ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับรูปหน้าผากนูนสวย รับโหงวเฮ้ง ที่ D' Lovevery Clinic โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปลอดภัย เห็นผลจริง | สาขารามคำแหงและ CDC เลียบด่วน

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ฟิลเลอร์หน้าผาก

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

ฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร ดีอย่างไร ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ติดตามผลการรักษา
เลือกอ่านเนื้อหา

Unlock the new dimension of you.

ปั้นหน้าผากใหม่ให้ละมุน ปรับมิติใบหน้า ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์

หน้าผากที่ได้สัดส่วน โหนกนูนอย่างพอเหมาะ และเรียบเนียน เสริมให้โครงหน้าโดยรวมดูมีมิติและอ่อนเยาว์ D’ Lovevery Clinic เราเข้าใจถึงความต้องการในการปรับรูปหน้าให้สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด โปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากจึงถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความมั่นใจให้คุณ ด้วยเทคนิคขั้นสูงที่เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังให้คำปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์

ไขความลับหน้าผากอิ่มฟู โปรแกรมฟิลเลอร์ทำงานอย่างไร

โปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก คือการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกายของเรา ฉีดเข้าไปบริเวณหน้าผากเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีร่องลึก หรือผิวไม่เรียบเนียน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินโครงสร้างใบหน้าและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด เพื่อปั้นทรงหน้าผากให้โค้งมนสวยงาม สร้างมิติให้ใบหน้าดูละมุนและสมดุลมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัด

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก

ข้อดี

  • เห็นผลทันที สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงหน้าผากได้ทันทีหลังทำ
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ปรับแก้ได้ หากผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อปรับแก้ได้
  • ความเป็นธรรมชาติสูง แพทย์สามารถปั้นแต่งรูปทรงได้อย่างละเอียด ทำให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียนกลมกลืนไปกับผิว
  • กระตุ้นคอลลาเจน สาร HA ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวในระยะยาว

ข้อควรพิจารณา

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติในระยะเวลาประมาณ 12-18 เดือน
  • อาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองในไม่กี่วัน
  • ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์สูง เนื่องจากบริเวณหน้าผากมีเส้นเลือดสำคัญจำนวนมาก การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จึงสำคัญอย่างยิ่ง

หน้าผากแบนเกิดจากอะไรคะหมอ?

โดยปกติแล้ว หน้าผากที่สวยงามตามหลักกายวิภาคคือต้องมีความโค้งมน นูนสวยรับกับจมูกและคาง แต่ในบางท่านอาจมีลักษณะหน้าผากที่แบน หรือแบนจนดูยุบลงไป ซึ่งสาเหตุหลักๆ มีดังนี้ค่ะ

  1. กรรมพันธุ์และโครงสร้างกระดูกแต่กำเนิด
    เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดค่ะ ลักษณะของกระโหลกศีรษะบริเวณหน้าผาก (Frontal Bone) ของเราถูกกำหนดมาโดยพันธุกรรม เหมือนกับที่เรามีสีตาหรือสีผมตามพ่อแม่นั่นเองค่ะ หากคนในครอบครัวมีลักษณะหน้าผากแบน เราก็มีแนวโน้มที่จะมีโครงสร้างหน้าผากแบบเดียวกันได้ค่ะ
  2. การฝ่อตัวของกระดูกและไขมันเมื่ออายุมากขึ้น
    เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติเลยค่ะ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มมีการฝ่อตัวและยุบตัวลงของโครงสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกที่บางลง หรือชั้นไขมันใต้ผิวที่สลายตัวไป บริเวณหน้าผากก็เช่นกันค่ะ จากเดิมที่เคยดูเต็มอิ่ม ก็อาจจะค่อยๆ แบนราบหรือยุบตัวลงได้ ทำให้ใบหน้าดูมีอายุและเหนื่อยล้าค่ะ
  3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะช่วงวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลต่อความหนาแน่นของกระดูกและการสลายของไขมันได้เช่นกัน ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยเสริมที่ทำให้หน้าผากดูแบนลงได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นค่ะ

วิธีเช็กหน้าผากตัวเองง่ายๆ ว่าแบนหรือไม่?

เราสามารถเช็กโครงสร้างหน้าผากของตัวเองได้ง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่ลองหันหน้าเข้ากระจกในมุมด้านข้าง 90 องศา แล้วสังเกตตามนี้ค่ะ

  • วิธีที่ 1: สังเกตความโค้งมนโดยรวม
    มองภาพรวมของหน้าผากตั้งแต่ไรผมลงมาจนถึงหัวคิ้วค่ะ หน้าผากที่ได้สัดส่วนที่ดีควรมีความโค้งนูนออกมาเล็กน้อย ไม่ใช่เป็นระนาบเส้นตรงดิ่งลงมา ถ้ามองแล้วรู้สึกว่าหน้าผากดูตรงๆ ขาดความโค้ง ก็แสดงว่าเรามีลักษณะหน้าผากที่ค่อนข้างแบนค่ะ
  • วิธีที่ 2: ใช้ไม้บรรทัดหรือของที่เป็นเส้นตรงช่วย
    ลองหาไม้บรรทัด ปากกา หรือบัตรแข็งๆ มาทาบเบาๆ ในแนวตั้ง ให้ปลายด้านหนึ่งแตะที่จุดสูงสุดของหน้าผาก (ปกติจะอยู่เหนือคิ้วขึ้นไปเล็กน้อย) และปลายอีกด้านแตะที่หัวคิ้วค่ะ
    • ถ้าหน้าผากโค้งนูน: จะเกิดช่องว่างระหว่างผิวหน้าผากกับไม้บรรทัด
    • ถ้าหน้าผากแบน: ผิวหน้าผากส่วนใหญ่จะแนบสนิทไปกับไม้บรรทัดเลยค่ะ
หน้าผากเว้า เป็นคลื่น ไม่เรียบ มีร่องลึกตรงหัวคิ้ว แก้ไขด้วยฟิลเลอร์ได้ไหม ราคาเท่าไหร่

ร่องลึกเหนือหัวคิ้ว (หน้าผากเว้า) เกิดจากอะไรคะหมอ?

ร่องลึกที่เกิดขึ้นบริเวณเหนือหัวคิ้วโดยตรง ทำให้หน้าผากช่วงนั้นดูยุบหรือเว้าลงไป มีสาเหตุหลักๆ มาจากการผสมผสานกันของโครงสร้างและพฤติกรรมค่ะ

  1. โครงสร้างกระดูกหน้าผากส่วนล่าง (Supraorbital Ridge)
    นี่คือสาเหตุหลักเลยค่ะ คนไข้บางท่านมี กระดูกเบ้าตาส่วนบนหรือบริเวณโหนกคิ้วที่นูนเด่นออกมามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นลักษณะทางกรรมพันธุ์ค่ะ พอโหนกคิ้วเด่นมาก ก็จะยิ่งขับให้บริเวณ “เหนือ” โหนกคิ้วขึ้นไปดูยุบหรือเว้าลงไปโดยเปรียบเทียบ กลายเป็นร่องลึกขึ้นมาค่ะ ลองนึกภาพตามนะคะ เหมือนเรามีภูเขา (โหนกคิ้ว) ที่สูงชัน หุบเขา (ร่องเหนือคิ้ว) ที่อยู่ติดกันก็จะยิ่งดูลึกค่ะ
  2. การยุบตัวของไขมันและกระดูกเฉพาะจุด
    เมื่ออายุมากขึ้น การยุบตัวของกระดูกและการฝ่อตัวของไขมันใต้ผิว อาจเกิดขึ้นไม่เท่ากันทั่วทั้งหน้าผากค่ะ บริเวณเหนือหัวคิ้วก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไขมันมักจะสลายตัวไปได้ง่าย ทำให้เกิดเป็นร่องหรือแอ่งลึกลงไป ในขณะที่หน้าผากส่วนบนอาจจะยังดูเต็มอยู่
  3. การทำงานของกล้ามเนื้อขมวดคิ้ว (Corrugator Muscles)
    กล้ามเนื้อที่ใช้ในการขมวดคิ้วจะอยู่บริเวณหัวคิ้วพอดีค่ะ การขมวดคิ้วบ่อยๆ หรือแสดงสีหน้าเคร่งเครียดเป็นประจำ จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้แข็งแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้น เหมือนการเล่นเวทเลยค่ะ พอกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น ก็จะไปดึงรั้งผิวหนังและไขมันบริเวณนั้น ทำให้เกิดเป็นร่องลึกถาวรขึ้นมาได้ แม้ในเวลาที่เราทำหน้าเฉยๆ ก็ตามค่ะ

วิธีเช็กร่องลึกเหนือคิ้วด้วยตัวเอง

วิธีเช็กก็คล้ายกับการดูหน้าผากแบนเลยค่ะ คือต้องอาศัยมุมมองด้านข้างเป็นหลัก

  • ขั้นตอนที่ 1: หันหน้าด้านข้างเข้าหากระจก
    มองโปรไฟล์หน้าของตัวเองในมุม 90 องศา แล้วสังเกตเส้นเงาที่พาดผ่านหน้าผากค่ะ
  • ขั้นตอนที่ 2: สังเกตความต่อเนื่องของความโค้ง
    ลากสายตาจากหน้าผากส่วนบนลงมาที่หัวคิ้วช้าๆ
    • หน้าผากปกติ: จะมีความโค้งที่ค่อนข้างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อาจจะมีมุมเปลี่ยนเล็กน้อย แต่จะไม่หักมุมชัดเจน
    • หน้าผากมีร่องลึก: จะสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่า บริเวณเหนือหัวคิ้วขึ้นไปเล็กน้อย มีลักษณะ “ยุบ” หรือ “เว้า” เข้าไป เหมือนเป็นแอ่งเล็กๆ ก่อนที่จะนูนออกมาอีกครั้งตรงโหนกคิ้ว ทำให้ความโค้งของหน้าผากดูไม่ต่อเนื่องและไม่เรียบเนียนค่ะ
ฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่เท่ากัน ยุบตัวไม่เท่ากัน ไม่เรียบเนียน แก้ไขได้ ราคาเท่าไหร่

ทำไมหน้าผากสองข้างถึงยุบไม่เท่ากันคะหมอ?

