เห็นเส้นเลือด/เส้นเอ็นชัดเจน
– ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ต้องการการเติมเต็มทันที
– ผิวหนังบาง ขาดความยืดหยุ่น
– หลังมือเหี่ยว ต้องการการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม
– ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน
จำนวนครั้งที่ทำโดยทั่วไป 1 ครั้ง อาจมีการเติมเพิ่มตามความเหมาะสมโดยทั่วไป 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์ และอาจมีการทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
ข้อควรรู้– อาจมีอาการบวม ช้ำ ได้ชั่วคราว
– ผลลัพธ์กลับสู่สภาพเดิมเมื่อสารสลายไป
– ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลเต็มที่
– อาจมีอาการบวมหลังทำได้

ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์มือ

การฉีดฟิลเลอร์หลังมือจะช่วยให้ ผิวดูอ่อนเยาว์ มีความอวบอิ่ม น่าสัมผัสเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วย ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และลดรอยดำรอยด่างของผิวได้ ทำให้มือกลับมาสวยเนียนใส เหมือนย้อนวัยกลับไปอีกครั้งเลยค่ะ

การทาครีม (Cream Application)การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection)
บำรุงและปกป้องผิวชั้นนอก ช่วยให้ความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว และสารออกฤทธิ์บางชนิดอาจช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระดับตื้นๆเติมเต็มวอลลุ่มและพยุงโครงสร้างใต้ผิว HA จะเข้าไปแทนที่ไขมันที่ลดลง ส่วน Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน
มอยส์เจอร์ไรเซอร์, สารต้านอนุมูลอิสระ (วิตามิน C, E), เรตินอล, เปปไทด์, Hyaluronic Acid (HA) โมเลกุลใหญ่, สารกันแดดHyaluronic Acid (HA) ชนิด Cross-linked หรือ Biostimulator (PLLA, PDLLA, PCL เป็นต้น)
ค่อยเป็นค่อยไปและละเอียดอ่อน ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้นขึ้น ลดริ้วรอยตื้นๆ ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอรวดเร็วและชัดเจน HA เห็นผลทันทีเรื่องวอลลุ่ม/ริ้วรอยลึก
ค่อยเป็นค่อยไป Biostimulator เห็นผลชัดเจนใน 1-3 เดือน
ชั่วคราว ผลลัพธ์จะคงอยู่ตราบเท่าที่ใช้เป็นประจำ และอาจค่อยๆ ลดลงเมื่อหยุดใช้นานกว่า HA ประมาณ 6-12 เดือน
Biostimulator ประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่า (ขึ้นอยู่กับชนิดสารและบุคคล)
– บำรุงประจำวัน รักษาความชุ่มชื้นและสุขภาพผิวที่ดี
– ป้องกัน ชะลอการเกิดริ้วรอยและปัญหาผิวอื่นๆ
– ปลอดภัย ทำเองได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น
– ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำ เหมาะกับการดูแลต่อเนื่อง
– เติมเต็มวอลลุ่ม ทำให้มือดูอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์ขึ้น
– พรางเส้นเลือด/เส้นเอ็น ลดความโดดเด่นของกระดูกและเส้นเลือดที่ปูดโปน
– ลดเลือนริ้วรอยลึก ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
– ฟื้นฟูโครงสร้างผิว Biostimulator ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน
– ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
– ริ้วรอยเริ่มต้นหรือริ้วรอยตื้นๆ
– ต้องการการบำรุงและปกป้องผิวทั่วไป
– ต้องการชะลอการเสื่อมสภาพของผิว
– หลังมือผอมแห้ง เห็นกระดูก/เส้นเลือด/เส้นเอ็นชัดเจน
– ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เห็นชัดเจน
– ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน
– ต้องการการฟื้นฟูผิวที่ล้ำลึกและยาวนาน
– ผลลัพธ์จำกัด ไม่สามารถแก้ปัญหาวอลลุ่มที่หายไปหรือริ้วรอยลึกได้
– ต้องใช้ต่อเนื่อง หากหยุดใช้ ผลลัพธ์จะค่อยๆ หายไป
– ใช้เวลา เห็นผลช้ากว่าการฉีด
– ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เมื่อเทียบกับการทาครีม
– มีความเสี่ยง อาจเกิดรอยเขียวช้ำ บวม หรือติดเชื้อได้ (ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
– ไม่ถาวร HA สลายไปเองตามธรรมชาติ ต้องฉีดซ้ำ
– Biostimulator บางชนิดไม่สามารถสลายได้หากเกิดปัญหา (เช่น ก้อน)

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์มือ?

