ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ฟิลเลอร์สะโพก ราคาเท่าไหร่ ทำที่ไหน ข้อดีข้อเสีย มีอะไรบ้าง

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ฟิลเลอร์สะโพก

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

ฟิลเลอร์สะโพก ดียังไง ใช้ฟิลเลอร์แบบไหน ใช้กี่ซีซี ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ติดตามผลการรักษา
เลือกอ่านเนื้อหา

โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพก ปั้นบั้นท้ายสวย กลมกลึงทุกองศา

Your body is a canvas, and you are the artist. Sculpt the silhouette you desire.

โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพก หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อการฉีดฟิลเลอร์ก้น เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อความงามที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ช่วยปรับรูปร่างสะโพกและบั้นท้ายให้มีความโค้งมนสวยงาม กลมกลึง และได้สัดส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาบั้นท้ายหย่อนคล้อย, สะโพกแบน, สะโพกบุ๋ม หรือที่เรียกว่า Hip Dip รวมถึงผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกให้ดูผายขึ้น เพื่อสร้างมิติให้รูปร่างดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้นนาน

ที่ D’ Lovevery Clinic เราเลือกใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้คุณสามารถปั้นหุ่นในฝันให้เป็นจริงได้อย่างมั่นใจ

ปั้นหุ่นสวยด้วยฟิลเลอร์สะโพก เหมาะกับใครบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของรูปร่างได้อย่างตรงจุด เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญปัญหาเหล่านี้

  • ปัญหาสะโพกบุ๋ม (Hip Dip) เติมเต็มด้านข้างสะโพกที่เว้าแหว่งให้เต็มสวย ทำให้รูปร่างดูมีส่วนโค้งเว้ามากขึ้น
  • ปัญหาสะโพกแบน ไม่ได้สัดส่วน เพิ่มวอลลุ่มให้บั้นท้ายดูเต็มและผายขึ้น สร้างมิติให้รูปร่าง
  • ปัญหาบั้นท้ายหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับบั้นท้ายที่ขาดความเต่งตึงให้กลับมาสวยงาม อวบอิ่ม
  • ปัญหารูปร่างไม่สมส่วน ปรับขนาดสะโพกให้สมดุลกับสัดส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างแต่ไม่ต้องการผ่าตัด เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการผ่าตัด

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของการฉีดฟิลเลอร์สะโพก

ข้อดี

  • เห็นผลลัพธ์ทันที สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้ทันทีหลังทำ
  • ไม่ต้องผ่าตัด เป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้มีด ไม่มีความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบทันที
  • ปลอดภัยสูง ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง
  • ปรับแก้ได้ สามารถปรับแต่งรูปทรงเพิ่มเติม หรือฉีดสลายได้หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ
  • กระตุ้นคอลลาเจน ฟิลเลอร์บางชนิดมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น

ข้อควรพิจารณา

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติ โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลตัวเอง
  • ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ การฉีดฟิลเลอร์สะโพกต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
  • ปริมาณฟิลเลอร์ อาจต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม
  • อาจมีอาการบวมช้ำ หลังทำอาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

เพื่อผลลัพธ์และความปลอดภัยสูงสุด ที่ D’ Lovevery Clinic

เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นไปตามที่คาดหวัง ทีมแพทย์ของเราใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยใช้เทคนิคสำคัญดังนี้

  1. เลือกใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula)
    • ลดการบาดเจ็บ ปลายเข็มที่ทู่จะช่วยลดการทำลายเส้นเลือดและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดรอยช้ำน้อยมากหรือไม่เกิดเลย
    • เพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย
  2. วางฟิลเลอร์ในชั้นที่ถูกต้อง
    • แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ใน ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat Layer) เท่านั้น ซึ่งเป็นชั้นที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
    • เรา ไม่ฉีดลึกลงในชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน
  3. ออกแบบการฉีดแบบ Vector-Lifting
    • ไม่ใช่แค่การเติมเต็ม แต่เป็นการฉีดในทิศทางที่เป็นการ สร้างแนวเวคเตอร์เพื่อยกกระชับ (Vector Lift) ช่วยให้บั้นท้ายที่หย่อนคล้อยดูกระชับและยกขึ้น
    • เทคนิคนี้ช่วยสร้าง Contour หรือกรอบของสะโพกให้คมชัดและมีส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม
  4. วางแผนการรักษาร่วมกับคนไข้ (Customized Plan)
    • ก่อนทำการรักษา แพทย์จะประเมินสรีระและพูดคุยถึงความต้องการของคนไข้อย่างละเอียด เพื่อ ออกแบบรูปทรงสะโพกเฉพาะบุคคล ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ตอบโจทย์และน่าพึงพอใจที่สุด

การใช้เทคนิคเหล่านี้ร่วมกัน ทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพกที่ D’ Lovevery Clinic ไม่เพียงแต่ช่วยปรับรูปร่างให้สวยงาม แต่ยังมอบความปลอดภัยและความมั่นใจสูงสุดให้กับคนไข้ทุกท่านค่ะ

โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพก ต่างจากการฉีดไขมันสะโพกอย่างไร

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ ควรเลือกเติมสะโพกด้วยฟิลเลอร์ หรือเลือกการฉีดไขมันตัวเองดี แม้ทั้งสองวิธีจะช่วยเพิ่มขนาดและปรับรูปทรงของสะโพกได้เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ตั้งแต่กระบวนการทำไปจนถึงผลลัพธ์และการดูแลตัวเอง ซึ่งตารางข้างล่างนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ตารางเปรียบเทียบ ฟิลเลอร์สะโพก VS ฉีดไขมันสะโพก

หัวข้อเปรียบเทียบโปรแกรมฟิลเลอร์สะโพกการฉีดไขมันสะโพก
กระบวนการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่สะโพกได้ทันทีต้องดูดไขมันจากส่วนอื่นก่อน แล้วนำมาปั่นคัดแยกเซลล์ไขมัน จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไป
จำนวนแผลแผลเล็กเพียง 1 จุด (จากรอยเข็ม)มีแผลอย่างน้อย 2 จุด (บริเวณที่ดูดไขมัน และบริเวณที่ฉีด)
ความเจ็บปวด🟡⚪️⚪️⚪️⚪️ (น้อยมาก)🟡🟡🟡⚪️⚪️ (ปานกลาง)
ระยะเวลาพักฟื้น⚪️⚪️⚪️⚪️⚪️ (ไม่ต้องพักฟื้น)🟡🟡🟡🟡⚪️ (นาน 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่า)
ความชัดเจนของผลลัพธ์🟢🟢🟢🟢🟢 (เห็นผลชัดเจน 100%)🟢🟢🟢⚪️⚪️ (คาดเดายาก ไขมันอาจติดเพียง 40-70%)
การเกิดรอยบวมช้ำ🟡⚪️⚪️⚪️⚪️ (น้อยมาก)🟡🟡🟡🟡⚪️ (บวมช้ำค่อนข้างมาก)
ความยุ่งยากในการดูแล🟡⚪️⚪️⚪️⚪️ (ดูแลตัวเองง่าย)🟡🟡🟡🟡⚪️ (ดูแลแผลหลายตำแหน่งและมีข้อจำกัดเยอะ)
ระยะเวลาเห็นผล🟢🟢🟢🟢🟢 (เห็นผลทันที)🟡🟡⚪️⚪️⚪️ (ต้องรอให้ไขมันเข้าที่และยุบบวม 3-6 เดือน)
ระยะเวลาผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปีหากไขมันติดแล้วจะอยู่ได้ค่อนข้างถาวร

การฉีด โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ ไม่ต้องการมีแผลหลายตำแหน่ง และไม่ต้องการเสียเวลาพักฟื้น ในขณะที่ การฉีดไขมัน จะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเพียงพอให้ดูด มีเวลาพักฟื้นนาน และยอมรับความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ได้

ทรงสะโพกยอดนิยมที่ฟิลเลอร์ ปั้นได้

ความสวยงามของรูปร่างเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว ทรงสะโพกที่คนไทยและชาวเอเชียนิยมมักจะเน้นความกลมกลึงดูเป็นธรรมชาติ มีส่วนโค้งเว้าที่พอดีกับสรีระ ไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่ง โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพก สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทรงที่สามารถปั้นได้สวยงามและเป็นที่นิยม มีดังนี้

  • ทรงกลม (Round Shape) เป็นทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุด ให้ลุคที่ดูสวยงาม อวบอิ่ม บั้นท้ายกลมสวยเท่ากันทุกสัดส่วน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้สะโพกดูเต็มและเด่นชัดขึ้น
  • ทรงหัวใจ (Heart Shape หรือ A-Shape) เป็นทรงที่ช่วงบนของสะโพกจะเล็กกว่าและค่อยๆ ผายออกด้านข้างและโค้งมนลงมาที่บั้นท้าย ทำให้เอวดูคอดเล็กและรูปร่างมีส่วนโค้งเว้าที่ชัดเจน ให้ลุคที่ดูสวยหวานแบบผู้หญิง
  • ทรงสามเหลี่ยม (V-Shape) หรือที่บางคนเรียกว่า “ทรงคว่ำ” เป็นทรงที่สัดส่วนช่วงเอวและสะโพกจะไล่ระดับลงมาเป็นรูปตัว V ทำให้บั้นท้ายดูเล็กลงเมื่อเทียบกับช่วงบนของสะโพก จุดเด่นของทรงนี้คือจะช่วยเน้นให้ช่วงขาดูเรียวยาวมากขึ้น จึงเป็นทรงที่ได้รับความนิยมในหมู่สาวเอเชีย โดยเฉพาะ คนที่โครงสร้างกระดูกสะโพกช่วงบนค่อนข้างกว้างแต่มีช่วงขาที่เล็ก การปรับทรงสะโพกแบบนี้จะช่วยสร้างสมดุลให้รูปร่างโดยรวมดูเพรียวและสง่างามยิ่งขึ้น

แล้วทรงสะโพกแบบสายฝอ บราซิล หรือตุรกีล่ะ?

สำหรับทรงสะโพกที่ใหญ่และพุ่งมากๆ แบบสายฝอ (Westernized) หรือที่เรียกว่า Brazilian Butt Lift (BBL) สไตล์นั้น อาจไม่เหมาะกับการใช้ฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากการจะปั้นสะโพกให้มีขนาดใหญ่และพุ่งมากๆ ต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและเสี่ยงต่อการที่ฟิลเลอร์จะเคลื่อนตัวได้ในอนาคต

ในกรณีนี้ การผ่าตัดเสริมซิลิโคน (Silicone Implants) อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและสามารถเพิ่มขนาดได้ใหญ่ตามต้องการ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงจากการผ่าตัดและระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่า

โปรแกรมฟิลเลอร์สะโพกเพื่อบั้นท้ายที่อวบอิ่มและได้สัดส่วน

ตารางเปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ สะโพก VS การเสริมซิลิโคน

หัวข้อเปรียบเทียบโปรแกรมฟิลเลอร์สะโพกการผ่าตัดเสริมซิลิโคน
เหมาะกับทรงแบบไหนทรงธรรมชาติ กลมมน พอดีตัว (ทรงเอเชีย)ทรงใหญ่พิเศษ พุ่งชัดเจน (ทรงสายฝอ)
กระบวนการฉีดสารเติมเต็ม ไม่ต้องผ่าตัดผ่าตัดเพื่อใส่ถุงซิลิโคน ต้องดมยาสลบ
ขนาดแผล🟡⚪️⚪️⚪️⚪️ (รอยเข็มเล็กๆ)🟡🟡🟡🟡🟡 (แผลผ่าตัดยาวหลายเซนติเมตร)
ระยะเวลาพักฟื้น⚪️⚪️⚪️⚪️⚪️ (ไม่ต้องพักฟื้น)🟡🟡🟡🟡🟡 (พักฟื้นนาน 4-6 สัปดาห์ หรือมากกว่า)
ความเจ็บปวด🟡⚪️⚪️⚪️⚪️ (น้อย)🟡🟡🟡🟡🟡 (อาจระบบมากในช่วงแรก)
ความเสี่ยงความเสี่ยงต่ำ (อาจมีบวม ช้ำ)ความเสี่ยงสูง (ติดเชื้อ, ซิลิโคนพลิก/ฉีกขาด, พังผืดรัด)
การปรับแก้🟢🟢🟢🟢🟢 (ปรับแก้หรือฉีดสลายได้ง่าย)⚪️⚪️⚪️⚪️⚪️ (แก้ไขยุ่งยาก ต้องผ่าตัดใหม่)
ความเป็นธรรมชาติ🟢🟢🟢🟢🟢 (ดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสนิ่ม)🟡🟡🟡⚪️⚪️ (อาจดูเป็นบล็อกและคลำเจอขอบซิลิโคนได้)
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีถาวร (หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน)

คุณสมบัติฟิลเลอร์ที่ดีสำหรับสะโพก

การเลือกฟิลเลอร์สำหรับฉีดบริเวณลำตัว เช่น สะโพกและบั้นท้าย จะแตกต่างจากการเลือกฟิลเลอร์สำหรับใบหน้า เนื่องจากต้องใช้ในปริมาณที่มากกว่าและต้องรองรับการเคลื่อนไหวและแรงกดทับได้ดี ดังนั้น ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับสะโพกจึงต้องมีคุณสมบัติพิเศษดังนี้

  1. มีความคงตัวสูง (High Cohesiveness)
    • ทำไมถึงสำคัญ ฟิลเลอร์ต้องสามารถเกาะกลุ่มกันได้ดี ไม่ไหลหรือเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นได้ง่ายหลังจากฉีดเข้าไปแล้ว เพื่อให้สะโพกคงรูปทรงสวยงามตามที่ออกแบบไว้
    • ผลลัพธ์คือ รูปทรงที่ชัดเจน ไม่เสียทรงเมื่อเวลาผ่านไป
  2. มีแรงยกและขึ้นรูปได้ดี (High Lifting Capacity & G’ Prime)
    • ทำไมถึงสำคัญ เนื่องจากสะโพกเป็นบริเวณที่ต้องการการ “ยก” และ “ปั้น” ให้ได้รูปทรงที่พุ่งสวยงาม ฟิลเลอร์จึงต้องมีความหนาแน่นและความแข็งที่เหมาะสม สามารถดันเนื้อเยื่อและคงรูปอยู่ได้ ไม่แบนราบไปกับผิว
    • ผลลัพธ์คือ สะโพกที่ยกกระชับ กลมกลึง และมีมิติ
  3. ทนต่อแรงกดทับและแรงขยับ (Durable & Flexible)
    • ทำไมถึงสำคัญ สะโพกเป็นส่วนที่เราใช้ในการนั่ง นอน และเคลื่อนไหวตลอดเวลา ฟิลเลอร์จึงต้องทนทานต่อแรงกดทับและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนรูปกลับมาได้ดี ไม่เสียทรงง่าย
    • ผลลัพธ์คือ ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติในทุกการเคลื่อนไหว
  4. มีความปลอดภัยสูงและผ่านการรับรอง
    • ทำไมถึงสำคัญ ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตมาเพื่อใช้กับร่างกาย (Body Filler) โดยเฉพาะ และต้องผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยา (อย.) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากร่างกายหรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายในระยะยาว

Variofill for Gluteal Augmentation คืออะไร

Variofill เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) จากประเทศเยอรมนี ที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี MPT™ (Monalisa Particle Technology) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความหนืดและความคงตัวสูงเป็นพิเศษ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเติมเต็มและปั้นทรงบริเวณสะโพก ซึ่งต้องการแรงยกและความทนทานต่อแรงกดทับสูง

ตารางข้อมูลโปรแกรมฟิลเลอร์ Variofill

คุณสมบัติรายละเอียด
ชื่อผลิตภัณฑ์Variofill® for Gluteal Augmentation
ประเภทสารCross-linked Hyaluronic Acid (HA)
ปริมาตรต่อกล่อง10 ซีซี
แหล่งผลิตประเทศเยอรมนี
เทคโนโลยีMPT™ (Monalisa Particle Technology)
คุณสมบัติเด่นเนื้อเจลมีความคงตัวสูง (High Cohesiveness) ทนต่อแรงกดทับได้ดี ปั้นทรงสวย
เหมาะสำหรับเติมเต็มสะโพก, แก้ปัญหา Hip Dip, ปั้นทรงบั้นท้ายให้กลมกลึง
การรับรองผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ CE Mark (ยุโรป)
ระยะเวลาผลลัพธ์ประมาณ 18 – 24 เดือน

ด้วยปริมาณที่ให้มาถึง 10 ซีซีต่อกล่อง ทำให้ Variofill มีความคุ้มค่าและสามารถใช้ปั้นทรงสะโพกให้ได้ขนาดที่ต้องการอย่างเหมาะสม ประกอบกับคุณสมบัติของเนื้อเจลที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวและแรงกดทับของร่างกายโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน และอยู่ได้ยาวนาน

  • Shape: ปั้นทรงสวย ดั่งใจปรารถนา
  • Firmness: คืนความกระชับแน่น ให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • Lift: ยกบั้นท้าย สร้างส่วนโค้งที่น่าหลงใหล
  • Contour: เติมเต็มทุกสัดส่วนให้สมดุล
  • Smooth: มอบผิวสัมผัสที่เรียบเนียน น่าสัมผัส
  • Confidence: เสริมสร้างความมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหว

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

  • งดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
  • พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

การดูแลตัวเองหลังรับบริการ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดแรงๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
  • งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า สตรีม หรือการสัมผัสความร้อนสูงในบริเวณที่ทำ
  • ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูตัวและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์สะโพก

ความกังวลรายละเอียด
เจ็บไหมก่อนทำจะมีการแปะยาชา ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมาก ระหว่างทำอาจรู้สึกตึงๆ เล็กน้อย
บวมกี่วันอาการบวมจะเห็นชัดในช่วง 1-3 วันแรก และจะค่อยๆ ยุบลงจนเข้าที่ใน 1-2 สัปดาห์
ใช้ฟิลเลอร์กี่ CCปริมาณขึ้นอยู่กับปัญหาและขนาดสะโพกเดิมของแต่ละบุคคล แพทย์จะเป็นผู้ประเมินเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด
ต่างจากการผ่าตัดเสริมสะโพกอย่างไรการฉีดฟิลเลอร์ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันที แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร ส่วนการผ่าตัดให้ผลลัพธ์ถาวร แต่ต้องพักฟื้นนานและมีความเสี่ยงสูงกว่า
คะแนนความบวม🟡🟡⚪️⚪️⚪️ (บวมน้อยถึงปานกลาง)
ระยะเวลาเห็นผลชัดเจน🟢🟢🟢🟢🟢 (เห็นผลทันทีหลังทำ)

ฟิลเลอร์สะโพก ราคาเท่าไหร่

จำนวนปริมาณรวมราคา (บาท)
1 กล่อง10 cc35,000
2 กล่อง20 cc68,000
3 กล่อง30 cc99,000
4 กล่อง40 cc128,000
5 กล่อง50 cc155,000

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ D’ Lovevery Clinic

  • เป็นส่วนตัวและใส่ใจ เราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case อย่างละเอียด ไม่เร่งรีบ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด
  • สบายใจไม่มีแรงกดดัน เราไม่มีเซลส์คอยปิดการขายหรือบังคับซื้อคอร์ส คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระและสบายใจ
  • จ่ายสบายเลือกได้ เรามีระบบมัดจำเพื่อจองคิว สามารถแบ่งจ่ายได้ พร้อมรองรับ Shopee PayLater และโปรแกรมผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
  • ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม คุณจะได้ติดตามผลการรักษากับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง เพื่อความต่อเนื่องและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รีวิวของเรามาจากผู้ใช้บริการจริง ไม่มีการจ้างดาราหรือ Influencer เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ
  • แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้ ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าและรูปร่างโดยเฉพาะ สามารถตรวจสอบประวัติและผลงานได้
  • คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกของเราผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข สะอาด ปลอดภัย พร้อมที่จอดรถฟรีอำนวยความสะดวก
  • โปร่งใสและตรวจสอบได้ เราให้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว คุณสามารถเช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ใช้เป็นของแท้ ผ่าน อย. ไทย และสามารถตรวจสอบได้ก่อนทำการรักษา

ปรึกษาและจองคิว

ปั้นหุ่นสวยในฝันให้เป็นจริง ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้แล้ววันนี้ที่ D’ Lovevery Clinic

  • สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
  • สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546

“Facial Harmony Filler” ไม่ใช่เทคนิคที่เป็นความลับหรือมีใครเป็นเจ้าของค่ะ แต่มันคือ “ปรัชญา” และ “ศิลปะ” ในการปรับรูปหน้า ที่เปลี่ยนมุมมองจากการ “เติมเป็นจุดๆ” มาเป็นการ “ปั้นและออกแบบใบหน้าแบบองค์รวม” ค่ะ หัวใจสำคัญคือการที่แพทย์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและสร้างความสมดุลให้ทุกส่วนประกอบบนใบหน้าดูกลมกลืนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่คือการ คืนความอ่อนเยาว์ สร้างมิติที่สวยงาม และดึงความงามในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุดของคนไข้ ออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการย้ำเตือนให้คนไข้เข้าใจว่า การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์อย่างแท้จริงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายมีความแตกต่างจากผู้หญิงอย่างชัดเจนในเรื่องของเป้าหมายและเทคนิคค่ะ สำหรับผู้ชายจะเน้นการฉีดเพื่อเสริมสร้างความคมชัดของกรอบหน้า (Masculinization) เช่น การทำให้หน้าผากดูกว้างและตรง, สร้างสันจมูกให้คม, เพิ่มความกว้างและความเหลี่ยมของคาง, และสร้างแนวกรามให้คมชัดเป็นสัน เพื่อส่งเสริมโครงสร้างที่ดูแข็งแรงตามแบบผู้ชาย ในขณะที่ การฉีดในผู้หญิงจะเน้นการสร้างความโค้งมน อ่อนหวาน (Feminization) เช่น การทำให้หน้าผากโหนกนูน, สร้างโหนกแก้มให้ดูอิ่มเอิบ, ทำให้คางเรียวเป็น V-shape และปั้นปากให้อวบอิ่มสวยงามค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในบริเวณอื่นๆ เช่น ใต้ตาและร่องแก้ม เทคนิคและเป้าหมายจะมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างใต้ผิวหนังเหมือนกัน เป้าหมายหลักจึงเป็นการ “เติมเต็ม” เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกและความโทรมให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่ทั้งนี้ แพทย์จะยังคงพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละเพศ และใช้เทคนิคการเกลี่ยที่พิถีพิถัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและส่งเสริมเอกลักษณ์ของคนไข้แต่ละคนได้ดีที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย รวมถึงฟิลเลอร์ ที่เป็นกล่องๆ ที่ผ่าน อย. แบบที่เราคุ้นเคยกันนั้นจะค่อย ๆ สลายตัวเองตามกระบวนการปกติของร่างกายค่ะ โดยมีเอนไซม์มาค่อย ๆ ย่อยสลายฟิลเลอร์จนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กมาก ๆ สุดท้ายจะถูกดูดซึมและขับออกจากร่างกายไปตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับของเสียอื่น ๆ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีการตกค้างเป็นอันตราย หรือไหลไปสะสมที่อื่นแน่นอนค่ะ

คนไข้หลายคนเข้าใจว่าตอนแรกฟิลเลอร์มีลักษณะเป็น “เจล” เพราะคลินิกต้องเอาหลอดฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีดอยู่แล้ว และสุดท้ายก็กลายเป็นน้ำ “ถูกขับออกจากร่างกายไป” อันนี้ก็ต้องบอกว่าถูกต้องเหมือนกันค่ะ แต่หมอขอขยายส่วนที่บอกว่ากลายเป็น “น้ำ” นิดนึงค่ะ

จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ HA ไม่ได้สลายตัวกลายเป็น “น้ำ” (H₂O) โดยตรงค่ะ แต่กระบวนการที่ถูกต้องคือ

  1. จากเจลสู่โมเลกุลน้ำตาล: เอนไซม์ในร่างกายจะย่อยสลายเนื้อเจลของฟิลเลอร์ ให้กลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายอยู่ในรูปของ “โมเลกุลน้ำตาล” ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสาร Hyaluronic Acid ค่ะ
  2. ร่างกายนำไปใช้และขับออก: หลังจากนั้น ร่างกายก็จะดูดซึมโมเลกุลน้ำตาลเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือ ขับออกตามกระบวนการขับของเสียปกติของร่างกาย ซึ่งก็คือผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อนั่นเองค่ะ

ดังนั้น ที่คนไข้เข้าใจว่ามันกลายเป็นของเหลวแล้วถูกขับออกนั้นถูกต้องเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้เป๊ะๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็คือ จากเจล กลายเป็นน้ำตาล แล้วจึงถูกขับออก นั่นเองค่ะ

มีอะไรสงสัยถามหมอได้อีกเลยนะคะ ยินดีตอบเสมอค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ

การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น

ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก

พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา

อ่านเพิ่มเติม

การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น

  • เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
  • เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc

การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

120

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Darinda Nina
Darinda Nina
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Lawleit Schneider
Lawleit Schneider
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Jenifer Rich
Jenifer Rich
แนะนำเลย
28/06/2024
google
พิเชฐ ตันเจริญ
พิเชฐ ตันเจริญ
21/06/2024
facebook
Natanicha Charbumrung
Natanicha Charbumrung
แนะนำเลย
16/06/2024
google
นิภาพร บํารุงชาติ
นิภาพร บํารุงชาติ
16/06/2024
google
Darin dada
Darin dada
21/05/2024