เมโสแฟต คือตัวยาอะไร ทำงานยังไง
ยาฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด ที่เราเห็นใช้กันในคลินิกเสริมความงามนั้น มักจะมีส่วนผสมหลักที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง หมอขอแบ่งให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าส่วนผสมเหล่านี้ช่วยทำงานยังไงค่ะ:
1. Deoxycholic Acid (DA)
- เป็นสารสำคัญที่ใช้กันแพร่หลายในยาฉีดสลายไขมัน โดยหน้าที่ของมันคือ ทำลายผนังเซลล์ไขมันโดยตรง พอเซลล์ไขมันแตกตัว ไขมันจะถูกปล่อยออกมา แล้วร่างกายจะกำจัดมันออกไปผ่านกระบวนการตามธรรมชาติ เช่น ระบบน้ำเหลือง
- ตัวอย่างยาที่มีส่วนผสมนี้ เช่น Kybella (ซึ่งรู้จักดีในระดับนานาชาติ)
2. Phosphatidylcholine (PPC)
- เป็นสารที่สกัดมาจากถั่วเหลือง ช่วยให้ ไขมันแตกตัวกลายเป็นของเหลว (emulsification) ทำให้ง่ายต่อการขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง
- มักนิยมใช้ผสมกับ Deoxycholic Acid เพิ่มประสิทธิภาพ จึงเรียกกันทั่วไปว่า PPC Injection
3. Carnitine
- มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน โดยจะเร่งการนำไขมันไปใช้เป็นพลังงานในร่างกายมากขึ้น ทำให้ไขมันบริเวณนั้นลดลงได้เร็วขึ้น
- สารนี้ไม่ได้สลายไขมันโดยตรงเหมือน DA หรือ PPC แต่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ร่างกายจัดการไขมันได้ดีขึ้นค่ะ
4. วิตามินหรือสารเสริม (เช่น Amino Acids, L-arginine)
- บางสูตรจะมีการผสมสารช่วยเสริม เช่น เร่งกระบวนการเผาผลาญ เพิ่มความกระชับของผิวหนัง และลดโอกาสที่ไขมันจะสะสมใหม่
หลักๆ แล้วส่วนผสมสำคัญในยาฉีดสลายไขมัน คือ Deoxycholic Acid (DA) และ Phosphatidylcholine (PPC) ซึ่งทำงานร่วมกันในการ “เปลี่ยนไขมันเป็นของเหลว” เพื่อให้ร่างกายขับออกได้ค่ะ แต่ยี่ห้อไหนจะได้ผลดีต้องดูสูตรที่เหมาะกับตัวเราด้วย และสำคัญมาก ควรทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงค่ะ
ทำไมบางคนฉีดแฟตเห็นผล บางคนไม่เห็นผล
1. การตอบสนองของร่างกาย (Individual Response)
- แต่ละคนตอบสนองต่อยาฉีดแตกต่างกัน บางคนอาจมีระบบน้ำเหลืองและกระบวนการเผาผลาญที่ทำงานได้ดี ทำให้ร่างกายกำจัดไขมันที่สลายแล้วออกได้เร็ว ในขณะที่บางคนการขจัดไขมันช้า ผลลัพธ์จึงไม่ชัดเจน
- นอกจากนี้ สภาพผิวหนัง ความหนาของชั้นไขมัน และอัตราการตอบสนองของเซลล์ไขมันต่อสารอย่าง Deoxycholic Acid ก็มีผลด้วย บางคนเซลล์ไขมันแตกตัวได้ดี ในขณะที่บางคนอาจตอบสนองได้น้อยกว่า
2. ปริมาณไขมันและการคาดหวังของคนไข้
- ในคนที่มีปริมาณไขมันจำนวนมาก การฉีดเพียง 1-2 ครั้งอาจไม่เพียงพอ จึงต้องการการฉีดต่อเนื่องในหลายครั้ง (2-5 ครั้งขึ้นไป) เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- หากปริมาณไขมันมีมากเกินจนเกินขอบเขตที่ยาฉีดสามารถจัดการได้ การดูดไขมันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
- อีกเรื่องที่สำคัญคือ “ความคาดหวัง” บางคนอาจต้องการผลทันทีหลังการฉีด ซึ่งจริงๆ แล้วการสลายไขมันต้องใช้เวลา 2-6 สัปดาห์ต่อรอบเพื่อให้ร่างกายขับไขมันที่แตกตัวออกช้าๆ
การเห็นผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับทั้ง การตอบสนองของร่างกายแต่ละคน และ ปริมาณไขมันของคนไข้ การประเมินโดยแพทย์ก่อนการฉีดจึงสำคัญ เพื่อเลือกการรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุดค่ะ