ฟิลเลอร์ไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นเหมือน “กาว” หรือ “ไพรเมอร์” ที่จะดูดเนื้อลิปสติกให้ติดแน่นนะคะ แต่ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ต่างหากที่สร้างสภาพแวดล้อมให้ลิปสติกเกาะติดบนริมฝีปากของเราได้ดีและนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
แล้วฟิลเลอร์ช่วยได้ยังไง?
- เติมเต็มร่องลึก ทำให้ผิวเรียบเนียน: คนไข้ลองนึกภาพตามนะคะ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ริมฝีปากของเราอาจจะมีร่องเล็กๆ หรือมีความแห้งกร้านอยู่บ้าง ซึ่งร่องเหล่านี้ทำให้เนื้อลิปสติกตกลงไปกองหรือไม่สม่ำเสมอ แต่พอเราฉีดฟิลเลอร์เข้าไป สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) จะเข้าไปอุ้มน้ำ ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มและเรียบเนียนขึ้น เหมือนเรามี “ผ้าใบ” ที่ขึงตึงและเรียบสนิท พอทาลิปสติกลงไป เนื้อลิปก็จะกระจายตัวได้ดี สม่ำเสมอ และไม่มีที่ให้ตกร่องค่ะ
- เพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาปากแห้งแตก: คุณสมบัติเด่นของฟิลเลอร์คือการดูดซับความชุ่มชื้นค่ะ เมื่อริมฝีปากเราชุ่มชื้น ไม่แห้งเป็นขุย เนื้อลิปสติกก็จะเกาะติดได้ดีกว่าเดิมมาก ลองเทียบกับการทาสีบนผนังที่เรียบสนิทกับผนังที่ร่อนเป็นผงๆ ดูสิคะ ผนังที่เรียบย่อมทาสีติดดีกว่าแน่นอน ริมฝีปากเราก็เหมือนกันค่ะ
- สร้างขอบปากที่ชัดเจน (Lip Border): การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยสร้างขอบปากให้คมชัดเป็นรูปกระจับได้ เมื่อขอบปากเราชัดเจน เวลาทาลิปสติกก็จะง่ายขึ้น ไม่เลอะออกนอกขอบ ทำให้ลิปสติกที่ทาดูสวยเป๊ะ และเมื่อไม่มีการเลอะเทอะ ก็ไม่จำเป็นต้องคอยเช็ดหรือเติมบ่อยๆ ทำให้ลิปดูเหมือนติดทนอยู่นานขึ้นค่ะ
ดังนั้น ถึงแม้ฟิลเลอร์จะไม่ได้ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับลิปสติกโดยตรง แต่ การที่ฟิลเลอร์ช่วยปรับสภาพพื้นผิวของริมฝีปากให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น และมีขอบเขตชัดเจน นี่แหละค่ะ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้การทาลิปสติกของเราสวยขึ้นและติดทนนานขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ








