สวยเป็นธรรมชาติ=แพทย์ที่ใช่+ฟิลเลอร์ที่ถูกรุ่น+ปริมาณที่พอดี
คุณผู้หญิงคนไหนที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหาฟิลเลอร์หลังจากไปฉีดมาจากที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์เป็นก้อน ผิดรูป ไม่เป็นธรรมชาติ หรือรู้สึกไม่มั่นใจ เราเข้าใจความรู้สึกกังวลใจเหล่านี้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะ “Every problem has a solution. You just have to be brave enough to find it.” การปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญคือทางออกที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้เรากลับมาสวย มั่นใจได้อีกครั้งค่ะ

การแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ ทำได้ทั้งฉีดสลายและขูด
เมื่อเกิดปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ มีสองวิธีหลักในการแก้ไขคือ “การฉีดสลายฟิลเลอร์” และ “การขูดฟิลเลอร์” ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อบ่งใช้และกระบวนการที่แตกต่างกัน
- การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร และเหมาะกับสาวๆ แบบไหน
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นการใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase HYAL) เพื่อย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย เอนไซม์จะเข้าไปลดการกักเก็บน้ำ ไขมัน และทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้โมเลกุลฟิลเลอร์สลายตัวกลายเป็นน้ำและสารอื่นๆ ที่ร่างกายสามารถดูดซึมและกำจัดออกได้อย่างปลอดภัย
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟิลเลอร์เป็นก้อน ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ ต้องการแก้ไขรูปหน้า หรือมีอาการแพ้ฟิลเลอร์แท้ เช่น บวมแดง คัน - การขูดฟิลเลอร์คืออะไร ต้องทำเมื่อไหร่ดีนะ
การขูดฟิลเลอร์เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ผิวหนังออกด้วยวิธีทางกายภาพ มักจะทำเมื่อฟิลเลอร์ก่อให้เกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลย้อย อักเสบติดเชื้อ หรือในกรณีที่ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปลอม (ซิลิโคนเหลว พาราฟิน) ซึ่งเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสไม่สามารถสลายได้
ฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอม ต่างกันยังไงนะ และแก้ไขยังไงดี
การทำความเข้าใจประเภทของฟิลเลอร์ที่ฉีดไปมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเลือกวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม
- ฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) สลายได้เอง แถมยังฉีดสลายได้ 100% เลยนะ
ฟิลเลอร์แท้ชนิดกรดไฮยาลูรอนิกสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ หากต้องการให้สลายเร็วขึ้น สามารถฉีดสลายด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ซึ่งสามารถสลายได้หมด 100% และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว - ระวังฟิลเลอร์ปลอม (ซิลิโคนเหลว, พาราฟิน) เอนไซม์สลายไม่ได้ ต้องขูดออกเท่านั้นจ้ะ
ฟิลเลอร์กึ่งถาวรและฟิลเลอร์ถาวร เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน จะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติหรือไม่ตอบสนองต่อเอนไซม์ Hyaluronidase หากฉีดสารเหล่านี้เข้าไปและเกิดปัญหา การแก้ไขมักจะต้องใช้วิธีขูดออกหรือผ่าตัดเท่านั้น และอาจไม่สามารถกำจัดออกได้หมด 100% เนื่องจากบางส่วนอาจผสานกับเนื้อเยื่อภายในไปแล้ว


สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าเราต้องแก้ไขฟิลเลอร์
มีหลายสาเหตุที่ทำให้ต้องพิจารณาแก้ไขฟิลเลอร์ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
- อาการแบบไหนที่ต้องขูดหรือฉีดสลายฟิลเลอร์ออกบ้าง
- บวม แดง อักเสบ หรือติดเชื้อ หากบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวม แดง ร้อน หรือติดเชื้อ อาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ หรือฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน
- ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง หรือไม่สลายตัว ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแข็ง ไม่สามารถนวดให้เรียบได้ หรือไหลย้อยผิดรูป เป็นสัญญาณว่าฟิลเลอร์ไม่ได้สลายตัวตามธรรมชาติ หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม
- ฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง ทำให้ใบหน้าผิดรูป หรือเกิดความไม่สมมาตร
- ฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม หากทราบว่าฉีดฟิลเลอร์ปลอม (เช่น ซิลิโคนเหลว) แม้ยังไม่มีอาการรุนแรง ก็ควรพิจารณาแก้ไข เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังและกำจัดได้ยากขึ้นหากปล่อยไว้นาน
- อันตรายที่เราต้องรู้ จากฟิลเลอร์ปลอมและสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย เช่น การติดเชื้อ อักเสบรุนแรง แพ้รุนแรง (Anaphylactic Shock) การอุดตันหลอดเลือด เกิดแผลเป็น เป็นก้อนแข็ง ทำให้เนื้อตาย หรือเกิดพังผืด หากไม่มีอาการแสดงในระยะแรก อาจยิ่งอันตราย เพราะฟิลเลอร์ปลอมจะทำลายโครงสร้างใบหน้า เกิดเนื้องอกหรือก้อนเนื้อแปลกปลอม และมีการติดเชื้อรุนแรงได้ในระยะยาว - ทำไมนะ ฟิลเลอร์ของเราถึงเป็นก้อนหรือไม่สวย
ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือไม่สวยงามอาจเกิดจากหลายสาเหตุ- คุณหมอขาดประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดตื้นเกินไปในผู้ที่มีผิวบาง ทำให้เห็นฟิลเลอร์เป็นก้อนชัดเจน
- เลือกใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท การนำฟิลเลอร์เนื้อแข็งมาฉีดในบริเวณผิวตื้น หรือบริเวณที่มีการขยับบ่อย เช่น ใต้ตาหรือริมฝีปาก อาจทำให้เกิดการเป็นก้อน
- ใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป การใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินความจำเป็นในบริเวณเล็กๆ อาจทำให้เกิดการสะสมเป็นก้อน หรือดูบวมผิดธรรมชาติ

จุดไหนบ้าง ที่เจอปัญหา ต้องฉีดสลายบ่อย
ฟิลเลอร์สามารถฉีดสลายหรือขูดออกได้ทุกจุดที่เป็นฟิลเลอร์แท้ (HA) โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่มักพบปัญหาบ่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ
- ฟิลเลอร์คาง ปัญหาคางเบี้ยว เสียทรง แก้ไขได้
หากฟิลเลอร์คางเป็นก้อน แข็ง หรือผิดรูปทรง ทำให้คางเบี้ยว เสียทรง ดูไม่เป็นธรรมชาติ และไม่สามารถฉีดสลายได้ อาจต้องขูดออก - ฟิลเลอร์จมูกเคลื่อนที่ เป็นก้อน ทำยังไงดี
ฟิลเลอร์จมูกที่ฉีดผิดตำแหน่งหรือเคลื่อนตัวจนเป็นก้อน อาจต้องขูดออกก่อนแก้ไขด้วยวิธีอื่น - ปัญหาฟิลเลอร์ปาก บวม ไม่สมมาตร
หากฟิลเลอร์ปากมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่สมมาตร หรือเป็นก้อน สามารถฉีดสลายเพื่อแก้ไขรูปทรงได้ - ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน นูน ไม่เรียบเนียน แก้ไขยังไงให้สวย
เป็นจุดที่มักพบปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นไต นูนเห็นเป็นลำบ่อยที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เป็นวิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดและได้ผลดี - ฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ขมับ และหน้าผาก ถ้ามีปัญหาต้องแก้ไข
หากเกิดปัญหาเป็นก้อนหรือไม่เป็นธรรมชาติ สามารถขูดออกหรือสลายได้ในบริเวณร่องแก้ม การขูดหรือสลายฟิลเลอร์ในบริเวณขมับและหน้าผากจะทำในกรณีที่เป็นก้อน แข็งตัว หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เอง โดยเฉพาะหน้าผากเป็นตำแหน่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีเส้นเลือดและเส้นประสาทที่สำคัญอยู่มาก - แก้มส้ม ดอลลี่อาย ถ้าไม่ธรรมชาติ แก้ไขได้
แม้จะไม่ใช่คำเรียกทางการแพทย์ แต่ปัญหาฟิลเลอร์บริเวณแก้มส้ม (โหนกแก้ม) หรือดอลลี่อาย (ถุงใต้ตาที่ทำให้ดูตากลมโต) หากฉีดแล้วเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติ มักจะเข้าข่ายปัญหาเดียวกับฟิลเลอร์ใต้ตาหรือร่องแก้ม ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์หรือขูดออก ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และอาการ
pie
title จุดสลายฟิลเลอร์ยอดนิยม
"ติ่งปากบน" : 45
"ใต้ตา" : 35
"ร่องแก้ม" : 30
อ้างอิงข้อมูลคนไข้ดีเลิฟเวอรี่คลินิก ตั้งแต่ปี 2022-2025
ทำไม 3 จุดนี้รับเคสฉีดสลายบ่อยที่สุด?
ทั้งสามจุดนี้ ได้แก่ ติ่งปากบน, ใต้ตา, และร่องแก้ม เป็นบริเวณที่คลินิกมักจะได้รับเคสแก้ไขสลายฟิลเลอร์จากที่อื่นมากที่สุด ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้ค่ะ:
- ติ่งปากบน (Cupid’s Bow/Lip Border):
- ความต้องการรูปทรงที่ชัดเจนแต่เป็นธรรมชาติ: คนไข้มักต้องการให้ขอบปากดูอวบอิ่ม มีกระจับที่ชัดเจน แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ
- การฉีดที่ผิดพลาดเห็นได้ชัด: หากฉีดมากเกินไป, ไม่สมดุล หรือเทคนิคไม่ดี จะทำให้ปากดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า “ปากเป็ด” (duck lips) ซึ่งเป็นที่สังเกตได้ง่ายมาก
- ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้: หากฉีดในชั้นที่ไม่เหมาะสม ฟิลเลอร์อาจมีการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณเหนือริมฝีปาก ทำให้ดูเหมือนมี “หนวด” หรือร่องปากดูตื้นและไม่สวยงาม
- ใต้ตา (Tear Trough/Undereye):
- ความละเอียดอ่อนของผิวหนัง: บริเวณใต้ตามีผิวหนังที่บางและละเอียดอ่อนมาก จึงต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะและเทคนิคการฉีดที่ประณีต
- โอกาสเกิดผลข้างเคียงสูง: หากฉีดผิดชั้น, มากเกินไป หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหา Tyndall Effect (เห็นฟิลเลอร์เป็นสีน้ำเงิน/เขียว), การบวมค้าง, เป็นก้อน, หรือดูไม่เป็นธรรมชาติได้ง่าย
- ต้องการความเชี่ยวชาญสูง: การฉีดใต้ตาเป็นหนึ่งในจุดที่ยากที่สุด ต้องใช้ความเข้าใจกายวิภาคและประสบการณ์ของแพทย์สูงมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ
- ร่องแก้ม (Nasolabial Folds):
- การฉีดที่ทำให้ดูบวม: หากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในชั้นที่ตื้นเกินไป อาจทำให้บริเวณร่องแก้มดูนูน บวม และไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า
- ความต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: คนไข้ต้องการให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การทำให้ร่องแก้มหายไปจนหน้าดูแบนราบ หรือแข็งทื่อ
- ฟิลเลอร์อาจกองรวมกัน: ในบางกรณี ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอาจมีการรวมตัวกันเป็นก้อน ทำให้เกิดความไม่เรียบเนียนหรือเป็นแนวชัดเจนบริเวณร่องแก้ม

ตารางเปรียบเทียบ ผลที่จะเกิดขึ้นหากปล่อยฟิลเลอร์และสารแปลกปลอมทิ้งไว้ในร่างกาย
| กรณี | ฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid – HA) | สารเหลว/ฟิลเลอร์ปลอม (ซิลิโคนเหลว, พาราฟิน) |
|---|---|---|
| เมื่อเวลาผ่านไป | สลายไปเองตามธรรมชาติ 100% ภายใน 1-2 ปี ไม่ตกค้าง | ไม่สลายไปไหน ยังคงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต |
| ผลกระทบต่อผิว | อาจเกิดการคล้อยตัวลงตามแรงโน้มถ่วงเล็กน้อยเมื่อใกล้สลายหมด แต่ไม่ทำลายเนื้อเยื่อเดิม | – ไหลย้อยไปบริเวณอื่น ทำให้รูปหน้าผิดเพี้ยน – จับตัวเป็นก้อนแข็ง ผิวหนังขรุขระ – เกิดพังผืดรัดตัว ทำให้เนื้อเยื่อผิดรูป |
| การอักเสบ | มีโอกาสเกิดการอักเสบน้อยมาก หากฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน | – เกิดการอักเสบเรื้อรังได้ตลอดเวลา – อาจติดเชื้อรุนแรงจนเป็นหนอง – ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนสี (แดง, คล้ำ) |
| การรักษา/แก้ไข | ฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เห็นผลเร็วใน 24-72 ชั่วโมง และสามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ | ไม่สามารถฉีดสลายได้ การรักษาทำได้เพียง – การผ่าตัดขูดออก: ซึ่งไม่สามารถเอาออกได้ 100% และเสี่ยงต่อการทำลายเนื้อเยื่อปกติ – การใช้เลเซอร์: เพื่อสลายบางส่วนและลดการอักเสบ – การฉีดสเตียรอยด์: เพื่อควบคุมการอักเสบ |
| ความเสี่ยงระยะยาว | ปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงระยะยาวเมื่อสลายหมดแล้ว | – เสี่ยงต่อการเกิดเนื้อร้าย หรือมะเร็งในอนาคต – รูปหน้าผิดรูปอย่างถาวร – การอักเสบเรื้อรังที่ยากต่อการควบคุม |

สิ่งที่ต้อง “สูญเสีย” ไปกับการแก้ไขฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด
| ประเภทของการสูญเสีย | สิ่งที่ต้องเผชิญ |
|---|---|
| 1. ความมั่นใจ (Confidence) | – กังวลใจเรื่องใบหน้าที่ผิดรูป ไม่เป็นธรรมชาติ – ไม่กล้าสบตาผู้คน ไม่ชอบถ่ายรูป หรือส่องกระจก – เกิดความเครียดสะสมและความทุกข์ใจ |
