ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

เคยใช้ยาปากกาจนผอม แต่ตอนนี้กลับมาอ้วนอีก จะต้องเริ่ม mg ต่ำๆเหมือนเดิมไหม

ตามหลักเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetics) หากหยุดยาไปนานเกิน 3 วัน (สำหรับ Liraglutide) หรือ 2 สัปดาห์ (สำหรับ Semaglutide) ระดับยาในเลือดจะลดลงจนเหลือน้อยมาก ร่างกายจึงต้องเริ่มปรับตัวใหม่ทั้งหมด

หากคนไข้หยุดใช้ปากกาลดน้ำหนักไปจนยาหมดฤทธิ์จากร่างกายแล้ว จำเป็นต้องเริ่มฉีดที่ปริมาณยา (mg) ต่ำที่สุดใหม่เสมอ เหมือนการเริ่มใช้ครั้งแรก ห้ามใช้โดสสูงเท่าเดิมทันทีเด็ดขาด เพราะร่างกายสูญเสียความคุ้นเคยกับตัวยาไปแล้ว การฝืนใช้โดสสูงจะทำให้เกิด ผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อาเจียนหนัก ทานไม่ได้ หรือตับอ่อนอักเสบ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ควร Titrate (ปรับเพิ่ม) ปริมาณยาตามคำแนะนำแพทย์ ทีละสเต็ป และรอบนี้ควรเน้นการสร้างกล้ามเนื้อควบคู่กันเพื่อป้องกันการกลับมาอ้วนซ้ำค่ะ


หมายเหตุ: คำตอบนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้น กรุณาทำนัดเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรับข้อมูลโดยละเอียด

ทำไมอ้วนแบบนี้ ปากกาลดน้ำหนักต้องเข้าแล้ว ราคาเท่าไหร่

กลับมาอ้วนใหม่ ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ หรือไปต่อที่เดิม?

หมอขออธิบายเหตุผลทางการแพทย์ง่ายๆ นะคะ ร่างกายคนเรามีความจำและความไวต่อยาที่เปลี่ยนไปเมื่อเราหยุดยาไปนานค่ะ

การเริ่มยาในโดสสูงทันที เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการทางเดินอาหาร (Gastrointestinal adverse effects) รุนแรงขึ้นกว่าการค่อยๆ ปรับยาถึง 3-4 เท่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนไข้ล้มเลิกการรักษา

ทำไมต้อง “รีเซ็ต” โดสยาใหม่?

ปากกาลดน้ำหนัก (กลุ่ม GLP-1 Analog) ทำงานโดยการเลียนแบบฮอร์โมนอิ่มในร่างกาย ซึ่งจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง และสมองสั่งการว่าอิ่มเร็วขึ้น

  • ช่วงแรกที่ใช้ยา: ร่างกายยังไม่ชิน เราจึงต้องค่อยๆ ไไต่ระดับยา (Titration) เพื่อให้ร่างกายปรับตัว รับมือกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน
  • ช่วงที่หยุดยาไป: เมื่อคนไข้หยุดยาไปนานเกินกว่า 3-7 วัน (ขึ้นอยู่กับชนิดตัวยา) ยาจะถูกขับออกจากร่างกายจนหมด และร่างกายจะ “ลืม” ความคุ้นเคยนั้นไปแล้วค่ะ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉีดโดสสูงเท่าเดิมทันที?

ถ้าคนไข้ใจร้อน กลับไปจิ้มที่โดสสูง (เช่น เคยจบที่ 3.0 mg หรือ 2.4 mg แล้วจิ้มราคานี้เลย) จะเกิดภาวะ Overdose ชั่วคราว หรือรับยาเกินขนาดที่ร่างกายขณะนั้นรับไหว สิ่งที่จะตามมาคือ

  1. คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรงมาก: บางคนอาเจียนจนทานอะไรไม่ได้เลย อ่อนเพลีย จนต้องแอดมิทโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ
  2. หน้ามืด ใจสั่น วูบ: เพราะระดับน้ำตาลอาจแกว่ง หรือขาดน้ำจากการอาเจียน
  3. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน: เป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดหากโหมยาแรงเกินไป

เปรียบเทียบเหมือน “การวิ่งมาราธอน” ค่ะ ตอนคนไข้ฟิตๆ (ตอนใช้ยาต่อเนื่อง) คนไข้วิ่งได้ 10 กิโลฯ สบายๆ แต่พอคนไข้หยุดวิ่งไป 1 ปี (หยุดยา) แล้วอยู่ๆ วันแรกจะกลับมาวิ่ง 10 กิโลฯ เลย ร่างกายจะพัง กล้ามเนื้อฉีก บาดเจ็บแน่นอนค่ะ เราต้องเริ่มเดินเบาๆ วอร์มอัพใหม่เสมอค่ะ

คำถามอื่นๆที่พบบ่อย