Your future self is forged in the choices you make today.
Trulicity คืออะไร
Trulicity คือชื่อการค้าของยา Dulaglutide (ดูลากลูไทด์) ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonists จัดอยู่ในรูปแบบปากกาสำหรับฉีดใต้ผิวหนัง โดยคนไทยอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อมากนัก แต่สำหรับคนที่มาจากประเทศยุโรป อเมริกา อื่นๆอาจจะเคยได้ยินหรือเคยใช้มาแล้ว
- กลไกการทำงาน Trulicity ทำงานโดยเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งมีหน้าที่
- ควบคุมระดับน้ำตาล กระตุ้นการหลั่งอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- ทำให้รู้สึกอิ่ม ส่งสัญญาณไปที่สมองเพื่อลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้น
- ชะลอการย่อยอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ช่วยให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย
- รูปแบบอุปกรณ์ ตัวปากกาถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โดยมีเข็มซ่อนอยู่ภายใน ไม่ต้องเปลี่ยนหัวเข็มเอง และมีขั้นตอนการฉีดที่ไม่ยุ่งยาก
- ความถี่ในการใช้ ฉีดเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น
- ข้อบ่งใช้ในประเทศไทย ในประเทศไทย Trulicity ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นหลัก ส่วนผลในการลดน้ำหนักถือเป็นผลพลอยได้จากกลไกของยา
Trulicity เหมาะกับใคร
จากข้อบ่งใช้และกลไกการทำงาน Trulicity จึงเหมาะสำหรับ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่แพทย์จะสั่งใช้ยาตัวนี้เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
- ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักภายใต้การดูแลของแพทย์ (ในบางกรณี) แม้จะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่การนำ Trulicity มาใช้เพื่อลดน้ำหนักโดยตรงในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายเท่าโปรแกรมปากกาลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ และเป็นการใช้งานนอกข้อบ่งใช้ (Off-Label Use) ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ในการประเมินและดูแลโดยแพทย์อย่างเคร่งครัด
pie title เหมาะกับการใช้ Trulicity "ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (ข้อบ่งใช้หลัก)" : 85 "ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก" : 15
ดังนั้น หากคุณสนใจใช้ยาในกลุ่มนี้เพื่อการลดน้ำหนัก แพทย์อาจพิจารณาทางเลือกอื่นที่มีงานวิจัยรองรับด้านการลดน้ำหนักโดยตรงและหาได้ง่ายกว่าในประเทศไทย เช่น โปรแกรม Ozempic (Semaglutide) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเดียวกันและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนสำหรับเป้าหมายด้านการควบคุมน้ำหนักโดยเฉพาะ การปรึกษาแพทย์ที่ D’ Lovevery Clinic จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดค่ะ
Trulicity กับ Ozempic เลือกโปรแกรมไหนดี
ในวงการแพทย์เพื่อการควบคุมน้ำหนัก ชื่อของ Trulicity และ Ozempic มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ ทั้งสองเป็นยาในกลุ่ม GLP-1 Receptor Agonists ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและมีผลพลอยได้ที่น่าพึงพอใจคือการช่วยลดน้ำหนัก แต่หลายคนอาจยังมีคำถามว่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร ตัวไหนดีกว่า และถ้าเคยใช้ตัวหนึ่งจากต่างประเทศจะเปลี่ยนมาใช้อีกตัวในไทยได้หรือไม่ D’ Lovevery Clinic จะไขทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับเป้าหมายและร่างกายของคุณมากที่สุดภายใต้การดูแลของแพทย์

ทำความรู้จักตัวยาสำคัญและกลไกการทำงาน
โปรแกรมปากกาลดน้ำหนักทั้ง Trulicity และ Ozempic ทำงานโดยอาศัยตัวยาที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนในลำไส้ที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อมีอาหารตกถึงกระเพาะ
- Trulicity มีตัวยาสำคัญคือ Dulaglutide (ดูลากลูไทด์) (ยังไม่ผ่านการอนุมัติในประเทศไทย)
- โปรแกรม Ozempic มีตัวยาสำคัญคือ Semaglutide (เซมากลูไทด์)
ดียังไง ตัวยาทั้งสองจะเข้าไปจับกับตัวรับ GLP-1 ในสมอง ทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารและความรู้สึกหิวโหย ทั้งยังช่วยชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลโดยตรงต่อการลดปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานและนำไปสู่การลดลงของน้ำหนักตัวอย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Trulicity และ Ozempic
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราได้ทำตารางเปรียบเทียบข้อมูลสำคัญของยาทั้งสองชนิด
คุณสมบัติ | โปรแกรม Ozempic (Semaglutide) | Trulicity (Dulaglutide) |
---|---|---|
ข้อบ่งใช้หลักในไทย | ได้รับการอนุมัติสำหรับรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 และนิยมใช้เพื่อการลดน้ำหนัก (Off-Label Use) ภายใต้การดูแลของแพทย์ | ได้รับการอนุมัติสำหรับรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นหลัก |
ประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก | มีงานวิจัยรองรับจำนวนมากว่าให้ผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่โดดเด่นและมีนัยสำคัญ | ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน แต่อาจไม่เด่นชัดเท่า Semaglutide ในปริมาณที่เทียบเท่ากัน |
ความถี่ในการฉีด | สัปดาห์ละ 1 ครั้ง | สัปดาห์ละ 1 ครั้ง |
ลักษณะอุปกรณ์ | เป็นปากกาที่ต้องเปลี่ยนหัวเข็มทุกครั้งที่ฉีด | เป็นปากกาชนิดใช้แล้วทิ้ง ตัวเข็มจะซ่อนอยู่ภายใน ไม่ต้องเปลี่ยนหัวเข็ม และกดฉีดได้เลย |
การมีจำหน่ายในไทย | มีจำหน่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายในคลินิกความงามและสถานพยาบาล | ไม่มีจำหน่ายทั่วไป สำหรับการลดน้ำหนักในคลินิก มักพบใช้ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาเบาหวาน |
ปลดล็อกศักยภาพการลดน้ำหนัก ด้วยโปรแกรม D’ RESIZE
การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขบนตาชั่ง แต่คือการเดินทางเพื่อค้นพบเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวคุณเอง D’ Lovevery Clinic เข้าใจถึงความท้าทายและความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เราจึงนำเสนอ “โปรแกรมปากกาลดความอ้วน” D’ RESIZE ที่ช่วยควบคุมน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โปรแกรมนี้เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญและพฤติกรรมการทานอาหารของคุณ ทำให้การเดินทางสู่เป้าหมายเป็นเรื่องที่ง่ายและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ไขข้อดีและประเด็นที่ควรพิจารณาของโปรแกรมปากกาลดความอ้วน
โปรแกรมปากกาลดความอ้วนทำงานโดยเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่การควบคุมน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จ

- ข้อดีที่โดดเด่น
- ประสิทธิภาพสูงในการลดน้ำหนัก ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดน้ำหนักตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ปรับพฤติกรรมการทาน ช่วยลดความอยากอาหารจุบจิบและความโหยน้ำตาล
- สะดวกและง่าย ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบปากกาที่ฉีดเพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
- มีความปลอดภัยสูง เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ส่งผลดีต่อสุขภาพด้านอื่น อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
- ข้อควรพิจารณา
- อาจมีผลข้างเคียงในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด หรือท้องผูก ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัว
- จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยั่งยืน ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไป
- มีข้อจำกัดในผู้ป่วยบางกลุ่ม โปรแกรมนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล
เปรียบเทียบความแตกต่างของโปรแกรมปากกาลดความอ้วนยอดนิยม
การเลือกใช้ปากกายี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ตามเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล D’ Lovevery Clinic เลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น
คุณสมบัติ | โปรแกรม Ozempic/Wegovy | โปรแกรม Saxenda | โปรแกรม Trulicity |
---|---|---|---|
ตัวยาสำคัญ | Semaglutide | Liraglutide | Dulaglutide |
ความถี่ในการฉีด | สัปดาห์ละ 1 ครั้ง | วันละ 1 ครั้ง | สัปดาห์ละ 1 ครั้ง |
จุดเด่น | ประสิทธิภาพสูงในการลดน้ำหนักและมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก | เป็นที่รู้จักมานานและใช้กันอย่างแพร่หลาย | ใช้งานง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนหัวเข็ม |
การเก็บรักษา | เก็บในตู้เย็นก่อนเปิดใช้งานครั้งแรก | เก็บในตู้เย็นก่อนเปิดใช้งานครั้งแรก | เก็บในตู้เย็น |
แม้ในแง่ของเปอร์เซ็นต์การลดน้ำหนักโดยเฉลี่ย Trulicity อาจไม่สูงเท่ากับยาตัวอื่น ๆ แต่ Trulicity ก็มีจุดเด่นที่สำคัญซึ่งอาจถือว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านต่อไปนี้
ประสบการณ์การใช้งาน โปรแกรม Trulicity
1. ความสะดวกในการใช้งาน และเป็นมิตรกับผู้ที่กลัวเข็มที่สุด
นี่คือจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของ Trulicity เมื่อเทียบกับปากกาลดน้ำหนักยี่ห้ออื่น ๆ
- อุปกรณ์ฉีดสำเร็จรูป ตัวปากกา Trulicity เป็นแบบ Auto-injector คือมีเข็มซ่อนอยู่ภายในและถูกออกแบบมาให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
- ไม่ต้องเห็นเข็ม ไม่ต้องเปลี่ยนหัวเข็ม ผู้ใช้งานเพียงแค่เปิดฝาปากกา วางแนบกับผิวหนัง แล้วกดปุ่ม ตัวยาจะถูกฉีดเข้าไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเผชิญกับความกลัวในการมองเห็นเข็มหรือขั้นตอนการประกอบหัวเข็มเหมือนปากกายี่ห้ออื่น ๆ เช่น Ozempic หรือ Saxenda
- ขั้นตอนง่ายและรวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและความกังวลในการใช้งานได้อย่างมาก
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ ประสบการณ์การใช้งานที่ง่าย สะดวก และลดความเครียดสำหรับผู้ที่กลัวเข็มหรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการฉีดยาด้วยตัวเอง
2. การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ผ่านการพิสูจน์
Trulicity ไม่ได้มีดีแค่การควบคุมระดับน้ำตาล แต่ยังมีงานวิจัยทางคลินิกขนาดใหญ่ (REWIND trial) ที่พิสูจน์แล้วว่า
- ลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทางหัวใจและหลอดเลือด (Major Adverse Cardiovascular Events – MACE) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ, ภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
- มีประสิทธิภาพทั้งในผู้ที่มีและไม่มีประวัติโรคหัวใจมาก่อน ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญ
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ การมอบประโยชน์ด้านการป้องกันและดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ควบคู่ไปกับการควบคุมเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์ใช้พิจารณาในการเลือกยาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง

โปรแกรมปากกาลดความอ้วนไม่เหมาะกับใคร
ความปลอดภัยของคนไข้คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด โปรแกรมนี้ไม่เหมาะสำหรับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่มีประวัติส่วนตัวหรือคนในครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี (Medullary Thyroid Carcinoma)
- ผู้ที่เป็นโรคเนื้องอกของต่อมไร้ท่อประเภท 2 (Multiple Endocrine Neoplasia syndrome type 2 หรือ MEN 2)
- สตรีมีครรภ์, กำลังวางแผนตั้งครรภ์, หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่เพียงพอในกลุ่มนี้
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ตัวยาสำคัญ เช่น Semaglutide, Liraglutide หรือส่วนประกอบอื่นในปากกาอย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pancreatitis) เพราะยาอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดซ้ำได้
- ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ขั้นรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า (Gastroparesis) เนื่องจากยาจะยิ่งทำให้การบีบตัวของกระเพาะช้าลงไปอีก
- ผู้ที่มีปัญหาโรคไตขั้นรุนแรง หรือผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต
- ผู้ที่มีภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาอย่างรุนแรง (Diabetic Retinopathy) ในบางกรณี การปรับระดับน้ำตาลที่รวดเร็วเกินไปอาจส่งผลต่อจอประสาทตาได้ จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
- เข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาและประเมินความเหมาะสม รับฟังข้อมูลอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา และยาที่รับประทานเป็นประจำทั้งหมดให้แพทย์ทราบ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเริ่มโปรแกรม
- เตรียมคำถามที่สงสัยมาสอบถามแพทย์เพื่อความมั่นใจและเข้าใจที่ตรงกัน
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และใช้โปรแกรมปากกาคุมหิว (กลุ่มยา GLP-1)
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 การใช้ยาในกลุ่มนี้มีเป้าหมายสองอย่างที่สำคัญคือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และ การลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยให้ควบคุมโรคได้ดีขึ้นในระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งสองอย่างอย่างปลอดภัย นี่คือข้อควรทำและไม่ควรทำที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
✅ สิ่งที่ควรทำ (Do’s)
- ตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- ต้องตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว: โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เริ่มยาหรือเมื่อมีการปรับขนาดยา เพื่อเฝ้าระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
- จดบันทึกค่าระดับน้ำตาล: เพื่อนำไปให้แพทย์ดูในการนัดติดตามผล จะช่วยให้แพทย์สามารถปรับแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด
- เรียนรู้สัญญาณของภาวะน้ำตาลต่ำ: คือ อาการใจสั่น, เหงื่อออก, มือสั่น, หน้ามืด, หิวรุนแรง, สับสน เพื่อที่คุณจะได้รับมือได้ทันท่วงที
- ปรึกษาแพทย์เรื่องการปรับยาเบาหวานตัวอื่น ๆ
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยารักษาเบาหวานทุกชนิดที่ใช้: โดยเฉพาะยาในกลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) และอินซูลิน (Insulin)
- ห้ามหยุดหรือปรับยาเอง: แพทย์อาจจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาเบาหวานตัวอื่น ๆ ที่คุณใช้อยู่ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ต้องทำภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างเข้มงวด
- เน้นอาหารที่สมดุล: ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยใส่ใจกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้อ เลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีต) แทนน้ำตาลหรือแป้งขัดขาว
- ทานโปรตีนและผักให้เพียงพอ: เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้อิ่มนาน และป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
- เตรียมพร้อมรับมือภาวะน้ำตาลต่ำ
- พกของหวานติดตัวเสมอ: ควรมีลูกอม, น้ำผลไม้, หรือเครื่องดื่มรสหวาน (ที่ไม่ใช่สูตรไม่มีน้ำตาล) ติดตัวไว้เสมอ ในกรณีที่เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ (Don’ts)
- ห้ามละเลยการตรวจระดับน้ำตาล
- อย่าคิดว่าใช้ยาแล้วไม่ต้องตรวจ: การใช้ยาตัวนี้ไม่ได้หมายความว่าระดับน้ำตาลจะคงที่เสมอไป การตรวจติดตามยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
- อย่ามองข้ามอาการน้ำตาลต่ำ: หากเริ่มมีอาการใจสั่น มือสั่น อย่าฝืนทำกิจกรรมต่อไป ให้รีบตรวจระดับน้ำตาลและหาของหวานทานทันที
- ห้ามปรับยาเบาหวาน (โดยเฉพาะอินซูลิน) เองเด็ดขาด
- อันตรายถึงชีวิต: การปรับลดหรือเพิ่มยาอินซูลินด้วยตัวเองในระหว่างที่ใช้ปากกาลดความอ้วน อาจทำให้ระดับน้ำตาลแกว่งอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายได้ ต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาเท่านั้น
- อย่าทานอาหารตามใจปาก
- อย่าคิดว่ายาสามารถทดแทนการคุมอาหารได้: ยาเป็นเพียงเครื่องมือช่วย แต่หัวใจหลักยังคงเป็นการควบคุมอาหารที่มีคุณภาพ การทานของหวานจัด, มันจัด, หรือแอลกอฮอล์ ยังคงส่งผลเสียต่อระดับน้ำตาลและสุขภาพของคุณ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก: โดยเฉพาะตอนท้องว่าง เพราะแอลกอฮอล์สามารถรบกวนการทำงานของตับและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงได้
- ห้ามอดอาหารหรือข้ามมื้ออาหาร
- เสี่ยงน้ำตาลต่ำ: แม้ยาจะทำให้ไม่หิว แต่การข้ามมื้ออาหารอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณตกลงไปอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายได้ ควรทานมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยครั้งจะดีกว่า
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการคุมระดับน้ำตาลและลดน้ำหนัก ซึ่งจะนำไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวค่ะ
กราฟแสดงผลลัพธ์การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว การลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและสมเหตุผลด้วยโปรแกรมปากกาลดความอ้วนจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ หรือ 5-10% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้นภายใน 3-6 เดือนแรก
gantt title ตัวอย่างการลดน้ำหนักที่ปลอดภัย dateFormat YYYY-MM-DD axisFormat %m-%Y section การลดน้ำหนัก (หมุดสิ้นเดือน) เดือนที่ 1 : milestone, m1, 2025-01-31, 0d เดือนที่ 2 : milestone, m2, 2025-02-28, 0d เดือนที่ 3 : milestone, m3, 2025-03-31, 0d section ช่วงน้ำหนักที่ลดลง (kg, สะสม) ลด 2-4 kg (สิ้นเดือนที่ 1) : kg1, 2025-01-01, 2025-01-31 ลด 4-8 kg (สิ้นเดือนที่ 2) : kg2, 2025-01-01, 2025-02-28 ลด 6-12 kg (สิ้นเดือนที่ 3): kg3, 2025-01-01, 2025-03-31
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับโปรแกรม
flowchart TD A["(1) เริ่ม: คนไข้เข้ารับคำปรึกษา"] --> B{"(2) ตรวจสุขภาพ"}; B -->|"ไม่มีข้อห้าม"| C["(3) ประเมินความเหมาะสม"]; B -->|"มีข้อห้าม"| D["(4) แนะนำทางเลือกอื่น"]; C --> E{"(5) คนไข้มีเป้าหมายที่สอดคล้องกัน"}; E -->|"ใช่"| F["(6) เริ่มโปรแกรมและให้คำแนะนำ"]; E -->|"ไม่ใช่"| D; F --> G["(7) ติดตามผลและปรับแผน"]; G --> H["END"]; D --> H;
ข้อควรรู้ | คำอธิบาย |
---|---|
ฉีดเองได้ไหม เจ็บหรือเปล่า | สามารถฉีดเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เข็มมีขนาดเล็กมาก ความรู้สึกเหมือนมดกัด แพทย์จะสอนวิธีฉีดอย่างละเอียดในครั้งแรก |
ถ้าลืมฉีดต้องทำอย่างไร | หากลืมไม่เกิน 2-3 วัน สามารถฉีดได้ทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงรอบถัดไปแล้ว ให้ข้ามรอบที่ลืมไปเลยและฉีดรอบถัดไปตามปกติ ห้ามฉีดทบเป็นสองเท่า |
ต้องอายุเท่าไหร่จึงจะทำได้ | โดยทั่วไปแนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีดัชนีมวลกาย (BMI) เข้าเกณฑ์ที่กำหนด |
ทานอาหารเสริมหรือฮอร์โมนไปด้วยได้ไหม | ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงอาหารเสริมและยาฮอร์โมนทุกชนิดที่ใช้ เพื่อให้แพทย์ประเมินและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง |
มาให้คุณหมอฉีดให้ที่คลินิกได้ไหม | ได้แน่นอนค่ะ หากคุณไม่สะดวกใจที่จะฉีดเอง สามารถนัดหมายเข้ามาให้แพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญของเราฉีดให้ได้ |
การฉีดทุกวันกับอาทิตย์ละครั้งต่างกันไหม | ขึ้นอยู่กับชนิดของยา ปากกาบางยี่ห้อถูกออกแบบมาเพื่อฉีดทุกวัน ในขณะที่บางยี่ห้อฉีดเพียงสัปดาห์ละครั้ง ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้ยาให้ถูกชนิดและถูกความถี่ตามคำแนะนำของแพทย์ |
ต้องเก็บรักษายาอย่างไร | ควรเก็บปากกาที่ยังไม่เปิดใช้ในตู้เย็น (ช่องธรรมดา ห้ามแช่แข็ง) สำหรับปากกาที่เปิดใช้แล้วจะเก็บที่อุณหภูมิห้องหรือในตู้เย็นก็ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำโดยละเอียด |
โปรแกรม Trulicty มีกี่มิลลิกรัม ราคาเท่าไหร่

ขนาด | ราคา |
---|---|
0.75 mg | 14,000 |
1.5 mg | สอบถาม |
คำนวณ BMI เพื่อนำข้อมูลปรึกษาแพทย์
เกณฑ์ค่า BMI สำหรับคนไทย (WHO – Asia Pacific)
BMI (kg/m²) | เกณฑ์ | ความเสี่ยง |
---|---|---|
น้อยกว่า 18.50 | น้ำหนักน้อย / ผอม | มากกว่าคนปกติ |
18.50 – 22.90 | ปกติ (สุขภาพดี) | เท่าคนปกติ |
23.00 – 24.90 | ท้วม / โรคอ้วนระดับ 1 | อันตรายระดับ 1 |
25.00 – 29.90 | อ้วน / โรคอ้วนระดับ 2 | อันตรายระดับ 2 |
มากกว่า 30.00 | อ้วนมาก / โรคอ้วนระดับ 3 | อันตรายระดับ 3 |

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ เราให้ความสำคัญกับเวลาของคุณ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวอย่างละเอียด ไม่เร่งรีบ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน เราไม่มีเซลส์คอยปิดการขายหรือบังคับซื้อคอร์ส คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระและสบายใจที่สุด
- จ่ายสบายเลือกได้ เรามีระบบมัดจำที่ยืดหยุ่น สามารถแบ่งจ่ายได้ พร้อมรองรับ Shopee PayLater และโปรแกรมผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม คุณจะได้ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง เพื่อความต่อเนื่องและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง ความภาคภูมิใจของเราคือเสียงตอบรับจากผู้ใช้บริการจริง ไม่มีการจ้างดาราหรือ Influencer เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้ ทีมแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าและดูแลผิวพรรณโดยตรง สามารถตรวจสอบรายชื่อได้จากแพทยสภา
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกของเราทั้งสองสาขาผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ตั้งอยู่ในโครงการที่เดินทางสะดวกและมีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ เราให้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว คุณสามารถเช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ใช้ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และสามารถตรวจสอบได้ทุกชิ้น

พร้อมเริ่มต้นการเดินทางสู่รูปร่างและสุขภาพที่ดีกว่าแล้วหรือยัง ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้แล้ววันนี้
D’ Lovevery Clinic
- สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง ติดต่อเพื่อนัดหมายหรือสอบถามข้อมูล โทร 064-424-6526
- สาขา Crystal Design Center (CDC) ติดต่อเพื่อนัดหมายหรือสอบถามข้อมูล โทร 095-236-4546


มีคนไทยเป็นกันเยอะเลยค่ะ ทั้งที่รู้ตัวและก็ไม่รู้ตัว Binge Eating Disorder สามารถรักษาให้ดีขึ้นและควบคุมได้ค่ะ โดยหัวใจสำคัญคือ การทำจิตบำบัด โดยเฉพาะแบบ CBT เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ ควบคู่ไปกับ การวางแผนโภชนาการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารและเลิกอดมื้อกินมื้อ ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณา ใช้ยาร่วมด้วย เพื่อลดความอยากอาหารที่ผิดปกติ และที่ขาดไม่ได้คือ การดูแลตัวเอง เช่น จัดการความเครียดและนอนให้พอ เพื่อลดปัจจัยกระตุ้นค่ะ
ผลข้างเคียงจากปากกาลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่พบได้ และส่วนใหญ่ไม่รุนแรง สามารถรับมือได้ด้วย การปรับพฤติกรรมการกินโดยแบ่งเป็นมื้อย่อย เลี่ยงของมัน, การพักผ่อนให้เพียงพอ และการฉีดยาให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ ที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามปรับขนาดยาเอง และควรเริ่มต้นจากขนาดต่ำสุดตามแพทย์สั่ง หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้องมาก หรืออาเจียนไม่หยุด ควรรีบพบแพทย์ทันที ค่ะ
ให้คนไข้เข้าใจง่าย ๆ คือ ปากกาลดน้ำหนักถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและปลอดภัยสำหรับการฉีดด้วยตัวเองที่บ้าน คล้ายกับปากกาฉีดอินซูลินที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ เพราะเป็นเพียงการ ฉีดเข้าที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งทำได้ไม่ยากและมีความเสี่ยงต่ำ ไม่เหมือนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือด เหมือนพวกวัคซีนต่างๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องปฏิบัติก็คือ การใช้ปากกาลดน้ำหนักต้องอยู่ภายใต้การดูแลและสั่งจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น คือต้องพบหมอ ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ประเมินความเสี่ยงก่อน เพื่อประเมินความเหมาะสม, กำหนดขนาดยาที่ถูกต้อง, สอนวิธีฉีดครั้งแรก และติดตามผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิดค่ะ แต่หากเป็นกังวลจะมารับบริการที่คลินิกเป็นรายสัปดาห์ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
การที่พุงใหญ่และแข็งขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณอันตราย ไม่ใช่เรื่องปกติ ค่ะ เพราะมันคือ “ไขมันในช่องท้อง” ที่กำลังสะสมและเกาะอยู่ตามอวัยวะภายใน ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, และไขมันพอกตับ การปล่อยทิ้งไว้เปรียบเสมือนการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น จึงควรพบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาอย่างเร่งด่วนค่ะ หรือพุงใครเป็นแบบอื่น ลองเช็คข้อมูลในตารางด้านล่างดูได้เลยนะคะ
ถ้าเป้าหมายคนไข้คือต้องการลดน้ำหนักจริงจัง ไม่มีโรคแทรกซ้อน ข้อเข่าเสื่อมอะไรพวกนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่เข้ากันมากค่ะ
การทำ IF, ออกกำลังกาย, และใช้ปากกาลดน้ำหนักไปพร้อมกัน สามารถทำได้และช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดน้ำหนักได้ดีมาก ค่ะ เพราะปากกาจะช่วยให้การทำ IF ไม่ทรมาน ทำให้ควบคุมความหิวได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทานอาหารให้มีคุณภาพและเพียงพอในช่วงเวลาที่กิน (Feeding) เพื่อให้มีพลังงานไปใช้ในการออกกำลังกาย และ ต้องไม่หักโหมออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงท้องว่าง ที่สำคัญที่สุดคือควรปรึกษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อปรับยาและวางแผนโภชนาการให้เหมาะสมกับร่างกายของคนไข้แต่ละคนค่ะ
คนที่มีหุ่นแบบ Skinny Fat หรือคนผอมมีพุง สามารถใช้ปากกาลดน้ำหนักเพื่อช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ค่ะ เพราะยาจะช่วยให้รู้สึกอิ่มไวและทานน้อยลง ทำให้ร่างกายดึงไขมันสะสมรวมถึงที่พุงมาใช้เป็นพลังงาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ปากกาลดน้ำหนักไม่ใช่คำตอบสุดท้าย คนไข้ ต้องออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ และ ทานอาหารที่มีโปรตีนสูงควบคู่กันไป เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริง ๆ คือภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ซึ่งจะทำให้หุ่นเฟิร์มกระชับและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน และที่ขาดไม่ได้คือ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาทุกครั้ง ค่ะ
การลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาวคือ การลดประมาณ 2-5 กิโลกรัมต่อเดือน ค่ะ เพราะการลดที่เร็วกว่านี้มักจะเป็นการสูญเสียน้ำและมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ “ภาวะโยโย่” ที่ทำให้น้ำหนักกลับมาเด้งสูงกว่าเดิม รวมถึงยังทำให้ร่างกายโทรมและผิวพรรณไม่สดใสอีกด้วย ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การเห็นตัวเลขลดลงเร็วๆ แต่คือ การลดไขมันส่วนเกินอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้รูปร่างที่สวยกระชับและสุขภาพดีอย่างแท้จริงค่ะ
IF หรือ Intermittent Fasting ที่สาวๆ หลายคนฮิตกัน จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่เลยค่ะ มันคือการกำหนด “ช่วงเวลาอด” กับ “ช่วงเวลากิน” ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ร่างกายได้พักและซ่อมแซมตัวเอง เหมือนให้เวลาเซลล์ผิวเราได้ทำสปานั่นเองค่ะ หลักการง่ายๆ คือ แทนที่จะกินจุกจิกทั้งวัน เราจะรวบมื้ออาหารมาอยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น กินแค่ 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง (สูตร 16:8 ยอดฮิต) ประโยชน์ที่ได้ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักนะคะ แต่ยังช่วยให้ “ฮอร์โมน” ในร่างกายสมดุลขึ้น โดยเฉพาะอินซูลินที่ควบคุมน้ำตาล พออินซูลินนิ่ง ผิวก็อักเสบน้อยลง สิวไม่ค่อยมา แถมยังกระตุ้น “Growth Hormone” หรือฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์ ให้ทำงานดีขึ้นด้วย ผลที่ได้คือผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง และดูเด็กกว่าวัยค่ะ
การทำ IF ให้ได้ผลดีที่สุด ไม่ใช่การหักโหมอดนะคะ แต่คือ “ความสม่ำเสมอ” และ “การเลือกกิน” ในช่วงที่เรากินได้ค่ะ หมอแนะนำให้เริ่มง่ายๆ ที่ 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน ให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนวันเมื่อรู้สึกโอเค ที่สำคัญคือช่วงกิน (Feeding Window) ต้องไม่ใช่การ “กินล้างแค้น” นะคะ! เราต้องเลือกทานอาหารดีๆ มีประโยชน์ เน้นโปรตีนดี ผักใบเขียว และไขมันดี เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้เต็มที่ ลองนึกภาพตามว่าเราอดเพื่อให้ร่างกายได้รีเซ็ต แล้วเราก็เติมเชื้อเพลิงคุณภาพดีเข้าไปใหม่ แค่นี้เครื่องยนต์ของเรา (หรือผิวสวยๆ ของเรา) ก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เผาผลาญดีขึ้น ผิวสวยขึ้นจากภายในสู่ภายนอก แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์เลยล่ะค่ะ