การที่หน้าผากของเราดูไม่สมมาตร หรือมีด้านใดด้านหนึ่งยุบตัวลงไปมากกว่าอีกข้าง จนทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุร่วมกันค่ะ

  1. โครงสร้างกระดูกที่ไม่สมมาตรตั้งแต่กำเนิด (Asymmetry)
    นี่เป็นเรื่องปกติของร่างกายมนุษย์เลยค่ะ ไม่มีใครที่ร่างกายสองซีกจะสมมาตรกัน 100% กระโหลกศีรษะของเราก็เช่นกันค่ะ เป็นไปได้ว่ากระดูกหน้าผากซีกซ้ายและขวาของเราอาจจะมีความหนา, ความโค้ง, หรือตำแหน่งที่แตกต่างกันเล็กน้อยมาตั้งแต่เกิดแล้ว ซึ่งในตอนที่ผิวยังเต่งตึงอาจจะมองไม่เห็น แต่จะมาปรากฏชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นค่ะ
  2. การยุบตัวของไขมันและกระดูกที่ไม่เท่ากัน
    เมื่อเราอายุมากขึ้น การสลายตัวของไขมันและการยุบตัวของกระดูก มักจะไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันและเท่ากันทั้งสองข้างเสมอไปค่ะ อาจมีปัจจัยอื่นๆ มากระตุ้นให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งยุบตัวเร็วกว่า เช่น
    • การนอนตะแคงข้างเดิมเป็นประจำ: การนอนกดทับใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งเป็นเวลานานหลายปี อาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและทำให้ไขมันฝั่งนั้นฝ่อตัวเร็วกว่าอีกข้างได้ค่ะ
    • การถนัดเคี้ยวข้าวข้างเดียว: แม้จะดูไกลตัว แต่การใช้กล้ามเนื้อใบหน้าข้างเดียวเป็นหลัก ก็ส่งผลต่อโครงสร้างโดยรวมในระยะยาวได้เช่นกันค่ะ
  3. การทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่สมดุลกัน
    คนเรามักจะมี พฤติกรรมการแสดงสีหน้าที่ไม่สมมาตร กันอยู่แล้วค่ะ เช่น การยักคิ้วข้างเดียวบ่อยๆ, การเลิกหน้าผากโดยใช้กล้ามเนื้อฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นหลัก เมื่อทำซ้ำๆ กล้ามเนื้อฝั่งที่ใช้งานมากกว่าก็จะแข็งแรงและดึงรั้งผิวหนังมากกว่า ทำให้เกิดร่องหรือรอยยุบที่ชัดกว่าอีกข้างหนึ่งได้ค่ะ

วิธีเช็กความไม่สมดุลของหน้าผาก

การเช็กปัญหานี้อาจต้องใช้การสังเกตที่ละเอียดขึ้นอีกนิดค่ะ

  • ขั้นตอนที่ 1: การมองตรงๆ และการสัมผัส
    ยืนหน้ากระจกตรงๆ ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ แล้วลองใช้ปลายนิ้วมือค่อยๆ ลูบไปทั่วๆ บริเวณหน้าผากทั้งซ้ายและขวาช้าๆ ค่ะ คนไข้จะสามารถรับรู้ได้ถึงความ “ไม่เรียบ” ของผิว อาจจะรู้สึกว่าบางจุดนูน บางจุดยุบ หรือบางทีจะรู้สึกได้เลยว่าฝั่งหนึ่งดู “เต็ม” และ “แน่น” กว่าอีกฝั่งที่รู้สึกยุบลงไป
  • ขั้นตอนที่ 2: การมองในมุมแสงตกกระทบ
    ลองหันหน้าให้แสงไฟส่องมาจากด้านบนศีรษะ หรือหันหน้าเอียงเล็กน้อยให้แสงส่องเฉียงๆ เข้ามาค่ะ แสงและเงาจะช่วยเผยให้เห็นความไม่สม่ำเสมอของผิวหน้าผากได้ชัดเจนที่สุด คนไข้จะมองเห็นเลยว่าหน้าผากไม่ได้เรียบเนียนเป็นผิวเดียวกัน แต่มีลักษณะเป็นคลื่น มีรอยบุ๋ม หรือมีเงาตกกระทบในจุดที่ยุบตัวลงไป ซึ่งอาจจะเห็นชัดแค่ข้างใดข้างหนึ่ง หรือเป็นทั้งสองข้างแต่ไม่เท่ากันค่ะ

การมีหน้าผากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใดนะคะ เป็นเพียงลักษณะโครงสร้างรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่หากคนไข้รู้สึกว่าปัญหานี้ทำให้ใบหน้าดูขาดมิติ ไม่สดใส หรือไม่มั่นใจ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอเพื่อใช้วิธีทางการแพทย์อย่างการ “ฉีดฟิลเลอร์” เพื่อปรับแก้ให้หน้าผากกลับมาโค้งมนสวยงาม รับกับใบหน้าโดยรวมได้ค่ะ

Prosperity Forehead / The Billionaire's Forehead สัดส่วนหน้าผาก สัดส่วนใบหน้า ที่สมส่วน มีมิติ

ปัญหาหน้าผากแต่ละแบบ ควรใช้ฟิลเลอร์หรือไขมันปริมาณเท่าไหร่

ปริมาณที่ใช้นั้นเป็นการประเมินเบื้องต้น และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โครงสร้างใบหน้า และความต้องการของผู้รับบริการเป็นสำคัญ

ลักษณะปัญหา
หน้าผาก
ปริมาณฟิลเลอร์ (CC) ปริมาณไขมัน (CC)คำอธิบายเพิ่มเติม
หน้าผากแบน ขาดมิติ2 – 5 CC20 – 40 CCเพื่อสร้างความโหนกนูนให้หน้าผากดูมีมิติสวยงาม รับกับจมูกและคาง
หน้าผากยุบ บุ๋มเป็นบางจุด1 – 3 CC10 – 20 CCเป็นการเติมเฉพาะส่วนที่ยุบหรือเป็นแอ่งให้เต็มขึ้น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ
มีร่องลึกเหนือคิ้ว1 – 2 CC10 – 15 CCเพื่อเติมเต็มร่องที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกหรือไขมัน ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
ขมับตอบ ขมับยุบ1 – 3 CC
(ต่อข้าง)
10 – 20 CC
(ต่อข้าง)
การเติมขมับช่วยให้กรอบหน้าดูเต็มสวยงาม และใบหน้าโดยรวมดูหวานละมุนขึ้น
ต้องการปรับโหงวเฮ้ง2 – 4 CC20 – 30 CCเน้นการเติมในตำแหน่งที่ช่วยส่งเสริมโหงวเฮ้ง เช่น ความนูน กว้าง และความเรียบเนียน
เรื่องโหงวเฮ้ง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล จำนวนและผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

ตารางเปรียบเทียบ ฟิลเลอร์หน้าผาก vs ฉีดไขมันหน้าผาก

หัวข้อเปรียบเทียบโปรแกรมฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid)การฉีดไขมัน (Fat Grafting)
ที่มาของสารที่ใช้สารสังเคราะห์เลียนแบบสารในร่างกาย (HA)ไขมันจากร่างกายของตัวเอง (เช่น จากหน้าท้อง ต้นขา)
ขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อน ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีซับซ้อนกว่า ต้องมีขั้นตอนดูดไขมันและปั่นแยกเซลล์ก่อนนำมาฉีด
การพักฟื้นไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย 2-3 วันต้องพักฟื้น ทั้งบริเวณที่ฉีดและบริเวณที่ดูดไขมัน มีอาการบวมช้ำนานกว่า
ความแม่นยำ/การปั้นทรง⭐⭐⭐⭐⭐
ปั้นทรงได้ละเอียด คมชัด แม่นยำสูง
⭐⭐⭐
ควบคุมผลลัพธ์ได้ยากกว่า อาจไม่เรียบเนียนเท่าฟิลเลอร์
ผลลัพธ์หลังทำทันทีเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนทันทีจะบวมมากในช่วงแรก และไขมันจะมีการสลายตัวบางส่วน ต้องรอ 1-3 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์สุดท้าย
ระยะเวลาของผลลัพธ์ประมาณ 12-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์และการดูแล)หากไขมันติดแล้วจะให้ผลลัพธ์กึ่งถาวร แต่คาดการณ์ผลได้ยาก
ความปลอดภัยปลอดภัยสูง สลายได้เองตามธรรมชาติ หรือฉีดสลายได้หากไม่พอใจต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานสูง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ความเหมาะสมผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง ปรับรูปทรงเฉพาะจุด ไม่ต้องการพักฟื้นนานผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น และมีไขมันส่วนเกินเพียงพอให้ดูดออกมาใช้
ฉีดไขมันหน้าผาก vs ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเท่าไหร่ ต่างกันตรงไหนบ้าง ข้อดีข้อเสีย
  • การฉีดไขมัน จะต้องมีการดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาใช้ และปริมาณที่ฉีดเข้าไปจะต้องเผื่อการสลายตัวของไขมันส่วนหนึ่ง (ประมาณ 30-50%) ด้วย จึงต้องใช้ปริมาณ CC ที่เยอะกว่าฟิลเลอร์เสมอ
  • การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีคือสามารถใช้ปริมาณน้อยๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันทีหลังทำ

เลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะ ปั้นหน้าผากสวยละมุนเป็นธรรมชาติ

การเลือกฟิลเลอร์สำหรับบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นผิวหนังที่บางและมีการขยับของกล้ามเนื้อตลอดเวลา ควรเน้นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลเรียบเนียน ยืดหยุ่นสูง และไม่เป็นก้อนง่าย เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

ยี่ห้อฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสำหรับหน้าผากลักษณะโมเลกุล/เนื้อฟิลเลอร์จุดเด่นของรุ่น
Juvederm (อเมริกา)Volbella / Voliftเนื้อนิ่ม เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นสูง (เทคโนโลยี Vycross)Volbella เนื้อจะนิ่มมาก เหมาะสำหรับเก็บรายละเอียด ให้ผิวเรียบเนียน ส่วน Volift จะมีเนื้อที่ฟูขึ้นมาเล็กน้อย เหมาะกับการเติมร่องลึกและปรับความโค้งมน
Restylane (สวีเดน)Volyme / Refyneเนื้อเจลมีความคงตัวและยืดหยุ่น สามารถยกพยุงผิวได้ดี (เทคโนโลยี OBT)Volyme ให้ปริมาตรความฟูได้ดี เหมาะกับเคสหน้าผากแบนที่ต้องการความโหนกนูน ส่วน Refyne มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมในจุดที่มีการขยับบ่อยๆ
Lorient (เกาหลี)No. 4เนื้อเจลมีความหนืดปานกลาง ให้วอลลุ่มแบบพอดีและให้ความชุ่มชื้นเหมาะสำหรับการเติมเต็มหน้าผากให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องการวอลลุ่มที่มากเกินไป ให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียบเนียนและชุ่มชื้น
Flore (เกาหลี)Max / Aqua-Sเนื้อเจลมีความหนืดและปั้นทรงง่าย แต่ยังคงความเรียบเนียนให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ และมีราคาที่เข้าถึงง่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม
Ultra V Hyal Filler (เกาหลี)Mediumเนื้อเจลมีโมเลกุลขนาดเล็ก มีความละเอียด เรียบเนียนเป็นพิเศษเหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยเล็กๆ หรือเติมเต็มผิวชั้นตื้นให้ดูเรียบเนียนขึ้น ไม่เน้นการเพิ่มปริมาตรมากนัก แต่จะเน้นเรื่องความละเอียดของผิว
ข้อมูลนี้มิได้เจตนาโฆษณายี่ห้อฟิลเลอร์ แต่เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของคนไข้ ก่อนตัดสินใจรับบริการ
ฉีดฟิลเลอร์ หมอไหนดี ฉีดคลินิกไหนดี ดีเลิฟเวอรี่คลินิก มี 2 สาขา The Paseo Town รามคำแหง และ cdc เลียบด่วน รามอินทรา

ข้อแนะนำเพิ่มเติม การจะเลือกรุ่นไหนหรือยี่ห้อใดนั้น ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน ตามสภาพปัญหาผิว โครงสร้างใบหน้า และผลลัพธ์ที่คาดหวังของแต่ละบุคคล เพราะแพทย์จะสามารถเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้ดีที่สุดค่ะ

มองต่างกัน...แต่สวยอย่างปลอดภัย ปรับรูปหน้าที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก หมอต้าร์
มองต่างกัน…แต่เป้าหมายเดียวกัน คือสวยอย่างปลอดภัย

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของหน้าผากชาย-หญิง

ลักษณะ (Feature)หน้าผากผู้ชาย (Male Forehead)หน้าผากผู้หญิง (Female Forehead)
1. ความกว้างและรูปทรงกว้างกว่า, มีความเป็นเหลี่ยม (Square) ชัดเจนแคบกว่าเล็กน้อย, มีความโค้งมน (Rounded)
2. ความลาดชัน (Slope)มีความลาดเอียงไปด้านหลังมากกว่า (Sloping)มีความตั้งชัน, ดูตรงและเรียบเนียน (Vertical & Flat)
3. โหนกคิ้ว (Brow Bone)เด่นชัดมาก, กระดูกโหนกคิ้วหนาและยื่นออกมาเรียบเนียน หรือนูนออกมาเพียงเล็กน้อย กลืนไปกับหน้าผาก
4. จุดนูนของหน้าผากมักจะเรียบแบน หรืออาจมีส่วนนูนบริเวณเหนือโหนกคิ้วมีความนูนโค้งมนสวยงามบริเวณกลางหน้าผาก (Frontal Eminence)
5. กรอบผม (Hairline)มักเป็นรูปตัว M (M-Shape) มีเว้าลึกบริเวณขมับมักเป็นรูปโค้งมนคล้ายระฆังคว่ำ (Bell-Shape)
6. ความสูงโดยทั่วไปจะสูงกว่าเล็กน้อย (วัดจากคิ้วถึงไรผม)โดยทั่วไปจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

แม้ว่าโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีเงื่อนไขและข้อควรระวังสำหรับบุคคลบางกลุ่ม เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจไม่เหมาะสมกับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้

กลุ่มที่มีข้อห้ามทางการแพทย์โดยเด็ดขาด

  1. ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาวิจัยที่รับรองความปลอดภัยของฟิลเลอร์ต่อทารกในครรภ์และทารกที่ดื่มนมมารดา จึงควรงดเว้นการทำหัตถการนี้โดยเด็ดขาด
  2. ผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือยาชา เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์และยาชาที่ใช้ก่อนทำหัตถการ หากมีประวัติแพ้ควรหลีกเลี่ยงทันที
  3. ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือกำลังรับประทานยาในกลุ่มนี้ (เช่น Warfarin) มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการเลือดออกหรือห้อเลือดรุนแรงบริเวณที่ฉีด
  4. ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases) โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรค SLE, Scleroderma หรือกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนตัดสินใจ เพราะการฉีดฟิลเลอร์อาจกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบได้

กลุ่มที่ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

  1. ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่ผิวหนังบริเวณหน้าผาก เช่น มีสิวอักเสบจำนวนมาก เป็นโรคเริม หรืองูสวัดบริเวณใบหน้า ควรรักษาอาการติดเชื้อให้หายสนิทเสียก่อน เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อโรค
  2. ผู้ที่มีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่ไม่สมจริง ผู้ที่คาดหวังว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกได้อย่างถาวร หรือต้องการผลลัพธ์ที่เกินกว่าความเป็นไปได้ทางกายภาพ อาจไม่เหมาะกับหัตถการนี้ การปรึกษาเพื่อทำความเข้าใจขอบเขตของผลลัพธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
  3. ผู้ที่เคยเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนเหลว การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่เคยมีซิลิโคนเหลวมาก่อน มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการอักเสบ ปฏิกิริยาต่อต้าน หรือเกิดพังผืดที่ผิดปกติได้
  4. ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือมีอุบัติเหตุรุนแรงบริเวณหน้าผาก เนื่องจากโครงสร้างใต้ผิวหนังอาจมีพังผืดหรือเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์และเพิ่มความเสี่ยงในการฉีดได้

การให้ข้อมูลที่จริงใจและตรวจสอบข้อห้ามต่างๆ ก่อนทำหัตถการ คือมาตรฐานความปลอดภัยที่ D’ Lovevery Clinic ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกค่ะ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำฟิลเลอร์หน้าผาก

ข้อสงสัยคำอธิบายและคำแนะนำระดับผลกระทบ/ระยะเวลา
อาการบวมอาจมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย⭐⭐
(บวมเล็กน้อย 2-3 วัน)
ความเจ็บรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะเดินยา แต่จะมีการแปะยาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความรู้สึก
(เจ็บน้อย)
เทียบกับการฉีดไขมันฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่า ปั้นทรงได้ง่ายกว่า และไม่ต้องพักฟื้นนาน⭐⭐⭐⭐
(แตกต่างชัดเจน)
เทียบกับการเสริมซิลิโคนฟิลเลอร์มีความเสี่ยงน้อยกว่า ดูเป็นธรรมชาติกว่า และสามารถปรับแก้ได้ง่ายหากไม่พอใจ⭐⭐⭐⭐⭐
(แตกต่างมาก)

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ควรเตรียมตัวดังนี้

  • งดยากลุ่มต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน, NSAIDs รวมถึงวิตามินและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 7 วันก่อนรับบริการ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่รับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบโดยละเอียด
  • ในวันที่นัดหมาย ควรพักผ่อนให้เพียงพอและงดการแต่งหน้า

การดูแลตัวเองหลังรับบริการ

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้นและคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด หรือขยับใบหน้าแรงๆ บริเวณหน้าผาก ในช่วง 3-5 วันแรก
  • งดการออกกำลังกายอย่างหนัก การเข้าซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสัมผัสความร้อนสูงประมาณ 3 วัน
  • พยายามหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำและฟูสวยยิ่งขึ้น
  • งดการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่มีความร้อนลงสู่ชั้นผิวลึกบริเวณหน้าผากเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเท่าไหร่

ราคาของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลักๆ ได้แก่

  • ปริมาณฟิลเลอร์ (CC) ที่ใช้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา
  • ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกัน
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์และมาตรฐานของคลินิก
  • ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก พบแพทย์ประจำ ปรึกษา สอบถามให้แน่ใจ ก่อนตัดสินใจรับบริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ฟิลเลอร์ราคา คลินิกฉีดฟิลเลอร์ เลียบด่วน รามอินทรา ดีเลิฟเวอรี่คลินิก อย. แท้ทุกกล่อง

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและไว้วางใจได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณในทุกๆ ด้าน

  • เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
  • สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
  • จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
  • ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
  • รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
  • แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
  • คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
  • โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้
ดีเลิฟเวอรี่คลินิก รับชำระด้วย Shopee SPayLater

นัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

  • D’ Lovevery Clinic สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
  • D’ Lovevery Clinic สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546
dlovevery-clinic

มันมีงานวิจัยที่ชัดเจนและมีมานานแล้วค่ะ การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสีย Zinc (สังกะสี) ซึ่งจากการศึกษาพบว่าระดับ Zinc ที่ต่ำอาจลดประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ลงได้ถึง 30%

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและสร้างอนุมูลอิสระที่เร่งการสลายของตัวยาค่ะ ถ้าเทียบระยะเวลาที่จะ “หายไป” ให้เห็นภาพชัดเจนคือ

  • โบท็อกซ์: จากมาตรฐานอยู่ได้ 4-6 เดือน ฤทธิ์ยาอาจคลายตัวไวขึ้น เหลือเพียง 3-4 เดือน (หายไปประมาณ 1 เดือน)
  • ฟิลเลอร์: จากรุ่นมาตรฐานทั่วไปที่อยู่ได้ 8-12 เดือน อาจจะยุบตัวและสลายไวเหลือเพียง 6-9 เดือน (หายไปถึง 2-3 เดือน)

ดังนั้น ถ้าคนไข้ไม่อยากให้ความหล่อ-ความสวยที่ลงทุนไปหลักหมื่น อยู่กับเราสั้นลงแบบน่าเสียดาย หมอแนะนำให้ลดปริมาณการดื่มลงและดื่มน้ำเปล่าชดเชยให้มากๆ จะช่วยยืดอายุยาได้ และยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วยนะคะ 🙂

อ่านเพิ่มเติม

จริงๆ แล้วผิวสุขภาพดีไม่ได้ต้องการการบำรุงที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน แต่ต้องการ ความสม่ำเสมอใน 3 พื้นฐานหลัก (The Skin Trinity) เท่านั้นค่ะ คือ การทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน เพื่อไม่ให้ทำร้ายเกราะป้องกันผิว, การเติมความชุ่มชื้น (Moisturizer) เพื่อเสริมสร้าง Skin Barrier ให้แข็งแรงกักเก็บน้ำได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือ การทากันแดดในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อป้องกันการถูกทำลายจากรังสี UV หากทำพื้นฐานเหล่านี้ได้ดี ผิวคนไข้จะแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิวและริ้วรอยได้ดีกว่าการใช้สกินแคร์หลายตัวแต่ขาดพื้นฐานที่ถูกต้องค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ยังมีคนไข้อีกมากที่ยังเข้าใจเรื่องนี้ผิดอยู่นะคะ หมออธิบายรวบเลย ทั้งคนยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ หรืออยากจะฉีดครั้งแรก

การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ทำให้เกิดแผลเป็นถาวรค่ะ เพราะใช้เข็มขนาดเล็กมาก รอยที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียง จุดแดงเล็กๆ (Needle marks) ซึ่งจะปิดสนิทและจางหายไปเองภายใน 2-3 วัน สนิทแบบเหมือนไม่เคยทำอะไรกับผิวบริเวณนั้นๆเลย หรือหากมีรอยเขียวช้ำบ้างก็จะหายสนิทใน 7-14 วัน สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้เทคนิค เข็มทู่ (Cannula) เพื่อลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และหากคนไข้มีประวัติเป็น คีลอยด์ (Keloid) ง่าย ต้องแจ้งแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดแผลในจุดเสี่ยง เพียงเท่านี้คนไข้ก็จะมีผิวสวยอิ่มฟูโดยไร้รอยแผลกวนใจค่ะ

จากการศึกษาทางการแพทย์ ผิวหนังชั้นบน (Epidermis) จะสมานตัวปิดรูเข็มอย่างสมบูรณ์ภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังทำหัตถการ ทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็นลดลงเกือบ 0%

อ่านเพิ่มเติม

ตอบแบบเอาความจริงมาพูดกันคือ เปลี่ยน แต่ต้องเป็น 2 จุดนี้เท่านั้นถึงจะดูเปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัด คือ คาง หรือปากค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณ 1cc (เท่ากับลูกบลูเบอร์รี่ 1 ลูก) สามารถ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้เฉพาะจุดเล็กๆ เช่น การปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่ม การเติมคางให้หน้าดูเรียวขึ้น ถ้าเอาไปเติมจุดอื่นหมอบอกเลยว่าจะดูไม่ค่อยเปลี่ยน ใต้ตาก็ต้องมีสักข้างละ 1cc ขมับ ร่องแก้มก็เช่นกัน ปัญหาแต่ละจุดมันมี Minimum ของเขาอยู่ว่าใช้เท่าไหร่ถึงจะเห็นผลได้ชัดเจน ไม่ว่าจะฉีดด้วยเทคนิคไหนก็ตาม จำนวนคือตัวแปรสำคัญของผลลัพธ์ ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ที่ผ่านเคสผ่านปัญหาใบหน้ามาเยอะ มีรีวิวชัดเจน มีประสบการณ์สูง เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาจริงจึงสำคัญที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ฟิลเลอร์เกาหลีที่นำเข้าถูกต้องและผ่าน อย. ไทย มีคุณภาพดีพอและความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เหมือนแบรนด์ยุโรปเลยค่ะ กระบวนการ สิทธิบัตรเทคโนโลยีอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่เหตุผลด้านราคานั้นเป็นเรื่องของ กลยุทธ์ทางการตลาด ล้วนๆ ค่ะ ต้องเข้าใจว่าแบรนด์จากยุโรปหรืออเมริกาคือ “เจ้าตลาด” ที่อยู่มานานและมีต้นทุนแบรนด์ดิ้งกับการวิจัยที่ลงทุนไปมหาศาล ในขณะที่แบรนด์เกาหลีถือเป็น “ผู้เล่นหน้าใหม่” ที่เข้ามาในตลาดทีหลัง การตั้งราคาให้เข้าถึงง่ายจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และเข้ามาแข่งขันในตลาดค่ะ ดังนั้น ราคาที่เป็นมิตรกว่าจึงไม่ได้หมายความว่าคุณภาพด้อยกว่า แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้ยังคงเป็นการ เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอ เชื่อถือได้ ประเมินผิวตามปัญหา วางแผนการรักษาให้คนไข้เห็นภาพตั้งแต่ยังไม่ลงมือรักษา และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ ตรงนี้ที่เป็นหัวใจสำคัญค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หลายครั้งหลายคราที่เวลาฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้ ถ้าเจอเคสสอดเข็มปลายทู่ยากๆ บวกกับหมออยากให้คนไข้ผ่อนคลาย หมอก็จะพูดว่า “คนไข้หนังเหนียวเหมือนกันนะคะเนี่ย” แต่ในความอารมณ์ขันนี้ก็มีความจริงด้านกายวิภาคซ่อนอยู่ เพราะคำว่า “หนังเหนียว” ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึงผิวที่ยืดหยุ่นดี

แต่หมายถึงผิวที่มีชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ที่หนาแน่น ทำให้การสอดเข็มปลายทู่เข้าไปทำได้ยากกว่าปกติ เนื่องจากเข็มต้องใช้แรงมากกว่าในการแหวกผ่านเนื้อเยื่อ

การที่หมอพูดแบบนี้เป็นการสื่อสารว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและแม่นยำ และที่สำคัญคือเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ลดความกังวลของคนไข้ขณะทำหัตถการ การใช้เข็มทู่นี้เป็นเทคนิคที่แพทย์ที่มีประสบการณ์เลือกใช้เพื่อลดอาการข้างเคียงต่างๆได้ เช่น ร่นระยะเวลาการบวมช้ำ หรือแทบไม่ช้ำเลยได้ ฯลฯ

อ่านเพิ่มเติม

“Facial Harmony Filler” ไม่ใช่เทคนิคที่เป็นความลับหรือมีใครเป็นเจ้าของค่ะ แต่มันคือ “ปรัชญา” และ “ศิลปะ” ในการปรับรูปหน้า ที่เปลี่ยนมุมมองจากการ “เติมเป็นจุดๆ” มาเป็นการ “ปั้นและออกแบบใบหน้าแบบองค์รวม” ค่ะ หัวใจสำคัญคือการที่แพทย์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและสร้างความสมดุลให้ทุกส่วนประกอบบนใบหน้าดูกลมกลืนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่คือการ คืนความอ่อนเยาว์ สร้างมิติที่สวยงาม และดึงความงามในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุดของคนไข้ ออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการย้ำเตือนให้คนไข้เข้าใจว่า การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์อย่างแท้จริงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

60

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

google
Thakrit Komolvadhin
Thakrit Komolvadhin
03/12/2025
facebook
Darinda Nina
Darinda Nina
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Lawleit Schneider
Lawleit Schneider
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Jenifer Rich
Jenifer Rich
แนะนำเลย
28/06/2024
google
พิเชฐ ตันเจริญ
พิเชฐ ตันเจริญ
21/06/2024
facebook
Natanicha Charbumrung
Natanicha Charbumrung
แนะนำเลย
16/06/2024
google
นิภาพร บํารุงชาติ
นิภาพร บํารุงชาติ
16/06/2024