| 2. เวลา (Time) | – เวลาที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลและคลินิกเพื่อแก้ไข – เวลาที่ต้องลางานเพื่อไปพบแพทย์และทำการรักษา – เวลาในการพักฟื้นและรอให้เนื้อเยื่อฟื้นตัว (อาจนานเป็นเดือน/ปี) |
| 3. เงิน (Money) | – ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้วางแผนไว้ เช่น ค่าฉีดสลาย, ค่าเลเซอร์ – ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมากในกรณีที่ต้องผ่าตัดขูดออก – ค่ารักษาภาวะแทรกซ้อน (การอักเสบ, ติดเชื้อ) – ค่าฟิลเลอร์เพื่อฉีดแก้ไขใหม่ในภายหลัง |
| 4. โอกาส (Opportunity) | – พลาดโอกาสสำคัญทั้งในชีวิตส่วนตัวและการงาน – การเข้าสังคมและการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นกลายเป็นเรื่องยาก – สูญเสียความสุขง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน |
| 5. เนื้อเยื่อร่างกาย (Healthy Tissue) | – (กรณีรุนแรง/สารเหลว) เสี่ยงต่อการสูญเสียเนื้อเยื่อปกติจากการผ่าตัดขูดออกอย่างถาวร – อาจเกิดแผลเป็น หรือผิวหนังบริเวณที่รักษาไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม |
ขั้นตอนการแก้ไขฟิลเลอร์ การเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังทำ
ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสลายหรือการขูดฟิลเลอร์ กระบวนการควรทำโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญและมีการวางแผนอย่างรอบคอบ
- ก่อนจะฉีดสลายหรือขูดฟิลเลอร์ มีอะไรที่ควรรู้และเตรียมตัวบ้างนะ
- ประเมินปัญหา คุณหมอจะตรวจสอบบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด พร้อมวางแผนการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด
- ข้อมูลฟิลเลอร์เดิม เราควรแจ้งคุณหมอให้มากที่สุดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่เคยฉีดมา เช่น ปริมาณ (กี่ CC) ยี่ห้อ ตำแหน่งที่ฉีด ระยะเวลาที่ฉีดมานานเท่าไหร่ และที่สำคัญที่สุดคือเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ หากมีกล่องฟิลเลอร์หรือรูปถ่ายกล่องมาด้วยจะช่วยให้คุณหมอประเมินและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
- เตรียมบริเวณฉีด ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- มาดูขั้นตอนการฉีดสลายฟิลเลอร์กัน
คุณหมอจะฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase ในปริมาณที่เหมาะสมและในตำแหน่งที่ต้องการสลายฟิลเลอร์ เพื่อย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid - แล้วกระบวนการขูดฟิลเลอร์ล่ะ เป็นยังไง
การขูดฟิลเลอร์เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เทคนิคและเครื่องมือเฉพาะทางในการกำจัดฟิลเลอร์ออก มักทำในกรณีฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่สามารถสลายได้ - การดูแลตัวเองหลังแก้ไขฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ปังที่สุด
หลังการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสลายหรือขูดฟิลเลอร์ เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดผลข้างเคียง เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่รักษา และกลับมาตรวจตามนัด
ความปลอดภัยและข้อควรรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียง
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์
- ฉีดสลายฟิลเลอร์ปลอดภัยไหม จะมีผลข้างเคียงอะไรรึเปล่า
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการใช้ปริมาณยาที่มากเกินไป เพราะอาจสลายคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมได้ บางรายอาจมีอาการแพ้ยาฉีดสลายฟิลเลอร์ เช่น บวม แดง คัน ซึ่งควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที - การขูดฟิลเลอร์ปลอดภัยไหมนะ มีความเสี่ยงอะไรที่เราต้องรู้บ้าง
การขูดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยหากทำโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทสำคัญ การขูดฟิลเลอร์ต้องดำเนินการโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงกระทบกับเนื้อเยื่อสำคัญๆ ในบางกรณีอาจมีร่องรอยหรือริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ได้
ตารางเปรียบเทียบ ผิว “หลังแก้ไข” จะกลับมาเหมือนเดิมแค่ไหน?
