รีวิวฟิลเลอร์คาง

















ฟิลเลอร์คาง คืออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์คาง คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าไปบริเวณคาง เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับรูปทรงคาง โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างให้คางหรือใบหน้า ดังนี้
- แก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย
- ปรับแต่งคางที่ไม่สมมาตรหรือคางเบี้ยว
- ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟขึ้น
- เพิ่มมิติให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- สารฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ระยะเวลาในการคงอยู่ของฟิลเลอร์คางโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและคุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้ การฉีดฟิลเลอร์คางถือเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย เมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความยาวคาง 2 ซม. ซึ่งในกรณีนี้การผ่าตัดเสริมคางอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่านะคะ
ฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
ฟิลเลอร์คางเป็นที่นิยมเพราะเป็นทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยในการแก้ไขปัญหารูปหน้า โดยมีจุดเด่นคือ
- ต้องการปรับรูปหน้าแบบเร่งด่วน
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องลางาน
- เห็นผลลัพธ์ทันที ไปพร้อมๆกับแพทย์ผู้ทำการรักษาได้เลย
- เป็นจุดเริ่มต้นของคนอยากปรับรูปหน้าว่าควรเติมฟิลเลอร์ หรือเหมาะที่จะต้องทำศัลยกรรมใส่ซิลิโคนในอนาคต
ปัญหาโครงสร้างคาง
- คางสั้น
- คางตัด
- คางบุ๋ม
- คางไม่เท่ากัน
- คางไม่เป็นทรง
ลักษณะคาง | ปริมาณฟิลเลอร์ (cc) | หมายเหตุ |
---|---|---|
คางสั้น | 1.5 – 2.0 | – ฉีดแนวกลางคางเพื่อยืด projection – อาจต้องทำ 2 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี |
คางตัด | 1.0 – 2.0 | – เน้นเติมส่วนปลายคาง – แก้ไขคางให้สมส่วนกับใบหน้า |
คางบุ๋ม | 0.5 – 1.0 | – เน้นเติมจุดบุ๋มเป็นหลัก – อาจเพิ่มปริมาณตามความลึกของรอยบุ๋ม |
คางไม่เท่ากัน | 0.3 – 1.0 | – ฉีดเฉพาะด้านที่น้อยกว่า – ควรแก้ไขทีละน้อยเพื่อความสมดุล |
คางไม่เป็นทรง | 1.0 – 2.0 | – ฉีดหลายตำแหน่งเพื่อปรับรูปทรง – อาจต้องทำหลายครั้ง |
ปัญหารูปหน้าโดยรวม
- หน้าสั้น
- หน้ากลม
- หน้าไม่สมมาตร
- ต้องการให้หน้าเรียวขึ้น
คางส่งผลต่ออารมณ์ใบหน้า
- สามารถปรับรูปหน้าให้สมดุล
- ช่วยให้ใบหน้าดูเรียววีเชฟขึ้น
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ในภายหลัง
ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร?
หมอว่า ฟิลเลอร์คางเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเร่งด่วน และยังไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากได้รูปหน้าสไตล์ไหน
- ต้องการแก้ไขปัญหาคางแต่ไม่พร้อมผ่าตัด
- ไม่ต้องการมีแผลผ่าตัดและการพักฟื้น
- มีปัญหาคางสั้นหรือต้องการปรับรูปคางเพียงเล็กน้อย
- ต้องการทดลองดูผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม
อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์คางอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้นมากๆ หรือต้องการเสริมคางให้ยาวมากๆ เนื่องจากข้อจำกัดของวิธีการฉีด การฝืนเติมฟิลเลอร์ในปริมาณมากอาจส่งผลให้เกิดการไหลของสาร ทำให้คางผิดรูปหรือเกิดก้อนได้ ในกรณีนี้ การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
เพื่อให้มั่นใจว่าฟิลเลอร์คางเหมาะกับคุณหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม โดยสามารถเข้าปรึกษาที่คลินิกโดยตรง หรือส่งภาพถ่ายใบหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ของคลินิกเพื่อรับการประเมินเบื้องต้นได้ค่ะ
ฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับใคร?
เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา ควรพิจารณาข้อจำกัดต่อไปนี้ก่อนตัดสินใจทำฟิลเลอร์คาง ปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนตัดสินใจรับบริการ
กลุ่มที่ไม่เหมาะสม | รายละเอียด | ข้อควรพิจารณา |
---|---|---|
ด้านโครงสร้างคาง | • คางสั้นมากเกิน 1 ซม. • ต้องการเพิ่มความยาวคางมากๆ | ควรพิจารณาการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนแทน |
สภาวะร่างกาย | • สตรีมีครรภ์ • ผู้ที่มีภูมิแพ้รุนแรง • มีโรคประจำตัว | ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง |
ข้อจำกัดด้านการรักษา | • ผู้ที่แพ้ยาชา • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิค | แจ้งประวัติการแพ้กับแพทย์ก่อนทำ |
ความคาดหวัง | • ต้องการผลลัพธ์ถาวรตลอดไป • ต้องการการให้คางยาวสุดๆไปเลย | ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ต้องฉีดซ้ำ |
ข้อดี-ข้อเสียของฟิลเลอร์คาง
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด | • อยู่ได้ไม่ถาวร (1-2 ปีต่อการฉีด) |
• ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่มีแผลเป็นใดๆ | • ต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ |
• ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ | • มีข้อจำกัดในการเพิ่มความยาวคาง (ไม่เกิน 1-2 ซม.) |
• สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ | • หากฉีดด้วยเทคนิคไม่ถูกต้อง อาจทำให้คางผิดรูปได้ |
• ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ | • ราคาถูกมากไปก็น่ากลัว – สูงมาก ก็ไม่ได้การันตีความธรรมชาติ |
• สามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจ (ฉีดสลายได้) | • ต้องหาความรู้ให้หนัก เรื่องการเลือกคลินิกและแพทย์ |
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรูปคางชั่วคราวก่อนทำแบบถาวร | • อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย 1-3 วันแรก |
ฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม?
การทำหัตถการฟิลเลอร์คาง เป็นโปรแกรมที่ได้รับการยอมรับด้านการปรับรูปหน้า และมีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากฟิลเลอร์จะถูกวางอยู่ชั้นลึกติดกับกระดูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เส้นเลือดน้อย แต่ต้องมั่นใจว่ารับการรักษากับแพทย์ตัวจริง มีประสบการณ์จริง และใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจริง
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความปลอดภัย
- คุณภาพของสถานพยาบาลและแพทย์
- คลินิกต้องได้มาตรฐาน
- แพทย์ต้องมีใบอนุญาตและมีประสบการณ์
- มีการประเมินความเหมาะสมของคนไข้อย่างละเอียด
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์
- ต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน
- เลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเหลวหรือซิลิโคนเหลวทดแทน (ระวังที่ราคาถูกเกินจริง)
- เทคนิคการฉีด
- ฉีดในระดับความลึกที่เหมาะสม
- ใช้ปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป
- มีความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้า
ทำไมฉีดฟิลเลอร์คางมาแล้ว ดูไม่ธรรมชาติ?
สาเหตุ | ผลที่เกิดขึ้น | การแก้ไข/ป้องกัน |
---|---|---|
1. เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง | • ฟิลเลอร์เป็นก้อน • คางผิดรูป • คางดูไม่สมมาตร | • เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ • ฉีดในระดับความลึกที่เหมาะสม |
2. ฉีดในชั้นตื้นเกินไป | • เกิดก้อนฟิลเลอร์ • คางย้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป | • ต้องฉีดในชั้นลึกติดกระดูก • ใช้เทคนิคการเสริมที่กระดูก |
3. ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป | • คางยาวแหลมแบบแม่มด* • คางดูยื่นผิดธรรมชาติ | • ฉีดในปริมาณที่เหมาะสม • ไม่ควรเพิ่มความยาวเกิน 1 ซม. |
4. การฉีดซ้ำซ้อนในชั้นตื้น | • เกิดการทับซ้อนของฟิลเลอร์ • คางมีลักษณะผิดรูป | • ควรฉีดในชั้นลึกเท่านั้น • รอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายก่อนฉีดซ้ำ |
การแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา
- สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยยา Hyaluronidase (ราคาเริ่มต้น 5000 บาท)
- ฟิลเลอร์จะเริ่มสลายทันทีหลังฉีด – 48 ชั่วโมง
- ควรกลับไปพบแพทย์ที่คลินิกเดิมหรือโรงพยาบาลที่รับบริการก่อน
การป้องกัน
- เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ
- อย่าเอาคางดารา อินฟู นางแบบนาย หรือของเพื่อนมาอ้างอิงกับคางของเรา โครงสร้างหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน
- ไม่ควรฉีดเกินปริมาณที่แพทย์แนะนำ
ฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคาง แบบไหนดีกว่ากัน?
เปรียบเทียบ | ฟิลเลอร์คาง | ผ่าตัดเสริมคาง |
---|---|---|
ความเจ็บ | ⭐ (น้อยมาก) | ⭐⭐⭐ (มีความเจ็บปวดระดับหนึ่ง) |
การพักฟื้น | ⭐ (ใช้ชีวิตได้ปกติทันที) | ⭐⭐⭐⭐ (ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์) |
อยู่ได้นาน | (อยู่ได้ 8-18 เดือน) | (ถาวร) หรือจนกว่าจะถอดซิลิโคน |
ความเป็นธรรมชาติ | ⭐⭐⭐⭐⭐ (สัมผัสธรรมชาติมาก) | ⭐⭐⭐ (ขึ้นอยู่กับความชำนาญแพทย์) |
การแก้ไขภายหลัง | (แก้ไขง่าย สลายได้) | (แก้ไขยาก ต้องผ่าตัดซ้ำ) |
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วผ่าตัดเสริมคางได้ไหม?
สามารถทำได้ แต่ต้องมีการวางแผนและทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม และดูเป็นเคสๆไป ถ้าคนไข้ฉีดสารเหลวที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้มา จะไม่สามารถทำได้ตามขั้นตอนนี้ ต้องปรึกษาแพทย์ ศัลยแพทย์ก่อน เพื่อทำการ ขูดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการแก้ไขจากฉีดฟิลเลอร์คาง >> เสริมซิลิโคนคาง
- รอให้ฟิลเลอร์สลายก่อน
- ฟิลเลอร์เนื้อนุ่ม: รอ 6-8 เดือน
- ฟิลเลอร์เนื้อแน่น/แข็ง: รอ 8-16 เดือน
- ทางเลือกในการสลายฟิลเลอร์
- รอสลายตามธรรมชาติ
- ฉีดยาสลายฟิลเลอร์ (หากต้องการผลเร็ว)
- เหตุผลที่ต้องรอฟิลเลอร์สลาย
- เพื่อไม่ให้กระทบต่อการยึดเกาะของซิลิโคน
- ป้องกันปัญหาการผิดรูปในภายหลัง
ฉีดฟิลเลอร์คางมีเทคนิคที่ต่างไปจากการเสริมซิลิโคนคางไหม?