การฉีดฟิลเลอร์มือเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ผู้ที่หลังมือเหี่ยวย่น: มีริ้วรอยเยอะ ผิวหนังไม่เต่งตึง
  • ผู้ที่หลังมือดูผอม แห้ง: จนเห็นกระดูก เส้นเลือด และเส้นเอ็นปูดโปนชัดเจน
  • ผู้ที่ผิวหลังมือขาดความชุ่มชื้น: ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวมือ: ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี และเรียบเนียนอย่างรวดเร็ว
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน: และมองหาวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด
มือเหี่ยว (Wrinkled Hands)มือมีแต่กระดูก (Bony/Gaunt Hands)
– ผิวหนังหลังมือหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเล็กๆ ถึงรอยย่นลึก
– ผิวขาดความตึงกระชับ ไม่เรียบเนียน
– อาจมีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำร่วมด้วย
– หลังมือผอมบาง เห็นกระดูกสันมือชัดเจน
– เส้นเลือดดำปูดโปน และเส้นเอ็นชัดเจนมาก
– เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังดูแฟบลง ขาดวอลลุ่ม ทำให้ดูซูบตอบ
– การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน 
ตามวัยและการถูกทำลายจากแสงแดด
– ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน
– การแสดงสีหน้า/การเคลื่อนไหวซ้ำๆ
(พบน้อยที่มือ แต่เป็นปัจจัยทั่วไปสำหรับริ้วรอย)
– ไลฟ์สไตล์ การใช้มือทำงานหนักโดยไม่บำรุง
– การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง 
เมื่ออายุมากขึ้นไขมันใต้ผิวหนังจะลดลง
– การสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวบางลง ขาดความหนา
– น้ำหนักตัวลดลงมาก หรือมีภาวะผอมมาก
– กรรมพันธุ์ บางคนมีโครงสร้างมือที่ผอมบางตามธรรมชาติ
ผิวหนังที่ขาดความเรียบเนียนและความยืดหยุ่นการขาดวอลลุ่ม ทำให้เห็นโครงสร้างกระดูกและเส้นเลือดชัดเจน
– ฟิลเลอร์ HA (ชนิดเนื้อบางเบา) 
เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้น
– Biostimulator 
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิว
– เลเซอร์/ทรีทเมนต์
เพื่อปรับปรุงสภาพผิว ลดเลือนจุดด่างดำ
– การบำรุงด้วยสกินแคร์
ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมช่วยต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้น
– ฟิลเลอร์ HA (ชนิดเนื้อปานกลาง) 
เพื่อเติมเต็มวอลลุ่ม พรางเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่ปูดโปน
– Biostimulator
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อเพิ่มความหนาและแข็งแรงให้ผิวจากภายใน
– การฉีดไขมันตัวเอง
เพื่อเติมเต็มวอลลุ่มอย่างเป็นธรรมชาติและถาวรกว่า

ฟิลเลอร์มืออันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์มือมีความปลอดภัยสูงมากค่ะ เนื่องจากสาร HA ที่ใช้เป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองได้ จึงสามารถสลายไปได้ตามธรรมชาติ 100% และไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. เท่านั้นนะคะ

บริเวณหลังมือมีเส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่จำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงที่เข็มอาจไปโดนได้ ดังนั้น แพทย์จึงนิยมใช้ เข็มทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูงในการฉีดฟิลเลอร์หลังมือ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ข้อเสีย/ข้อควรระวัง

สำหรับฟิลเลอร์ HA (Hyaluronic Acid)

  • ไม่ถาวร: จุดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไข้ต้องทำความเข้าใจนะคะ ฟิลเลอร์ HA ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดค่ะ โดยทั่วไปแล้วจะคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์และปัจจัยส่วนบุคคล เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว มือก็จะกลับไปเป็นสภาพเดิม เราจำเป็นต้องกลับมาเติมซ้ำหากต้องการคงความสวยอ่อนเยาว์ไว้ค่ะ
  • โอกาสเกิดก้อน/ลำ: แม้จะเลือกฟิลเลอร์เนื้อนิ่มแล้ว แต่ถ้าหากฉีดผิดชั้นผิว หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดเป็นก้อนหรือเป็นลำใต้ผิวหนังได้ค่ะ ซึ่งอาจทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ (แม้ว่าฟิลเลอร์ HA จะสามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่แรกด้วยการเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญค่ะ)
  • อาการบวมช้ำ: หลังการฉีด อาจมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือมีรอยเข็มเล็กน้อยได้ค่ะ ซึ่งเป็นอาการปกติและมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมใจและอาจต้องหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมบางอย่างในช่วงแรกค่ะ

สำหรับ Biostimulator (สารกระตุ้นคอลลาเจน)

  • ไม่เห็นผลทันที ต้องใช้เวลา: ข้อนี้สำคัญมากสำหรับคนไข้ที่ใจร้อนนะคะ เพราะ Biostimulator ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ฉับพลันเหมือนฟิลเลอร์ HA ค่ะ คุณคนไข้ต้องอดทนรอประมาณ 1-3 เดือน กว่าร่างกายจะเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่เมื่อผ่านไปสักระยะค่ะ
  • ต้องทำหลายครั้ง: เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ยาวนาน การฉีด Biostimulator มักจะต้องทำเป็นคอร์ส ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างตามที่แพทย์แนะนำค่ะ ซึ่งหมายถึงการเดินทางมาพบแพทย์หลายครั้งและค่าใช้จ่ายที่อาจสูงกว่าการทำครั้งเดียว
  • ไม่สามารถสลายเองได้ในบางชนิด: นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดที่คนไข้ต้องทราบค่ะ Biostimulator บางชนิด เช่น PLLA, PDLLA, PCL ไม่มียาฉีดสลายเหมือนฟิลเลอร์ HA หากเกิดปัญหา เช่น เป็นก้อน หรือผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ การแก้ไขจะทำได้ยากกว่ามากค่ะ ดังนั้น การเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงและใช้เทคนิคการฉีดที่แม่นยำจึงสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ค่ะ
  • อาการบวมช้ำหรืออักเสบ: เช่นเดียวกับฟิลเลอร์ HA หลังการฉีดอาจมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือระคายเคืองได้ค่ะ

ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หลังมือ

ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หลังมือ มีหลายประเด็นที่คุณคนไข้ควรรู้ เพื่อให้มั่นใจในการรักษาและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจมากที่สุดค่ะ

ระยะเวลาพักฟื้นและการคงผลลัพธ์

ระยะเวลาการฟื้นตัวหลังฉีดฟิลเลอร์มือ
การฉีดฟิลเลอร์หลังมือนั้นเป็นหัตถการที่ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน โดยทั่วไปอาการบวมจะเริ่มลดลงภายใน 1-3 วัน รอยช้ำจะจางลงใน 5-7 วัน และอาการเจ็บต่างๆ จะหายไปหมดใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาการฟื้นตัวนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลตัวเองหลังฉีด

ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มือ
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์หลังมือนั้นจะอยู่ได้นานแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ บริเวณที่ฉีด อายุ สภาพผิว และการดูแลรักษาหลังฉีด แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี และในบางรายอาจอยู่ได้นานถึง 18 เดือนเลยทีเดียว

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายและปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดมือ
ราคาและปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดมือจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น คลินิกที่ให้บริการ ยี่ห้อของฟิลเลอร์ และปัญหาของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้ว ราคาของฟิลเลอร์จะอยู่ที่ประมาณ 9,000 – 20,000 บาท/CC และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะอยู่ที่ 1 – 2 CC ต่อข้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณคนไข้ที่สุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดเสมอ แพทย์จะสามารถประเมินและให้คำแนะนำที่ถูกต้องได้

