ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

หมอคะ Saxenda ต่างจาก Ozempic ตรงไหน

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

หมอย่อให้อ่านสั้นๆก่อนนะว่า Saxenda และ Ozempic ต่างกันที่ การใช้งานและกลุ่มเป้าหมาย โดย Saxenda เน้นสำหรับการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ ใช้ฉีดทุกวัน และเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอย่างจริงจัง ส่วน Ozempic ใช้คุมหิว และรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ก็ยังให้ผลช่วยลดน้ำหนักและลดความอยากอาหารได้ดี ใช้ฉีดเพียงสัปดาห์ละครั้ง ในด้านราคา Saxenda มักสูงกว่าเพราะใช้ถี่กว่า ผลการลดน้ำหนักของ Ozempic มักลดได้มากกว่า Saxenda (ตามประสบการณ์ของคนไข้ในคลินิก) ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและการตอบสนองของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ หมอจะซักประวัติอย่างละเอียดก่อนจ่ายยา และติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกเคส

ปากกา ozempic ราคาเท่าไหร่ กรุงเทพ ซื้อที่ไหน

เปรียบเทียบ Saxenda และ Ozempic

หัวข้อSaxendaOzempic
สารออกฤทธิ์LiraglutideSemaglutide
กลไกการทำงานเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ช่วยลดความอยากอาหาร เพิ่มความอิ่มหลังรับประทานอาหารกระตุ้น GLP-1 ช่วยควบคุมน้ำตาล ลดความอยากอาหาร และช่วยเรื่องน้ำหนักตัว
ข้อบ่งใช้ใช้สำหรับควบคุมน้ำหนัก (สำหรับคนที่มี BMI ≥ 27 และโรคร่วม หรือ BMI ≥ 30)ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และลดน้ำหนักในบางกรณี (ที่มีข้อบ่งชี้เฉพาะ)
การฉีดฉีดทุกวันฉีดครั้งเดียวต่อสัปดาห์
ขนาดการปรับยาเริ่มต้น Low dose และปรับขนาดเพิ่มจนถึง 3 mg ต่อวันเริ่มต้น Low dose ที่ 0.25 mg/สัปดาห์ แล้วค่อยไต่ระดับเป็น 1 mg หรือมากกว่า
ผลข้างเคียงปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก อาการหายได้เมื่อใช้ต่อเนื่องคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด ผลข้างเคียงมักลดลงหลังใช้ไประยะหนึ่ง
ประสิทธิภาพลดน้ำหนักลดได้ประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตัวใน 1 ปีลดได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัวใน 1 ปี (ขึ้นกับขนาดยา)
เหมาะกับใครใช้ในคนที่มุ่งเน้นการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยในกลุ่ม BMI สูงใช้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หรือคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาก
ราคา6,500/ชุด17,000/ชุด

การคุมหิว

หมออยากให้คนไข้มองภาพเรื่อง “รูปร่างที่สมดุล” และการ “คุมหุ่น” ในระยะยาว… การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขบนตาชั่งนะคะ แต่สำคัญตรงที่ทำให้ชีวิตประจำวันเราดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงขึ้น รวมถึงเสริมความมั่นใจให้ตัวเองได้ด้วยค่ะ

  • หมอสรุปง่ายๆ เลยนะคะ ทั้ง Saxenda และ Ozempic เป็นตัวยาที่ช่วยเรื่องการ “คุมหิว” ได้ดี เคล็ดลับคือมันช่วยให้คนไข้ไม่อยากกินเยอะเป็นพิเศษ รู้สึกอิ่มเร็วและอยู่ท้องนานขึ้น จึงเหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักไม่สำเร็จเพราะควบคุมการกินไม่ได้ค่ะ
  • จากเคสที่คนไข้มาปรึกษาหมอ หลายคนใช้ ตัวยาช่วยควบคุมความอยากอาหาร ควบคู่ไปกับการคุมโภชนาการและออกกำลังกาย หมอบอกเลยว่ามันช่วย “บูสต์ผลลัพธ์ให้ลดน้ำหนักไวขึ้น” และทำให้อยู่ในเส้นทางลดน้ำหนักได้นานกว่าแบบที่ฝืนใจตัวเองค่ะ

Saxenda VS Ozempic เหมาะกับใคร

  1. Saxenda เหมาะกับคนที่อยากจัดการเรื่องน้ำหนักโดยตรง แต่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องทุกวัน และหมอแนะนำว่าเหมาะกับคนที่ทำงานในระบบชีวิตประจำวันที่วางแผนพกยาไปได้ค่ะ
  2. Ozempic ดูง่ายกว่าในแง่การใช้ เพราะฉีดเพียงสัปดาห์ละครั้ง เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักแบบยาวๆ โดยเฉพาะคนที่มีเบาหวานแฝง

หมออยากให้คนไข้เข้าใจว่า “ตัวช่วย” แบบนี้ เป็นแค่จุดเริ่มต้นนะคะ แต่หัวใจสำคัญในการปรับรูปร่างหรือสุขภาพ คือ “นิสัยและไลฟ์สไตล์” ต้องค่อยๆ เริ่มให้สุขภาพจิตดี มีสมดุล ออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเอง และเรียนรู้ว่าอะไรควรกินหรือไม่ควรกิน แล้วปล่อยให้ยาเป็นตัวช่วยเพิ่มความสำเร็จค่ะ