การฉีดฟิลเลอร์คางและการผ่าตัดวางซิลิโคนคางมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทั้งในแง่เทคนิคและกระบวนการ ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Filler Injection):
- เป็น minimally invasive procedure
- ใช้เข็มขนาดเล็กหรือ microcannula ฉีดสารเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนัง
- ฉีดในระดับ supraperiosteal หรือ deep dermal layer
- ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ ใช้ยาชาเฉพาะที่
- ใช้เวลาทำ 15-30 นาที
- การผ่าตัดวางซิลิโคน (Chin Implant Surgery):
- เป็น surgical procedure
- ต้องเปิดแผลผ่าตัด ที่บริเวณใต้คางหรือในช่องปาก
- ต้องทำการแยกชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกระดูก เพื่อสร้างช่องว่างสำหรับวางซิลิโคน
- บางเคสอาจจะจำเป็นต้องดมยาสลบทั้งตัวหรือ deep sedation
- ใช้เวลาผ่าตัด 1-2 ชั่วโมง
การฉีดฟิลเลอร์คางและการผ่าตัดวางซิลิโคนมีจุดร่วมที่สำคัญคือ ทั้งสองวิธีต้องอาศัยความเข้าใจกายวิภาคในระดับลึก โดยเฉพาะตำแหน่งของ mental nerve และเส้นเลือดบริเวณคาง ต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้า (facial proportion) ศัลยแพทย์ต้องวางแผนการรักษาโดยพิจารณาถึง projection และ symmetry ของคาง รวมถึงต้องระมัดระวังการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ทั้งสองวิธียังต้องผ่านขั้นตอนการ counseling คนไข้อย่างละเอียด มีการถ่ายภาพก่อนทำ และต้องมีการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่สำคัญกว่าเทคนิคอีกค่ะ
คางแบบไหน สร้างความมั่นใจ เสริมโหงวเฮ้ง
ต้องบอกว่า โหงวเฮ้ง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล* แต่ตามหลักโหงวเฮ้งของจีน รูปทรงของคางมีความสำคัญต่อชะตาชีวิตและความมั่งคั่งในบั้นปลายชีวิต ลักษณะของคางมีความสำคัญต่อชีวิตและโชคชะตา โดยแต่ละรูปแบบมีความหมายดังนี้

คางสี่เหลี่ยมกว้าง
- เป็นลักษณะที่ดีมาก แสดงถึงความมั่งคั่ง
- มีความเป็นผู้นำ มีอำนาจวาสนา
- หากคางกว้างและโค้งขึ้นเล็กน้อย จะมีความสุขในบั้นปลายชีวิต
คางกลมมน
- แสดงถึงคนมีเมตตา จิตใจดี
- มีความสามารถในการเข้าสังคม
- มักมีคนช่วยเหลือในยามลำบาก

คางแหลม
- เป็นคนฉลาด มีไหวพริบ
- ต้องระวังเรื่องการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไป
- อาจมีปัญหาในช่วงต้นชีวิต แต่จะดีขึ้นในภายหลัง
คางบุ๋ม/คางแยก (มีร่องตรงกลาง)
- แสดงถึงความขัดแย้งในชีวิต
- ต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ
- ควรฝึกสมาธิและการควบคุมอารมณ์
จากภาพที่แสดง คุณจะเห็นลักษณะคางทั้ง 4 แบบที่กล่าวมา ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจลักษณะของแต่ละรูปแบบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม พึงระลึกว่าศาสตร์การดูโหงวเฮ้งเป็นเพียงความเชื่อดั้งเดิมของจีน ไม่ควรยึดติดจนเกินไป แต่ควรใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและเสริมสร้างความมั่นใจ สบายใจเป็นแนวทางในการปรับรูปหน้า รูปลักษณ์ให้ตัวเอง โดยอ้างอิงจากศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน
ฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดี?