เปรียบเทียบการฉีดฟิลเลอร์ vs การเติมไขมันตัวเอง

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection)การเติมไขมันตัวเอง (Fat Transfer)
เติมสารสังเคราะห์ (ส่วนใหญ่มักเป็น Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวหนังโดยตรง เพื่อเพิ่มปริมาตร, ยกกระชับ, ลดริ้วรอยดูดไขมันส่วนเกินจากร่างกายคนไข้เอง มาผ่านกระบวนการปั่นแยกเซลล์ไขมันบริสุทธิ์ แล้วฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการ เพื่อเพิ่มปริมาตรและฟื้นฟูผิว
มาจากสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นทางเภสัชกรรมไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง (ไขมันจากหน้าท้อง, ต้นขา, สะโพก)
Hyaluronic Acid (HA) เป็นหลัก, หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน เช่น PLLA, CaHAเซลล์ไขมัน (Adipocytes) และสเต็มเซลล์จากไขมัน (Adipose-derived stem cells)
มาในรูปแบบเจลพร้อมฉีดในไซริงค์ (Pre-filled syringe)ต้องผ่านกระบวนการดูดไขมัน, ปั่นแยกเซลล์, และกรองไขมัน ก่อนนำมาฉีด (มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า)
เห็นผลทันที หลังฉีด (โดยเฉพาะ HA)เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำ แต่ไขมันจะติดประมาณ 30-70% ต้องรอให้ไขมันที่ฉีดเข้าไป “ติด” กับร่างกาย ผลลัพธ์สมบูรณ์ใน 3-6 เดือน
อยู่นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์, ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลของแต่ละบุคคลกึ่งถาวรถึงถาวร หากไขมันติดดีแล้วจะอยู่ได้นานหลายปี
– เห็นผลเร็ว
– ไม่ต้องพักฟื้นนาน
– HA สามารถแก้ไข/สลายได้
– มีหลากหลายชนิดให้เลือกตามปัญหา
– ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมาก
– ลดโอกาสแพ้ (เพราะเป็นไขมันตัวเอง)
– ได้ประโยชน์จากการดูดไขมันส่วนเกิน
– มีสเต็มเซลล์ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและคุณภาพผิว
– สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด
– HA สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์หากไม่พึงพอใจ
– ควบคุมการฉีดได้แม่นยำ
– ลดโอกาสเกิดการแพ้
– ผลลัพธ์กึ่งถาวรถึงถาวร
– ได้สัดส่วนที่ดีขึ้นจากจุดที่ดูดไขมัน
– สเต็มเซลล์ช่วยฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่
– ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเมื่อสลาย
– ราคาต่อครั้งสูง ต้องใช้หลาย CC
– เทคนิคซับซ้อน ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะเชี่ยวชาญ
– เป็นหัตถการผ่าตัด (ดูดไขมัน) ต้องพักฟื้น
– ค่าใช้จ่ายสูงกว่าในภาพรวม
– ไขมันที่ฉีดไปอาจสลายตัวไปบางส่วน อาจต้องทำซ้ำ
– อาจเกิดรอยเขียวช้ำ/บวมนานกว่า
– อาจเกิดความไม่เรียบ/ก้อนถ้าฉีดไม่สม่ำเสมอ
– ผลลัพธ์ไม่แน่นอนเท่าฟิลเลอร์ HA เนื่องจากอัตราการรอดของเซลล์ไขมัน

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์มือ

เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์มือปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอขอแนะนำดังนี้ค่ะ

  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด: 1 สัปดาห์ก่อนฉีด ควรหลีกเลี่ยงยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา, แปะก๊วย เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ
  • งดแอลกอฮอล์และบุหรี่: 24 ชั่วโมงก่อนฉีด ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำและการหายของแผล
  • งดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด: 2-3 วันก่อนฉีด ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือ AHAs บริเวณหลังมือ
  • แจ้งข้อมูลสำคัญ: หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือมีอาการติดเชื้อ/อักเสบที่บริเวณหลังมือ ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนฉีดทุกครั้ง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์มือ

การดูแลมือหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกวิธี จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่สวยงามและคงผลลัพธ์ได้นานค่ะ

  • งดการสัมผัสรุนแรง: 1-2 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือขยี้บริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่
  • หลีกเลี่ยงความร้อนสูง: 14 วันแรก งดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อนจัด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือตากแดดจัด เพราะอาจส่งผลต่อการคงตัวของฟิลเลอร์
  • พักการใช้งานมือ: 1-2 วันแรก งดกิจกรรมที่ต้องใช้มือทำงานหนัก หรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมือ เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้เซ็ตตัว
  • ระวังสารเคมีและผลิตภัณฑ์: หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีรุนแรง, ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดเข้มข้น (AHA, BHA), และการทำทรีทเมนต์/เลเซอร์/ผลัดเซลล์ผิวบริเวณหลังมือ
  • ปรึกษาแพทย์ทันที: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง ร้อนมากผิดปกติ หรือมีตุ่มนูน ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลทันที
เมื่อความรักถูกผนึกด้วยแหวน มั่นใจได้ว่ามือของคุณจะสวยงามและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเฉกเช่นคำสัญญาที่คุณให้ไว้

When love is sealed with a ring, ensure your hands are as beautiful and confident as the promise you make.”

ฟิลเลอร์หลังมือ ราคาเท่าไหร่

ฟิลเลอร์ราคา คลินิกฉีดฟิลเลอร์ เลียบด่วน รามอินทรา ดีเลิฟเวอรี่คลินิก อย. แท้ทุกกล่อง

เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ

การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น

ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก

พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา

อ่านเพิ่มเติม

การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น

  • เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
  • เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc

การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำเลยคือ ฟิลเลอร์แท้ต้องสลายได้เอง 100% ค่ะ จะไม่มีคำว่า “ถาวร” เด็ดขาด ถ้าเราไปฉีดที่ไหนแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ตลอดไป ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าอาจเป็นสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งอันตรายและแก้ไขได้ยากในอนาคต ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ

โดยทั่วไปฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ที่เป็นกล่องๆที่เรามักคุ้นเคยกันนั้น จะมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามรุ่นและตำแหน่งที่ฉีดค่ะ สั้นที่สุดคือประมาณ 6-12 เดือน สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ใช้เติมบริเวณใต้ตาหรือริมฝีปาก และ นานที่สุดอาจอยู่ได้ถึง 1.5 – 2 ปี สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างคางหรือกรอบหน้าค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะฉีดที่สถานพยาบาลไหน ก่อนฉีดอย่าลืมสอบถามคุณหมอถึงชนิดของฟิลเลอร์เพื่อความมั่นใจนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

การฉีด ฟิลเลอร์เปิดหางตา เหมาะกับสาวๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา หางตาตก ตาดูเศร้า หรือดวงตาดูเล็กไม่สดใส โปรแกรมนี้ช่วยยกหางตาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดวงตาดูเฉี่ยว สดใส และมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักฟื้นนานและเห็นผลทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง หรืออยากให้ตาดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างปลอดภัย

หากเติม ฟิลเลอร์เบ้าตาบน ควบคู่กับฟิลเลอร์เปิดหางตา จะช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล ตาหมอง ให้ดูเต็มขึ้น ตาดูกลมโต สดใส ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสองเทคนิคนี้ทำพร้อมกัน จะช่วย ปรับสมดุลรูปตาให้สวยละมุน และดูเป็นธรรมชาติแบบ Personalized case by case เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการ ความสวย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมใหญ่

อ่านเพิ่มเติม

ลองนึกภาพ หรือส่องกระจกและทำตามหมอนะคะ หน้าเรา มุมปากเรา และลองทำตามดู

  • ลองยิ้มหรือทำหน้าธรรมชาติ แล้วแตะที่ข้างมุมปากลากนิ้วลงมาถึงขอบคาง ร่องนี้คือ “ร่องน้ำหมาก”
  • ตำแหน่งนี้คือจุดที่หมอจะฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม เพื่อช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ใครมีมาก มีน้อย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆคืออายุที่เพิ่มขึ้น

การแก้ไข หมอจะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมบริเวณข้างมุมปากที่เป็นร่องลงไปถึงข้างคาง ทำให้ร่องดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส และมุมปากดูยกขึ้น ไม่ดูเศร้าค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ถ้าคนไข้เพิ่งไปฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ แล้วเพิ่งมารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ไม่ต้องกังวลมาก เพราะจากข้อมูลทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ค่ะ แต่ควรงดฉีดทุกชนิดในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร สำหรับทีมแพทย์ของดีเลิฟเวอรี่คลินิก ซักประวัติก่อนรับบริการ ถ้าคนไข้มีตั้งครรภ์จะไม่แนะนำทุกกรณีค่ะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมปรึกษาหมอประจำตัวหรือแพทย์ผู้ฝากครรภ์ได้เลยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

90

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Ning BarbieGrils
Ning BarbieGrils
แนะนำเลย
facebook
Pakjira Ardnarong
Pakjira Ardnarong
แนะนำเลย
facebook
Kru JaAea Masuk
Kru JaAea Masuk
แนะนำเลย
facebook
Duangruethai Phokprakhon
Duangruethai Phokprakhon
แนะนำเลย
facebook
Darinda Nina
Darinda Nina
แนะนำเลย
facebook
ฐิตารีย์ ธนาเดชจิรธันย์
ฐิตารีย์ ธนาเดชจิรธันย์
แนะนำเลย
google
ชุติมันต์ ศักรินทรศักดิ์
ชุติมันต์ ศักรินทรศักดิ์