ทำความรู้จัก “ฟิลเลอร์เกาหลี” กันก่อนค่ะ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจตรงกันก่อนนะคะว่า ฟิลเลอร์เกาหลีก็คือ ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เหมือนกันกับฟิลเลอร์แบรนด์ยุโรปหรืออเมริกา เลยค่ะ ซึ่งสาร HA นี้เป็นสารที่สร้างขึ้นเลียนแบบสารที่มีอยู่แล้วในผิวเราตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูงและสามารถสลายไปได้เองค่ะ
ที่สำคัญที่สุดคือ ฟิลเลอร์เกาหลีที่ใช้ในคลินิกที่ได้มาตรฐานในไทยนั้น ต้องผ่านการรับรองจากทั้ง อย. เกาหลี (KFDA) และ อย. ไทย นะคะ ดังนั้นในแง่ของ “ความปลอดภัย” ถือว่าได้มาตรฐานแน่นอนค่ะ ไม่ต้องกังวลเลย
ไขข้อข้องใจ ทำไมราคาถึงเป็นมิตรกว่า?
นี่คือประเด็นที่หลายคนอยากรู้ที่สุดใช่ไหมคะ หมอจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ นะคะ เหตุผลหลักๆ ไม่ใช่เพราะคุณภาพด้อยกว่า แต่เป็นเพราะปัจจัยเหล่านี้ค่ะ
- ค่าการตลาดและแบรนดิ้ง: ฟิลเลอร์จากฝั่งยุโรปหรืออเมริกาเขาเป็นผู้บุกเบิกในตลาดค่ะ อยู่มานานหลายสิบปี มีการลงทุนด้านการวิจัย ตีพิมพ์ผลงานในวารสารการแพทย์ทั่วโลก และทำการตลาดอย่างหนักเพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ต้นทุนส่วนนี้จึงสูงมาก ทำให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วยค่ะ ในขณะที่แบรนด์เกาหลีอาจจะเน้นทำตลาดในเอเชียเป็นหลัก ทำให้มีต้นทุนด้านการตลาดที่แตกต่างกันค่ะ
- เทคโนโลยีและนวัตกรรม: ลองนึกภาพตามนะคะ เหมือนรถยนต์ Toyota กับ Mercedes-Benz ค่ะ ทั้งสองยี่ห้อเป็นรถที่ดีเยี่ยม ปลอดภัย และพาเราไปถึงที่หมายได้เหมือนกัน แต่ Mercedes-Benz อาจจะมีเทคโนโลยีบางอย่างที่ล้ำกว่า มีประวัติศาสตร์แบรนด์ที่ยาวนานกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนออกมาในราคาที่สูงกว่าค่ะ
ฟิลเลอร์ก็เช่นกันค่ะ แบรนด์ยุโรปอาจจะมีเทคโนโลยีการผลิตหรือการเชื่อมโมเลกุล (Cross-linking) ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะตัวมากๆ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง เช่น การยกกระชับได้ดีเยี่ยม แต่ฟิลเลอร์เกาหลีเองก็มีเทคโนโลยีการผลิตที่มีคุณภาพสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดีมากเช่นกัน แค่มีจุดเด่นคนละแบบและมีต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกันค่ะ
แล้วแบบนี้…ฟิลเลอร์เกาหลีเหมาะกับใครคะ?
ฟิลเลอร์เกาหลีถือเป็นตัวเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่ามากๆ ค่ะ เหมาะสำหรับ
- คนไข้ที่อยากดูแลตัวเองในงบประมาณที่เข้าถึงง่าย
- เหมาะกับการเติมเต็มในหลายๆ ตำแหน่ง เช่น ขมับ, แก้มตอบ, หรือคาง ที่ต้องการเพิ่มปริมาตร
- คนไข้ที่อยากลองฉีดฟิลเลอร์เป็นครั้งแรก
สิ่งที่สำคัญกว่ายี่ห้อหรือประเทศผู้ผลิตคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ 100% ที่ผ่าน อย. ไทย และ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น นะคะ คนไข้ต้องสามารถขอกล่องฟิลเลอร์กลับบ้านหรือสแกน QR code ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้เสมอค่ะ




![[รีวิว] กู้ใต้ตาคล้ำให้สดใส! หน้าไม่เหนื่อย ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ D’ Lovevery Clinic](https://dloveveryclinic.com/storage/2025/11/case-112-under-eye-filler-dlovevery-before-after.webp)