เมื่อต้องการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อปั้นทรง คงรูปนาน ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง เนื้อแน่น ไม่ฟู ดังนี้
ฟิลเลอร์ Ultra V hyal filler รุ่น Hard (เกาหลี)
- เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับการเสริมโครงสร้าง
- มีความคงตัวสูง ไม่เคลื่อนย้ายง่าย
- เหมาะสำหรับการเสริมคาง กราม และโครงหน้า
- อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ Neuramis Volume (เกาหลี)
- เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง
- เหมาะสำหรับการเสริมโครงสร้างใบหน้า
- ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
- อยู่ได้ 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm voluma (อเมริกา)
- เนื้อแข็งและฟูปานกลาง
- มีความยืดหยุ่นสูง
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นความโค้งมนของคาง
- เติมคางได้ดูเป็นธรรมชาติ
- อยู่ได้ 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm Volux (อเมริกา)
- เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง
- ขึ้นรูปได้ง่าย ปั้นทรงสวย
- ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าได้ดีที่สุด
- อยู่ได้ 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ Restylane lyft (สวีเดน)
- เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ฟู
- ใช้สำหรับเสริมทดแทนกระดูก
- คงความเป็นธรรมชาติ สามารถคงรูปได้ดี
- อยู่ได้ 12 เดือน
ฟิลเลอร์ Belotero Intense (สวิตเซอร์แลนด์)
- เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง
- มีจุดเด่นในการแก้ปัญหาร่องลึกมากๆ
- แก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง
- อยู่ได้ 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Definisse Core (อิตาลี)
- เนื้อแข็ง
- เหมาะกับการเสริมกระดูก
- ปรับรูปหน้า เติม mid-face คาง กรอบหน้า
- อยู่ได้ 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Teoxane Ultra Deep (สวิตเซอร์แลนด์)
- เนื้อแน่น
- สามารถปั้นขึ้นรูปได้ดี เคลื่อนที่ยาก
- มีความคงตัวสูง
- เหมาะฉีดตำแหน่ง ขมับ แก้มส้ม คาง และกรอบหน้า
- อยู่ได้ 18 เดือน
ข้อควรพิจารณาในการเลือกฟิลเลอร์คาง
- ความคงตัวของฟิลเลอร์ – ควรเลือกชนิดที่มีความคงตัวสูง เพื่อการคงรูปที่ดี
- ระยะเวลาในการอยู่ตัว – แต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาแตกต่างกันตั้งแต่ 12-24 เดือน
- คุณสมบัติเฉพาะ – บางยี่ห้อเหมาะกับการเสริมโครงสร้าง บางยี่ห้อเน้นความเป็นธรรมชาติ
- ความปลอดภัยและมาตรฐาน – ควรเลือกแบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล

ฟิลเลอร์คาง ราคาเท่าไหร่บ้าง
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา
- แบรนด์และคุณภาพของฟิลเลอร์
- ปริมาณที่ใช้ (ซีซี)
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
- สถานที่ให้บริการ
- โปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลา
ช่วงราคาโดยประมาณ
- (Juvederm, Restylane): 12,000-18,000 บาท/ซีซี
- (Neuramis, Belotero, Ultra V): 7,000-12,000 บาท/ซีซี

การเตรียมตัวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ (7-14 วัน)
- งดยาต้านการอักเสบ/ยาละลายลิ่มเลือด เช่น
- แอสไพริน
- ไอบูโพรเฟน
- วิตามินอี
- งดเครื่องดื่ม/อาหารที่มีแอลกอฮอล์
- แจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ
หลังฉีดฟิลเลอร์ (7 วัน)
- ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด
- งดออกกำลังกายหนัก ที่มีการกระแทกกระทั้นที่บริเวณคาง
- งดอาบน้ำร้อน/เซาว์น่า/อบตัว
- งดการนอนคว่ำ
- ประคบเย็นเพื่อลดบวม (24-48 ชั่วโมงแรก)
คำแนะนำเพิ่มเติม
- นัดติดตามผลตามที่แพทย์กำหนด
- หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์ทันที
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ทำหัตถการอื่นๆ ได้ไหม?
หัตถการที่ทำได้ (หลัง 1-2 สัปดาห์)
- ทรีตเมนต์เบาๆ เช่น มาส์กหน้า
- กดสิวจุดอื่นได้ แต่เว้นตรงคางไปก่อนจะดีกว่า
- วิตามินผิวหน้าแบบอ่อนๆ
- ทำความสะอาดผิวแบบอ่อนโยน
- ฉีดวิตามินผิว
- ออกซี่เจนสเปรย์
- ฉีดสารเติมเต็มบริเวณอื่นหรือฉีดโบท็อกซ์กราม ริ้วรอย ฉีดแฟตสลายไขมันเหนียง แก้ม ได้ตามปกติ
หัตถการที่ไม่ควรทำ (1-2 สัปดาห์แรก)
- เลเซอร์ทุกชนิด
- เครื่องยกกระชับผิวกลุ่มคลื่นเสียง Ultrasound
- เครื่องยกกระชับผิวกลุ่ม RF (คลื่นวิทยุ)
- HIFU
- ร้อยไหม
- ทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อน
- เครื่องดึงหน้า
- นวดหน้าแรงๆ
- ขัดหน้า/ผลัดเซลล์ผิว
ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ CC?
