อะไรทำให้ผิวแก่ง่ายสุด มีงานวิจัยรับรอง
มีงานวิจัยที่สนับสนุนผลกระทบของแต่ละปัจจัยต่อคอลลาเจน อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของผลกระทบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและสภาพแวดล้อม เช่น คนที่อยู่กลางแดดบ่อยอาจได้รับผลกระทบจาก UV มากกว่าคนที่สูบบุหรี่ เป็นต้น
รังสี UV จากแสงแดด
- งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า รังสี UV เป็นปัจจัยหลักที่ทำลายคอลลาเจน และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย (Photoaging)
- อ้างอิง: Fisher, G. J., et al. (2002). “Mechanisms of photoaging and chronological skin aging.” Archives of Dermatology.
- ระบุว่า UV กระตุ้นการสร้างเอนไซม์ MMPs (Matrix Metalloproteinases) ซึ่งทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง
การสูบบุหรี่
- การสูบบุหรี่ลดการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน
- อ้างอิง: Morita, A. (2007). “Tobacco smoke causes premature skin aging.” Journal of Dermatological Science.
- ระบุว่าควันบุหรี่เพิ่มการสลายตัวของคอลลาเจนและลดการสร้างคอลลาเจนใหม่
มลภาวะ (Pollution)
- มลภาวะ เช่น PM2.5 และสารพิษในอากาศ มีผลกระทบต่อผิวหนังโดยกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระและการอักเสบ ซึ่งทำลายคอลลาเจน
- อ้างอิง: Vierkötter, A., & Krutmann, J. (2012). “Environmental influences on skin aging and ethnic-specific manifestations.” Dermato-Endocrinology.
- ระบุว่ามลภาวะในอากาศเร่งการเสื่อมของคอลลาเจนและทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย
น้ำตาลและกระบวนการ Glycation
- น้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดกระบวนการ Glycation ซึ่งโปรตีนคอลลาเจนถูกจับกับน้ำตาลจนเสื่อมสภาพ
- อ้างอิง: Pageon, H. (2010). “Reaction of glycation and human skin: The effects on the skin aging.” Pathologie Biologie.
- ระบุว่า Glycation ทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและสูญเสียความยืดหยุ่น
ความเครียด (Stress)
- ความเครียดเรื้อรังเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งลดการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มการสลายตัวของคอลลาเจน
- อ้างอิง: Altemus, M., et al. (2001). “Stress-induced changes in skin barrier function in healthy women.” Journal of Investigative Dermatology.
- ระบุว่าความเครียดส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ผิวและการสร้างคอลลาเจน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อการฟื้นฟูเซลล์ผิวและลดการสร้างคอลลาเจน
- อ้างอิง: Oyetakin-White, P., et al. (2015). “Does poor sleep quality affect skin aging?” Clinical and Experimental Dermatology.
- ระบุว่าการนอนหลับไม่เพียงพอเร่งการเสื่อมของผิวหนัง
อายุที่เพิ่มขึ้น
- การผลิตคอลลาเจนลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปี
- อ้างอิง: Quan, T., et al. (2013). “Age-associated reduction of collagen type I in human skin is accompanied by downregulation of transforming growth factor beta signaling.” Journal of Investigative Dermatology.
- ระบุว่าการลดลงของคอลลาเจนเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามอายุ
การดื่มแอลกอฮอล์
- แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและลดการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน
- อ้างอิง: Kim, J. E., et al. (2019). “Alcohol consumption and skin aging: Evidence from epidemiological and molecular studies.” Dermatology Reports.
- ระบุว่าแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการเสื่อมของผิวหนังและคอลลาเจน
การขาดสารอาหาร
- การขาดโปรตีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจน
- อ้างอิง: Pullar, J. M., et al. (2017). “The roles of vitamin C in skin health.” Nutrients.
- ระบุว่าวิตามินซีจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจน
ไม่อยากแก่ก่อนวัย
ปัจจัยที่ทำลายคอลลาเจนใต้ผิว เช่น รังสี UV, การสูบบุหรี่, มลภาวะ, น้ำตาล, ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, อายุ, การดื่มแอลกอฮอล์ และการขาดสารอาหาร ล้วนส่งผลต่อการเสื่อมของคอลลาเจนในระดับที่แตกต่างกัน แต่ การมีเพียงปัจจัยเดียวก็สามารถส่งผลเสียต่อผิวได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีทุกปัจจัยพร้อมกัน
ตัวอย่างเช่น แม้แอลกอฮอล์อาจดูมีผลกระทบน้อยกว่า UV หรือการสูบบุหรี่ แต่การดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ก็ยังทำให้ผิวขาดน้ำและลดการสร้างคอลลาเจนได้ หรือหากคุณไม่ได้สูบบุหรี่ แต่เผชิญกับแสงแดดโดยไม่ป้องกัน ก็เพียงพอที่จะเร่งการเสื่อมของคอลลาเจนและทำให้ผิวแก่ก่อนวัยได้เช่นกัน
ดังนั้น การหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมกันแดด หลีกเลี่ยงบุหรี่ ลดน้ำตาล ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนอย่างเหมาะสม จะช่วยปกป้องคอลลาเจนในผิวและชะลอการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ อย่ามองข้ามแม้เพียงปัจจัยเดียว เพราะทุกอย่างล้วนมีผลต่อสุขภาพผิวในระยะยาว!