วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับกรณีที่ไม่ควรเติมฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากนะคะ เคสที่หมอพบบ่อยและไม่แนะนำในการเติมฟิลเลอร์ มีดังนี้ค่ะ
ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่
- มีความซับซ้อนของโครงสร้างและเนื้อเยื่อ
- ควรรักษาโดยศัลยแพทย์ตกแต่งที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางค่ะ
- การเติมฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดความผิดปกติเพิ่มขึ้น
ริมฝีปากที่หนาเกินไป
- ควรพิจารณาการปรับรูปทรงด้วยการผ่าตัดมากกว่า
- การเติมฟิลเลอร์จะยิ่งทำให้ดูผิดธรรมชาติ
- อาจเกิดการทับถมของสารเติมเต็ม
ริมฝีปากที่บางมากจากการผ่าตัดก่อนหน้า
- เนื้อเยื่อบางเกินไปเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- อาจมองเห็นฟิลเลอร์ผ่านผิวที่บาง
- ควรรอให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวอย่างน้อย 6-12 เดือน
ริมฝีปากที่มีการติดเชื้อ
- ต้องรักษาการติดเชื้อให้หายก่อน
- รอให้การอักเสบหายสนิท
- เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อ
กรณีอื่นๆ ที่ควรระวัง
- มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์
- มีโรคออโตอิมมูน
- กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- มีแผลหรือการอักเสบบริเวณปาก
- เคยฉีดสารเติมเต็มชนิดถาวร
คำแนะนำจากหมอคือ ในกรณีที่ไม่สามารถเติมฟิลเลอร์ได้ เราควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสม เช่น การผ่าตัด การใช้โบท็อกซ์ อื่นๆ ความปลอดภัยของคนไข้สำคัญที่สุด หมอเข้าใจว่าทุกคนอยากสวย แต่เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมทางการแพทย์เป็นหลักนะคะ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถนัดตรวจประเมินได้ค่ะ