ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง ซีสต์ (Cyst) และเนื้องอกไขมัน (Lipoma) คืออะไร?
หากคุณเพิ่งคลำเจอก้อนใต้ผิวหนังเป็นครั้งแรก อาจรู้สึกกังวลใจ ไม่ต้องตกใจ! ก้อนดังกล่าวอาจเป็นเพียงซีสต์ (Cyst) หรือเนื้องอกไขมัน (Lipoma) ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่าง อาการ สาเหตุ และวิธีการดูแลเบื้องต้น รวมถึงวิธีการสังเกตอาการที่ควรไปพบแพทย์ เพื่อให้คุณสามารถรับมือได้อย่างถูกต้องและสบายใจ


ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst) สาเหตุ อาการ และการรักษา
ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง หรือ Sebaceous cyst คือ ถุงใต้ผิวหนังที่ภายในบรรจุไปด้วยสารคล้ายขี้ไคล (Keratin) มักมีลักษณะเป็นก้อนกลม ขอบเรียบ เคลื่อนที่ได้เล็กน้อย อาจมีรูเปิดให้เห็น มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือการบาดเจ็บที่ผิวหนัง
สาเหตุของการเกิดซีสต์
pie
title สาเหตุของการเกิดซีสต์
"การอุดตันของต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อ" : 25
"การบาดเจ็บของผิวหนัง" : 25
"การได้รับรังสียูวี" : 25
"โรคทางพันธุกรรม" : 29
- การอุดตันของต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อ
- การบาดเจ็บของผิวหนัง
- การได้รับรังสียูวี
- โรคทางพันธุกรรม
อาการของซีสต์
- คลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง
- ก้อนกลม ขอบเรียบ
- สีเดียวกับผิวหนัง หรือมีสีขาว
- กดแล้วกลิ้งได้
- มักไม่มีอาการเจ็บ
- โตช้า หรือไม่เปลี่ยนขนาด

การรักษาซีสต์
- ผ่าตัด: ตัดซีสต์ออกทั้งก้อน เหมาะกับซีสต์ใหญ่ เจ็บ อักเสบ หรือเป็นซ้ำ
- ดูดไขมัน: ดูดของเหลว/ไขมันออกจากซีสต์ เหมาะกับซีสต์ขนาดใหญ่ที่ข้างในเหลว แต่อาจกลับมาเป็นอีกได้
- ฉีดสเตียรอยด์: ลดการอักเสบ บวม ใช้ในซีสต์ที่ติดเชื้อ ช่วยลดปวด แต่ไม่กำจัดซีสต์
เนื้องอกไขมัน (Lipoma) ทำความรู้จัก ก้อนไขมันที่ไม่ร้ายแรง
เนื้องอกไขมัน หรือ Lipoma คือ ก้อนเนื้อที่ประกอบด้วยเซลล์ไขมัน มักอยู่ระหว่างผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อ มีลักษณะเป็นก้อนนุ่ม เคลื่อนที่ได้ ไม่เจ็บ ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและไม่กลายเป็นมะเร็ง
pie title ตำแหน่งที่พบบ่อยของก้อนไขมันใต้ผิวหนัง
"ลำตัว" : 40
"ต้นแขนและต้นขา" : 30
"คอ" : 20
"ศีรษะ" : 10
อ้างอิงคนไข้ของดีเลิฟเวอรี่คลินิก ตั้งแต่ปี 2022-2025
สาเหตุของเนื้องอกไขมัน
- ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
- อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
- งานวิจัยพบว่าไม่เกี่ยวกับการรับประทานอาหารไขมัน

อาการของเนื้องอกไขมัน
- คลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง
- ก้อนนุ่ม เคลื่อนที่ได้
- ไม่เจ็บ
- โตช้าๆ
ตรวจสอบเนื้องอกไขมัน สัญญาณที่ควรระวัง
| ลักษณะ | เนื้องอกไขมันทั่วไป | เนื้องอกไขมันที่ควรระวัง |
|---|---|---|
| ความนุ่ม | นุ่ม | แข็ง หรือ ไม่สม่ำเสมอ |
| การเคลื่อนที่ | เคลื่อนที่ได้ง่าย | เคลื่อนที่ได้ยาก หรือ ยึดติดกับเนื้อเยื่อ |
| อาการเจ็บ | ไม่เจ็บ | เจ็บ หรือ กดเจ็บ |
| การเติบโต | โตช้าๆ | โตเร็ว |
| ลักษณะภายนอก | ผิวเรียบปกติ | ผิวหนังเปลี่ยนสี หรือ มีการอักเสบ |

ขั้นตอนการผ่าตัดซีสต์หรือเนื้องอกไขมัน
- การปรึกษาและการเตรียมตัว: พบแพทย์เพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด ถามคำถามที่คุณสงสัยได้อย่างเต็มที่ พยาบาลจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนวันผ่าตัด
- การระงับความรู้สึก: ก่อนการผ่าตัด จะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้บริเวณที่จะผ่าตัดชา ไม่รู้สึกเจ็บปวด
- การผ่าตัด: แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาก้อนซีสต์หรือเนื้องอกไขมันออก โดยใช้เครื่องมือที่สะอาดและปราศจากเชื้อ ขั้นตอนนี้มักใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อน
- การเย็บแผล: หลังจากเอาก้อนออกแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลอย่างระมัดระวัง
- การดูแลหลังผ่าตัด: พยาบาลจะแนะนำวิธีการดูแลแผลที่ถูกต้อง และให้ยาแก้ปวด (ถ้าจำเป็น) เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายหลังผ่าตัด
| ประเด็น | รายละเอียด |
|---|---|
| ประเภทการผ่าตัด | ผ่าตัดเล็ก (Minor Surgery) |
| ความน่ากลัว | ไม่น่ากลัว แพทย์และผู้ช่วยทำการผ่าตัดโดยมีการสื่อสารกับคนไข้ตลอดเวลาได้ |
| สถานที่ทำการผ่าตัด | คลินิกที่ได้มาตรฐาน (Qualified Clinic) หรือ โรงพยาบาล (Hospital) |
| ความปลอดภัย | ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Safe if performed by a qualified doctor) |
| การระงับความรู้สึก | ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบหรือใช้วิสัญญีแพทย์ |
| ระยะเวลาในการผ่าตัด | โดยทั่วไปไม่นาน 20-30 นาที ตามขนาดและความยากง่าย (Generally short) |

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานเป็นประจำ
- แจ้งประวัติการแพ้ยา
- งดรับประทานยาแอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนผ่าตัด (ตามคำแนะนำของแพทย์)
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัด (ตามคำแนะนำของแพทย์)
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัด

การดูแลหลังผ่าตัด
- ดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนแผล โดนน้ำ
- มาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลและตัดไหม

ข้อควรรู้เกี่ยวกับซีสต์ (Cyst) และเนื้องอกไขมัน (Lipoma)
| ข้อควรรู้ | คำอธิบาย |
|---|---|
| ซีสต์และเนื้องอกไขมันอันตรายไหม? | ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ควรสังเกตอาการ หากมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ขนาดใหญ่ขึ้นเร็ว เจ็บปวด หรือมีการอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ |
| ซีสต์และเนื้องอกไขมันสามารถหายเองได้ไหม? | ซีสต์ขนาดเล็กอาจหายเองได้ แต่เนื้องอกไขมันมักไม่หายเอง หากต้องการเอาออกต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด |
| การผ่าตัดซีสต์และเนื้องอกไขมันเจ็บไหม? | โดยทั่วไป การผ่าตัดจะทำภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด หลังผ่าตัดอาจมีอาการเจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด |
| หลังผ่าตัดต้องดูแลแผลอย่างไร? | ควรดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์ ทำความสะอาดแผลสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนแผล |
| สามารถป้องกันการเกิดซีสต์และเนื้องอกไขมันได้ไหม? | ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่การดูแลสุขอนามัยของผิวหนังให้ดี และหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ |
| อะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าซีสต์หรือเนื้องอกไขมันอาจเป็นอันตราย? | สัญญาณที่ควรระวัง ได้แก่ ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้อนมีอาการเจ็บปวด ก้อนมีลักษณะแข็ง ก้อนมีการอักเสบ บวมแดง หรือมีหนองไหล |
| เนื้องอกไขมันเกิดจากอะไร? | ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม |
| ซีสต์เกิดจากอะไร? | มักเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน หรือการบาดเจ็บที่ผิวหนัง |
| ถ้าคลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง ควรทำอย่างไร? | ไม่ต้องตกใจ ให้ลองสังเกตอาการ หากก้อนมีลักษณะที่น่าสงสัย หรือทำให้เกิดความกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย |
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?
ถึงแม้ว่าซีสต์และเนื้องอกไขมันส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
- ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ก้อนมีอาการเจ็บปวด
- ก้อนมีลักษณะแข็ง
- ก้อนมีการอักเสบ บวมแดง หรือมีหนองไหล
- ก้อนทำให้เกิดความกังวล

การป้องกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการเกิดซีสต์และเนื้องอกไขมันได้อย่างสมบูรณ์ แต่การดูแลสุขอนามัยของผิวหนังให้ดี การหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
ผ่าต่อมไขมัน ผ่าซีสต์ ราคาเท่าไหร่
- เริ่มต้น 7,500 บาท
- หากมีหลายจุดส่งภาพประเมินราคาเหมาได้ทางไลน์คลินิกได้เลยค่ะ
ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
| คุณสมบัติ | ดีเลิฟเวอรี่คลินิก | โรงพยาบาล |
|---|---|---|
| ความสะดวก (Convenience) | ⭐⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐ |
| ระยะเวลารอคอย (Waiting Time) | รวดเร็ว | นานกว่า |
| ความซับซ้อนของขั้นตอนก่อน หลังรับบริการ (Complexity) | ไม่ยุ่งยาก | หลายขั้นตอน |
| ความเป็นส่วนตัว (Privacy) | สูง | น้อยกว่า |
| การดูแลส่วนบุคคล (Personalized Care) | ⭐⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐ |
| ความยืดหยุ่นในการนัดหมาย/ติดตามผล (Appointment Flexibility) | สูง | น้อยกว่า |
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้ แพทย์ทุกท่านมีใบอนุญาตและประสบการณ์ด้านโบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อ
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้

- สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546


สำหรับคนไข้ที่เสริมจมูกมาแล้วและต้องการจี้ไฝหรือขี้แมลงวันบนจมูก สามารถทำได้เลยค่ะ เพียงแค่รอให้แผลผ่าตัดแห้งสนิทและ ตัดไหมเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทำได้ การทำเลเซอร์เพื่อกำจัดไฝนั้นเป็นหัตถการที่ทำแค่บนชั้นผิวหนัง จึง ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อซิลิโคนหรือรูปทรงจมูกที่เสริมมาอย่างแน่นอนค่ะ อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเสริมจมูกเพื่อประเมินความพร้อมของแผลก่อนทำนะคะ
หมอได้เห็นข่าวของอินฟลูฯท่านนั้นแล้วเหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและน่ากังวลใจมากๆ และก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับหลายๆ คนได้ดีเลยค่ะ สำหรับคำถามที่คุณลูกค้าสงสัยว่า “ถ้าจะขูดซิลิโคนเหลว จะขูดออกได้หมดไหม?” หมอต้องขอตอบตามตรงเลยนะคะว่า การขูดหรือผ่าตัดเอาซิลิโคนเหลวออกนั้น ไม่สามารถเอาออกได้หมด 100% ค่ะ
เหตุผลก็เพราะว่าลักษณะของ “ซิลิโคนเหลว” หรือสารแปลกปลอมอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ที่สลายได้แบบที่เราฉีดกันแบบถูกต้อง เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว สารเหลวเหล่านี้จะไม่ได้เกาะรวมกันเป็นก้อนสวยงามเหมือนซิลิโคนเสริมจมูกหรือคางนะคะ แต่มันจะค่อยๆ ไหลซึม แทรกซึมเข้าไปตามชั้นเนื้อเยื่อต่างๆ ของเรา เหมือนน้ำมันที่ซึมเข้าไปในฟองน้ำเลยค่ะ มันจะไปรวมกับไขมัน กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อปกติของเราจนแทบจะกลายเป็นส่วนเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายก็จะสร้างพังผืดขึ้นมาห่อหุ้มสารเหลวเหล่านี้เอาไว้เป็นก้อนเล็กๆ กระจายตัวอยู่ทั่วไป ทำให้การผ่าตัดเพื่อเลาะหรือขูดออกนั้นทำได้ยากมากๆ ค่ะ กระบวนการขูดจริงๆก็ไม่เรียกขูด เรียกตัดออกซะส่วนใหญ่
ดังนั้น เป้าหมายหลักของการผ่าตัดขูดซิลิโคนเหลวจึงไม่ใช่การเอาออกให้หมดเกลี้ยง แต่เป็นการ “การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น” ค่ะ เช่น การขูดเพื่อลดขนาดส่วนที่บวมผิดรูปมากๆ, การผ่าตัดเพื่อระบายหนองและการอักเสบติดเชื้อ, หรือการตัดเลาะก้อนพังผืดที่แข็งและเจ็บปวดออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยพยายามรักษาเนื้อเยื่อดีๆ ของเราเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ การขูดสารแปลกปลอมออกไปได้ประมาณ 60-80% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว เพื่อบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงในอนาคต แต่ต้องยอมรับความจริงว่ามันจะยังมีสารบางส่วนที่แทรกซึมลึกจนเอาออกไม่ได้หลงเหลืออยู่ และอาจก่อให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้อีกในอนาคตค่ะ
หลังจี้ขี้แมลงวัน ไฝ หรือกระเนื้อด้วย CO2 laser รอยแผลที่เกิดขึ้นเป็นรอยแผลสะอาด สีชมพูหรือแดงระเรื่อในช่วงแรก โดยจะค่อยๆ จางลงอย่างต่อเนื่องภายใน 1-2 สัปดาห์ ไม่ได้ทิ้งรอยดำหรือรอยนูนถาวรนะคะ เพราะพวกขี้แมลงวัน กระเนื้อ อยู่ผิวชั้นบนสุดเลย เราไม่ได้จี้ลงลึก ส่วนไฝ อาจจะอยู่นานกว่าเล็กน้อยค่ะ
มีคนไข้หลายคนถามและเปรียบเทียบว่ารอยหลังจี้เลเซอร์จะอยู่เป็นเดือนเหมือนรอยสิวหรือเปล่า หมอตอบเลยว่า “ไม่เหมือนกัน” เพราะรอยแผลหลังเลเซอร์เป็นการทำลายเฉพาะจุดของเนื้อเยื่อที่ต้องการออก ไม่ได้กระทบเนื้อเยื่อโดยรอบแบบรอยสิวอักเสบ รอยจึงจางไวกว่า รักษาง่ายกว่า และถ้าดูแลถูกต้องก็จะเรียบเนียนไวค่ะ
Hematoma หรือเลือดคั่งใต้ผิวเป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นหลังศัลยกรรม เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้แผลหายช้าและเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดแข็งบริเวณที่ผ่าตัด โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น กล้ามเนื้อใบหน้า หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องอาจต้องใช้เวลานานกว่าพังผืดจะนิ่มลงหรืออาจต้องแก้ไขเพิ่มเติม ทำให้คนไข้ต้องอดทนและเฝ้าระวังสภาวะแทรกซ้อนนี้เป็นพิเศษ
สำหรับที่คลินิกของหมอเอง ซึ่งมีบริการตัดไหมศัลยกรรมให้กับคนไข้ที่ผ่าตัดมา มักจะพบเจอเคสเลือดคั่งหรือ hematoma บ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่บ่อยนัก ส่วนมากเกิดจากการกระทบกระเทือน หรือคนไข้ขยับแผลเองในช่วงพักฟื้น หลังเจาะเลือดออกและดูแลอย่างใกล้ชิด แผลส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นสำคัญที่สุดคือการร่วมมือของคนไข้ในการดูแลตัวเองและมาตามนัดตัดไหม เพื่อให้แผลสวยหายเร็ว ไม่ทิ้งรอยค่ะ
รับค่ะ ทางดีเลิฟเวอรี่คลินิกของเรารับบริการตัดไหมสำหรับผู้ที่ทำศัลยกรรมดึงหน้าและยกกระชับหน้าทั้งในประเทศไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะผ่าตัดที่ไหนหรือเป็นเคสกลับมาจากต่างประเทศ ทางเรามีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งและดูแลเคสหลังการผ่าตัดดึงหน้าทุกประเภท โดยเฉพาะเคสที่มีแผลยาว เช่น ดึงหน้าทั่วไป (Full Facelift), ดึงหน้าส่วนล่าง (Lower Facelift), ดึงคอ, ดึงหางตา, ดึงหน้าผาก หรือยกคิ้ว
นอกจากนี้ เรายังให้บริการดูแลแผลหลังผ่าตัด เช่น ทำแผล ตรวจเช็กแผล ตัดไหม และให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองหลังศัลยกรรม เพื่อให้แผลหายเร็ว รอยแผลเรียบเนียน และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น รวมถึงทำ Pico Laser สำหรับเคสที่อยากลดรอยแผลเป็น หากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาหรือส่งรูปประเมินแผลก่อนเข้ารับบริการได้เลยค่ะ
CO2 Pro Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการรักษาผิวหนังและบริเวณช่องคลอดอย่างแม่นยำ โดยใช้พลังงานความร้อนจากลำแสงเลเซอร์ไปทำลายเนื้อเยื่อที่ไม่ต้องการ เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน หูด หรือกระเนื้อ ในโหมด Normal ที่เหมาะกับการจี้และตัดเนื้อส่วนเกิน โดยเนื้อเยื่อบริเวณเป้าหมายจะถูกเผาไหม้และหลุดลอกออกไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและดูดีขึ้นโดยไม่มีผลกระทบกับผิวข้างเคียง นอกจากนี้ ในโหมด Fractional CO2 Laser ยังช่วยรักษารอยหลุมสิวด้วยการยิงพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณผิวหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และซ่อมแซมผิว ทำให้รอยแผลเป็นจางลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น
สำหรับการดูแลสุขภาพในจุดอื่น เช่น ช่องคลอด CO2 Pro Laser มีโหมดเฉพาะที่ช่วยกระชับช่องคลอดและปรับสภาพผิวภายนอก โดยใช้หัวเลเซอร์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อยิงพลังงานในบริเวณที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ภายในช่องคลอดจะได้รับการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ส่วนผิวภายนอกช่องคลอดจะขาวกระจ่างและเรียบเนียนขึ้นด้วยพลังงานเลเซอร์ที่ปล่อยอย่างเหมาะสม เทคโนโลยีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและสุขภาพในหลายจุดพร้อมกันด้วยเครื่องมือเดียวกันค่ะ
😊 ติ่งเนื้อที่ว่าดึงแล้วยืดได้ แถมเหมือนจะหลุดแบบนี้ เป็นสิ่งที่หมอไม่แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดเองที่บ้านเลยนะคะ เพราะถึงจะดูเล็กน้อย แต่การตัดเองเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ อักเสบ หรืออาจมีเลือดออกมากโดยไม่ทันตั้งตัวค่ะ และที่สำคัญเราจะยังรู้สึกเจ็บอยู่ได้ แม้มันจะดูเป็นส่วนเกินของร่างกาย
ติ่งเนื้อที่คนไข้กล่าวถึงอาจเป็น Acrochordon มักไม่มีอันตราย พบได้บ่อย บางทีอยู่ก็โผล่มาใน 3-4 เดือน แต่ถ้าอยากเอาออก หมอแนะนำให้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ดีกว่า การจี้ปลอดภัย การทำเลเซอร์ co2 ปลอดภัย และต้องทำโดยแพทย์ ไม่ต้องเสี่ยงติดเชื้อ เลือดออกเยอะ แผลหายไวและไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็นเลยค่ะ




