ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

เมโสแฟตที่ฉีดสลายไขมัน ทำงานยังไงคะ

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

ยากลุ่มนี้ทำงานกับเซลล์ไขมันโดยตรงค่ะ ยามีส่วนผสมสำคัญ เช่น Deoxycholic Acid (DA) และ Phosphatidylcholine (PPC) ที่ช่วยลดไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง โดย DA จะทำลายเซลล์ไขมันให้สลายตัว ส่วน PPC ช่วยเปลี่ยนไขมันให้เป็นของเหลว ทำให้ร่างกายสามารถขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองได้ งานวิจัยสนับสนุนว่า DA ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าปลอดภัยและได้ผลในบางบริเวณ แต่ต้องเลือกใช้จากคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทำการรักษาโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง เช่น อักเสบหรือระคายเคือง

สำหรับผลลัพธ์โดยรวม ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมักเกิดเมื่อฉีดต่อเนื่อง 2-5 ครั้งตามคำแนะนำของแพทย์ โดยการฉีดต้องควบคู่กับการดูแลสุขภาพ เช่น ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการสะสมใหม่ของไขมัน การฉีดสลายไขมันจึงเป็นวิธีเสริมที่ต้องทำร่วมกับไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสมค่ะ

ฉีดแฟตแก้ม ราคา 500
ฉีดแฟต ราคาเท่าไหร่ ต้องฉีดกี่ครั้ง กี่เข็ม

เมโสแฟต คือตัวยาอะไร ทำงานยังไง

ยาฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด ที่เราเห็นใช้กันในคลินิกเสริมความงามนั้น มักจะมีส่วนผสมหลักที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง หมอขอแบ่งให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าส่วนผสมเหล่านี้ช่วยทำงานยังไงค่ะ:

1. Deoxycholic Acid (DA)

  • เป็นสารสำคัญที่ใช้กันแพร่หลายในยาฉีดสลายไขมัน โดยหน้าที่ของมันคือ ทำลายผนังเซลล์ไขมันโดยตรง พอเซลล์ไขมันแตกตัว ไขมันจะถูกปล่อยออกมา แล้วร่างกายจะกำจัดมันออกไปผ่านกระบวนการตามธรรมชาติ เช่น ระบบน้ำเหลือง
  • ตัวอย่างยาที่มีส่วนผสมนี้ เช่น Kybella (ซึ่งรู้จักดีในระดับนานาชาติ)

2. Phosphatidylcholine (PPC)

  • เป็นสารที่สกัดมาจากถั่วเหลือง ช่วยให้ ไขมันแตกตัวกลายเป็นของเหลว (emulsification) ทำให้ง่ายต่อการขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง
  • มักนิยมใช้ผสมกับ Deoxycholic Acid เพิ่มประสิทธิภาพ จึงเรียกกันทั่วไปว่า PPC Injection

3. Carnitine

  • มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน โดยจะเร่งการนำไขมันไปใช้เป็นพลังงานในร่างกายมากขึ้น ทำให้ไขมันบริเวณนั้นลดลงได้เร็วขึ้น
  • สารนี้ไม่ได้สลายไขมันโดยตรงเหมือน DA หรือ PPC แต่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ร่างกายจัดการไขมันได้ดีขึ้นค่ะ

4. วิตามินหรือสารเสริม (เช่น Amino Acids, L-arginine)

  • บางสูตรจะมีการผสมสารช่วยเสริม เช่น เร่งกระบวนการเผาผลาญ เพิ่มความกระชับของผิวหนัง และลดโอกาสที่ไขมันจะสะสมใหม่

หลักๆ แล้วส่วนผสมสำคัญในยาฉีดสลายไขมัน คือ Deoxycholic Acid (DA) และ Phosphatidylcholine (PPC) ซึ่งทำงานร่วมกันในการ “เปลี่ยนไขมันเป็นของเหลว” เพื่อให้ร่างกายขับออกได้ค่ะ แต่ยี่ห้อไหนจะได้ผลดีต้องดูสูตรที่เหมาะกับตัวเราด้วย และสำคัญมาก ควรทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงค่ะ

ทำไมบางคนฉีดแฟตเห็นผล บางคนไม่เห็นผล

1. การตอบสนองของร่างกาย (Individual Response)

  • แต่ละคนตอบสนองต่อยาฉีดแตกต่างกัน บางคนอาจมีระบบน้ำเหลืองและกระบวนการเผาผลาญที่ทำงานได้ดี ทำให้ร่างกายกำจัดไขมันที่สลายแล้วออกได้เร็ว ในขณะที่บางคนการขจัดไขมันช้า ผลลัพธ์จึงไม่ชัดเจน
  • นอกจากนี้ สภาพผิวหนัง ความหนาของชั้นไขมัน และอัตราการตอบสนองของเซลล์ไขมันต่อสารอย่าง Deoxycholic Acid ก็มีผลด้วย บางคนเซลล์ไขมันแตกตัวได้ดี ในขณะที่บางคนอาจตอบสนองได้น้อยกว่า

2. ปริมาณไขมันและการคาดหวังของคนไข้

  • ในคนที่มีปริมาณไขมันจำนวนมาก การฉีดเพียง 1-2 ครั้งอาจไม่เพียงพอ จึงต้องการการฉีดต่อเนื่องในหลายครั้ง (2-5 ครั้งขึ้นไป) เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • หากปริมาณไขมันมีมากเกินจนเกินขอบเขตที่ยาฉีดสามารถจัดการได้ การดูดไขมันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
  • อีกเรื่องที่สำคัญคือ “ความคาดหวัง” บางคนอาจต้องการผลทันทีหลังการฉีด ซึ่งจริงๆ แล้วการสลายไขมันต้องใช้เวลา 2-6 สัปดาห์ต่อรอบเพื่อให้ร่างกายขับไขมันที่แตกตัวออกช้าๆ

การเห็นผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับทั้ง การตอบสนองของร่างกายแต่ละคน และ ปริมาณไขมันของคนไข้ การประเมินโดยแพทย์ก่อนการฉีดจึงสำคัญ เพื่อเลือกการรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุดค่ะ