Monopolar RF vs HIFU คู่แข่งหรือคู่หู? เลือกอะไรดี!
ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ หมออยากให้คนไข้นึกภาพตามแบบนี้นะคะ
- HIFU (Focused Ultrasound): เหมือนการ “เย็บผ้า” ค่ะ คือการยิงพลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเป็นจุดเล็กๆ เรียงกันเป็นเส้น ลงไป ยึดและดึง เนื้อเยื่อผิวชั้นลึกที่ชื่อว่า SMAS (ชั้นพังผืดที่คลุมกล้ามเนื้อ) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้าเลยค่ะ ดังนั้น ผลลัพธ์หลักของ HIFU คือการ “ยก” (Lifting) ค่ะ เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมากๆ ต้องการดึงกรอบหน้าขึ้นไป
- Monopolar RF (เช่น Thermage): เหมือนการ “รีดผ้า” ค่ะ คือการส่งพลังงานความร้อนเป็นก้อนใหญ่ๆ (Bulk Heating) ลงไปทั่วๆ ทั้งชั้นคอลลาเจนและชั้นไขมัน ทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่เคยยืดและหลวม หดตัวและกระชับแน่นขึ้น ในทันที และยังช่วย สลายไขมันส่วนเกิน ได้ด้วย ดังนั้น ผลลัพธ์หลักของ Monopolar RF คือการ “กระชับ” (Tightening) และการปรับปรุง “คุณภาพผิว” (Skin Quality) ค่ะ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหลวมๆ เนื้อเยอะๆ หรือมีไขมันสะสมที่แก้มและเหนียง
| ปัญหาของคนไข้ | เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ |
|---|---|
| ผิวหย่อนคล้อย ขาดโครงสร้างที่แข็งแรง ต้องการดึงหน้าขึ้น | HIFU (เน้นการ ‘ยก’ โครงสร้าง) |
| กรอบหน้าไม่คมเพราะมีไขมันสะสม แก้มเยอะ เหนียงยุ้ย | Monopolar RF (เน้น ‘ลดไขมัน’ และ ‘กระชับ’) |
| ผิวโดยรวมหลวม ไม่แน่น มีริ้วรอยเล็กๆ ผิวดูไม่เฟิร์ม | Monopolar RF (เน้น ‘กระชับ’ และ ‘สร้างคอลลาเจนใหม่’) |
| ต้องการยกคิ้ว ยกหางตา ที่ตกให้ดูสดใสขึ้น | HIFU (ทำงานได้ดีในจุดเล็กๆ ที่ต้องการความแม่นยำ) |

ในทางการแพทย์ปัจจุบัน การทำ Monopolar RF และ HIFU ร่วมกัน ถือเป็น Gold Standard หรือมาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเลยค่ะ
เพราะเราจะได้ผลลัพธ์ทั้ง 2 มิติ คือ ใช้ HIFU ในการ “ยก” โครงสร้างผิวจากชั้นลึกสุดก่อน เปรียบเสมือนการตั้งเสาบ้านให้แข็งแรง จากนั้นใช้ Monopolar RF ในการ “รีด” ผิวโดยรวมให้แน่น กระชับ และลดไขมันส่วนเกิน เปรียบเสมือนการฉาบปูนและตกแต่งบ้านให้สวยงาม

| คุณสมบัติ | Thermage FLX (ผิวแน่น) | Ulthera (ผิวยก) |
|---|---|---|
| หลักการทำงาน | ใช้คลื่นวิทยุขั้วเดียว (Monopolar RF) ส่งพลังงานเป็นก้อนใหญ่ๆ (Bulk Heating) | ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและแม่นยำ (MFU-V) ยิงเป็นจุดเล็กๆ ต่อเนื่องกัน |
| ชั้นผิวที่ทำงาน | ชั้นหนังแท้ (Dermis) และ ชั้นไขมันใต้ผิว | ชั้น SMAS (ชั้นพังผืดคลุมกล้ามเนื้อ) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า |
| ผลลัพธ์หลัก | กระชับ (Tightening) • ปรับผิวให้แน่นฟู • ลดไขมันสะสม • ปรับคุณภาพผิว | ยก (Lifting) • ดึงผิวที่หย่อนคล้อย • ยกคิ้ว ยกหางตา • สร้างกรอบหน้า |
| เหมาะกับใคร? | คนที่มีปัญหา ผิวหลวม ไม่กระชับ, แก้มเยอะ มีเหนียง, ต้องการปรับผิวให้แน่นและเรียบเนียนขึ้น | คนที่มีปัญหา ผิวหย่อนคล้อยมาก, หางคิ้วตก หางตาตก, ต้องการดึงหน้าให้ยกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด |
| หน้าจอแสดงผล | ไม่มีหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์ | มีหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์ (Real-time Visualization) ทำให้แพทย์ยิงได้แม่นยำ |
| ความรู้สึกขณะทำ | รู้สึก “ร้อนลึกๆ” ที่ผิว แต่สบายขึ้นด้วยระบบสั่นและหัวทำความเย็น | รู้สึก “เจ็บจี๊ดๆ หรือหน่วงๆ” ลงไปใต้ผิวเป็นจุดๆ |
| ระยะเวลาผลลัพธ์ | อยู่ได้นานประมาณ 1-1.5 ปี | อยู่ได้นานประมาณ 1-1.5 ปี |
ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่ดูยกกระชับ กรอบหน้าคมชัด ผิวแน่นฟู และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลค่ะ