ลักษณะคาง | ปริมาณฟิลเลอร์ (cc) |
---|---|
คางสั้น | 1.5 – 2.0 |
คางตัด | 1.0 – 2.0 |
คางบุ๋ม | 1.0 – 2.0 |
คางไม่เท่ากัน | 0.3 – 1.0 |
คางไม่เป็นทรง | 1.0 – 2.0 |
ฟิลเลอร์คาง บวมกี่วัน?
ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่บวมช้ำได้น้อยกว่าการฉีดไขมันหรือการทำศัลยกรรมผ่าตัดอยู่แล้ว แต่ก็มีโอกาสเกิดการบวมเข็ม บวมช้ำ เขียวได้บ้างในบางคน
เปรียบเทียบระยะเวลาฟื้นตัว ฟิลเลอร์คาง vs ศัลยกรรมคาง
ระยะเวลา | ฟิลเลอร์คาง | ศัลยกรรมคาง |
---|---|---|
อาการบวม | 18-24 ชม. | 7-14 วัน |
รอยช้ำ | 1-48 ชม. | 2-3 สัปดาห์ |
อาการเจ็บ | ⭐ | ⭐⭐⭐ |
การเข้าที่ | 14 วัน | 1-3 เดือน |
ต้องลางานไหม | หลังทำทันทีใช้ชีวิตได้ตามปกติ | 1-3 วัน |
ออกกำลังกาย | งด 7 วัน กิจกรรมที่มีความเสี่ยงกระแทกคางโดยตรง | งด 4-6 สัปดาห์ |
ฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน?
ระยะเวลาโดยเฉลี่ย 8-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิด ยี่ห้อที่เลือก และการดูแล) ปัจจัยที่มีผลต่อการอยู่ตัวของฟิลเลอร์
ทำให้สลายเร็ว | ทำให้อยู่ได้นาน |
---|---|
ออกกำลังกายหนักเกินไป | ออกกำลังกายแบบเบาๆ พอเหมาะ |
อาบน้ำร้อนจัด/เข้าซาวน่าบ่อย | อาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงความร้อนสูง |
นวดหน้า/คางแรงๆ | นวดหน้าเบาๆ หลังผ่านไป 1 เดือน |
ทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อนเร็วเกินไป | รอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวก่อนทำทรีตเมนต์ |
นอนคว่ำ กดทับบริเวณที่ฉีด | นอนหงาย ใช้หมอนนุ่ม |
สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ | งดบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ |
ตากแดดจัด ไม่ทาครีมกันแดด | ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ |
รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ | ทานอาหารมีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก |
ฟิลเลอร์คางสลายได้ไหม?
การสลายฟิลเลอร์คางทำได้ในทุกคน ถ้าฉีดฟิลเลอร์แท้ HA แท้มา แต่ถ้าไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ เป็นสารอย่างอื่น แพทย์จะพิจารณาเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยา สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด หรือผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง ก่อนเสมอ
สำหรับกลุ่มที่ควรพิจารณาสลายฟิลเลอร์ ได้แก่
- ผู้ที่ไม่พอใจรูปทรงหลังฉีด
- ผู้ที่มีการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
- ผู้ที่เกิดก้อนหรือความไม่เรียบใต้ผิวหนัง
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปทรงใหม่
- ผู้ที่มีปฏิกิริยาจากการฉีดฟิลเลอร์
กลุ่มที่ไม่ควรสลายฟิลเลอร์:
- ผู้ที่แพ้ยา Hyaluronidase
- สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
- ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง
ระยะเห็นผลหลังฉีดสลายฟิลเลอร์คาง
- เป็นเอนไซม์ที่สลายฟิลเลอร์โดยตรง
- เห็นผลทันที -24 ชั่วโมง
- ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เริ่มต้น 5,000 บาท
ฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี?
