หมออยากให้สบายใจว่า เราป้องกันได้ค่ะ การที่ความหิวกลับมาเป็นเพียงสัญญาณว่าร่างกายทำงานปกติ แต่กุญแจสำคัญที่จะไม่ให้กลับไปอ้วนคือ ‘การเตรียมระบบเผาผลาญ’ ในช่วงที่ยังใช้อยู่ค่ะ หากเราทานโปรตีนให้ถึงและสร้างกล้ามเนื้อรอไว้ (Weight Training) เปรียบเหมือนเราสร้างเตาเผาพลังงานที่แข็งแรงไว้รอแล้ว พอหยุดยา แม้จะทานมากขึ้นนิดหน่อย ร่างกายก็จะเผาผลาญหมด ไม่เหลือสะสมจนเกิด Yo-Yo Effect แน่นอนค่ะ
ปักหมุดเป้าหมายให้ชัด ต้องผอมแบบสุขภาพดี ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนตาชั่ง
ก่อนคนไข้จะตัดสินใจหยุดยา หมออยากให้เช็กความพร้อมของร่างกายก่อนค่ะ เกณฑ์ง่ายที่สุดที่หมอแนะนำคือ
- ค่า BMI ควรอยู่ที่ 23: นี่คือจุดที่สมดุลที่สุดสำหรับคนเอเชีย อาจจะไม่ใช่จุดที่ผอมเพรียวที่สุดเหมือนนางแบบ แต่เป็นจุดที่ “ดูแลรักษาง่ายที่สุด” ในระยะยาวค่ะ
- เส้นรอบเอวต้องเป๊ะ:
- ผู้หญิง: ไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร
- ผู้ชาย: ไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร
- ตัวอย่าง: ทำไมต้องวัดเอว? เพราะรอบเอวบ่งบอกถึง ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ถ้าเอวเกินเกณฑ์ แปลว่าระบบเผาผลาญเรายังมีความเสี่ยง หยุดยาไปอาจจะคุมน้ำหนักยากค่ะ
2. กฎเหล็ก 3-6 เดือน ช่วงเวลาทองของการ “ล็อค” น้ำหนัก
เมื่อได้น้ำหนักตามเป้าแล้ว อย่าเพิ่งรีบหยุดยาทันทีนะคะ! คนไข้ต้อง คงน้ำหนักนั้นให้คงที่อย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน
- ทำไมต้องรอนานขนาดนั้น? ร่างกายคนเราฉลาดค่ะ เขามีความทรงจำเกี่ยวกับน้ำหนักเดิม (Set Point) เราต้องให้เวลาเขาเรียนรู้ว่า “นี่คือน้ำหนักใหม่ของฉันนะ” เพื่อปรับระบบเผาผลาญให้เสถียร
- ภารกิจกู้ระบบเผาผลาญ: สิ่งที่ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด คือ การเล่นเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ค่ะ เพราะยาอาจทำให้กล้ามเนื้อเราหายไปบ้าง พอกล้ามเนื้อหาย เตาเผาพลังงานก็เล็กลง หยุดยาปุ๊บ น้ำหนักจะเด้ง (Bounce back) ทันที
- อาหารต้องถึง: ต้องทาน โปรตีน ให้เพียงพอเพื่อไปสร้างกล้ามเนื้อ ข้อดีคือพอโปรตีนถึง เราจะไม่หิวบ่อย ทำให้คุมอาหารง่ายขึ้นตอนหยุดยาค่ะ
3. ปรับ Lifestyle ใหม่ สวยจากภายในสู่ภายนอก
ข้อนี้สำคัญที่สุดค่ะ ยาช่วยเราได้แค่ครึ่งทาง อีกครึ่งทางอยู่ที่พฤติกรรมของคนไข้เอง
- การกิน: เน้นอาหารธรรมชาติ ลดหวาน ลดมัน
- การนอน: นอนหลับให้ดี Growth Hormone จะได้ทำงาน ช่วยซ่อมแซมร่างกาย
- ลดเครียด: ความเครียดกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้อยากของหวานและสะสมไขมันที่พุงค่ะ
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่: ตัวการทำลายระบบเผาผลาญและผิวพรรณ