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน การตรวจสอบมาตรฐานคลินิก
ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการ
- เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ต้องแสดงในที่เปิดเผย
- สามารถตรวจสอบผ่านสำนักสถานพยาบาลฯ
- โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-1937000
- ใบอนุญาตต้องไม่หมดอายุ

ตรวจสอบคุณสมบัติแพทย์
- เช็กประวัติแพทย์ผ่าน checkmd.tmc.or.th
- ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- ดูประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
- สอบถามประวัติการฝึกอบรมเฉพาะทาง
มาตรฐานการให้บริการ
- แจ้งราคาชัดเจน ให้ข้อมูลตรงไปตรงมา
- มีการซักประวัติอย่างละเอียด
- มีการถ่ายภาพก่อน-หลังทำ
- มีระบบติดตามผลการรักษา
- ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรอง อย.
- มีห้องทำหัตถการที่สะอาด
- มีอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน
- มีระบบจัดการเหตุฉุกเฉิน
สิ่งที่ควรสังเกต
- รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
- เว็บไซต์และ Official Page เป็นทางการ
- ไม่โฆษณาเกินจริง
- ราคาสมเหตุสมผล
- แจ้งข้อควรระวังและผลข้างเคียง
ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่
- ไม่แสดงใบอนุญาตให้เห็นชัดเจน
- โฆษณาเกินจริง
- ราคาถูกผิดปกติ
- ไม่มีระบบติดตามผล
กฎเหล็ก 4 ข้อ ก่อนฉีดฟิลเลอร์เพื่อความปลอดภัย
ต้องได้พบแพทย์โดยตรง (Mandatory Medical Consultation)
ก่อนฉีด
- ต้องมีการซักประวัติโดยแพทย์
- ประเมินสภาพผิวและความเหมาะสม
- ปรึกษาแผนการรักษา
- รับฟังข้อดี-ข้อเสียจากแพทย์
ข้อห้าม
- ห้ามยอมรับการรักษาโดยไม่พบแพทย์
- ห้ามให้พนักงานทั่วไปซักประวัติแทนแพทย์
- ห้ามเริ่มทำหัตถการโดยไม่มีการประเมิน

ต้องทราบชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษา (Doctor Verification)
วิธีตรวจสอบ
- ขอดูใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- จดชื่อ-นามสกุลแพทย์
- เช็คผ่านเว็บไซต์แพทยสภา https://checkmd.tmc.or.th/
ต้องขอดูฟิลเลอร์ได้ (Product Verification)
ตรวจสอบ
- เลขทะเบียน อย.
- วันหมดอายุ
- แบรนด์และรุ่นของฟิลเลอร์ ตรงตามที่แนะนำตอนปรึกษาแพทย์หรือไม่
- ความเข้มข้นและปริมาณ
ข้อมูลที่ต้องสังเกต
- สภาพบรรจุภัณฑ์
- ฉลากต้องครบถ้วน
- Lot number
- QR Code

ต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้า (Opening Verification)
ขั้นตอนสำคัญ
- ดูการแกะซีลกล่อง
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของหลอดฉีด
- สังเกตลักษณะเนื้อฟิลเลอร์
- ตรวจสอบความตรงกันของข้อมูลบนกล่องและหลอด
สิ่งที่ต้องได้รับ
- รายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ใช้
- คำแนะนำการปฏิบัติตัว
- ช่องทางติดต่อฉุกเฉิน
ถ้าคนไข้มีสิวขึ้นที่คางแล้วอยากฉีดฟิลเลอร์ หมอขออธิบายแบบนี้นะคะ จริงๆ แล้วต้องดูตำแหน่งของสิวค่ะ ถ้าสิวไม่ได้อยู่ตรงจุดที่หมอต้องนำเข็มเข้า เช่น บริเวณที่ต้องฉีดฟิลเลอร์หรือใกล้กับตำแหน่งที่ต้องใช้เข็ม ก็สามารถฉีดได้ค่ะ แต่ถ้าสิวอยู่ตรงจุดที่ต้องฉีดพอดี หรือเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่ อาจจะต้องเลื่อนวันไปให้สิวหายหรือดีขึ้นก่อน สิ่งที่ต้องระวังคือความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อค่ะ
ในกรณีที่มีสิวอักเสบ หมอสามารถให้เจ้าหน้าที่ช่วยกดสิวออกก่อน เพื่อเคลียร์บริเวณนั้นให้สะอาดและลดความเสี่ยงค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องประเมินหน้างานอีกทีนะคะ ว่าสิวอักเสบมากน้อยแค่ไหน และผิวบริเวณนั้นพร้อมสำหรับการฉีดหรือไม่ ถ้าคนไข้กังวลหรืออยากให้หมอช่วยดูแลเพิ่มเติม ก็มาปรึกษาได้เลยค่ะ
คนไข้โดยทั่วไป ไม่มีทางรู้จำนวนที่แน่ชัดได้ เพราะต้องรอให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ประเมิน แต่เราสามารถวิเคราะห์ใบหน้าคร่าวๆได้เบื้องต้น
หมออยากบอกว่าปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ขึ้นอยู่กับปัญหา เป็นส่วนใหญ่ เพราะแต่ละจุด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ หรือคาง ก็จะใช้ปริมาณแตกต่างกันไปค่ะ หมอมีตารางให้ดูด้านล่าง
ที่คลินิก หมอจะเริ่มจาก การประเมินใบหน้าคนไข้แบบละเอียดก่อน ว่าจุดไหนควรปรับ เติม ต้องการลดอายุ หรือชูความสวยให้โดดเด่นขึ้น พร้อมอธิบายให้เข้าใจเลยว่าส่วนไหนเหมาะกับการเติมฟิลเลอร์ และใช้ประมาณกี่ cc บางท่านอาจจะใช้แค่ 1-2 cc เติมจุดเล็กๆ แต่บางท่านอาจต้องใช้มากกว่านี้เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลค่ะ
ลองเปรียบเทียบปัญหาของตัวเองดูได้เลยจากเคสรีวิวที่นี่นะคะ 👉 รีวิวเคสจริงจากคลินิก จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นเลยค่ะว่าผลลัพธ์ออกมายังไง
1 cc ของฟิลเลอร์ถือว่าเป็นปริมาณที่ไม่มาก แต่เพียงพอที่จะเห็น ความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ถ้าฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสมค่ะ โดยฟิลเลอร์ 1 cc เทียบง่ายๆ ประมาณ 1/5 ของช้อนชา ซึ่งนำมาใช้เติมเต็มโครงสร้างใบหน้าในจุดเฉพาะได้ดี
คางแม่มดคือลักษณะของกระดูกคางล่างที่ยื่นเด่นออกมามากกว่าปกติค่ะ ในทางการแพทย์เราเรียกว่า “Prominent chin” หรือ “Prognathism” ซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรล่างที่มากเกินไป ทำให้คางดูยื่นออกมาจากใบหน้า
ส่วนที่มาของชื่อ “คางแม่มด” นั้น มาจากภาพลักษณ์ของแม่มดในนิทานและวรรณกรรมตะวันตกค่ะ ที่มักจะวาดภาพตัวละครแม่มดให้มีลักษณะคางที่แหลมยื่นออกมา พร้อมกับจมูกที่โด่งงุ้ม ซึ่งเป็นการสื่อถึงความน่ากลัวและความชั่วร้าย หรืออีกนัยนึงคือการฉีดฟิลเลอร์ หรือเสริมคางมา ที่มีลักษณะพุ่งยาวเกินธรรมชาติ จนทำให้ดูคล้ายแม่มดก็ได้เหมือนกัน
การที่ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วยิ้มเป็นก้อนนั้น ดูปูดๆ ใหญ่ๆนูนๆ เป็นปัญหาที่หมอเจอบ่อยในคนไข้ที่มาปรึกษาค่ะ สาเหตุหลักๆเลยนะคะ คือฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น แล้วฟิลเลอร์ก็เกิดการเคลื่อนเวลากล้ามเนื้อคางมันดันเวลาเรายิ้ม อ่านต่อด้านล่างนะคะ