| หัวข้อเปรียบเทียบ | การฉีดสลายฟิลเลอร์แท้ (HA Filler) | การขูด/ผ่าตัด (สารเหลว, พังผืด) |
|---|---|---|
| สภาพผิว/เนื้อเยื่อเดิม | กลับสู่สภาพเดิมได้เกือบ 100% – เนื้อเยื่อไม่ถูกทำลาย เพราะเป็นการใช้เอนไซม์เข้าไปสลายโมเลกุลฟิลเลอร์โดยเฉพาะ – ผิวจะกลับมาเหมือนช่วงก่อนฉีด | ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ 100% – ต้องสูญเสียเนื้อเยื่อดีบางส่วนไปพร้อมกับสารแปลกปลอมและพังผืด – โอกาสเกิดผิวไม่เรียบ, เป็นคลื่น, หรือเป็นหลุมบุ๋มสูง |
| ความเรียบเนียน | ผิวจะกลับมาเรียบเนียนเป็นปกติ หลังอาการบวมจากการฉีดสลายหายไป | มีโอกาสสูงที่ผิวจะขรุขระ ไม่เรียบเนียน หรือแข็งเป็นไต จากแผลเป็นภายในและการสูญเสียเนื้อเยื่อ |
| ความรู้สึก (สัมผัส) | เนื้อเยื่อจะนิ่มเป็นปกติ ไม่มีความรู้สึกผิดแปลก | อาจมีความรู้สึกชา, ผิวแข็งกระด้าง, หรือความรู้สึกรับสัมผัสลดลงในบริเวณที่ผ่าตัด |
| รูปทรง/ปริมาตร (Volume) | ปริมาตรจะยุบลงกลับสู่สภาพตั้งต้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ อาจดูตอบลงชั่วคราวหากเคยฉีดในปริมาณมาก | รูปทรงจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร อาจเกิดการยุบตัวหรือบุ๋มลงอย่างชัดเจนในบริเวณที่ขูดสารออกไป |
| แผลเป็น | ไม่มีแผลเป็น มีเพียงรอยเข็มเล็กๆ ซึ่งจะหายไปเองใน 1-3 วัน | มีแผลเป็นจากการผ่าตัด ซึ่งอาจซ่อนในตำแหน่งที่มองเห็นได้ยาก (เช่น ในปาก, ในผม) แต่เป็นแผลเป็นถาวร |
| ระยะเวลาฟื้นตัว | – สั้นมาก: อาการบวมเล็กน้อยหายใน 2-3 วัน – กลับสู่ปกติใน 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถแต่งหน้า ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และพร้อมสำหรับการรักษาขั้นต่อไป (เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใหม่) | – ยาวนาน: บวมช้ำนาน 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่า – ใช้เวลาหลายเดือน กว่าแผลผ่าตัดจะเข้าที่และเนื้อเยื่อจะฟื้นตัวเต็มที่ |
| สรุปผลลัพธ์ | คืนสภาพเดิม: เป็นการรีเซ็ตผิวให้กลับสู่จุดเริ่มต้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแก้ไขให้สวยงามอีกครั้ง | การควบคุมความเสียหาย: เป็นการผ่าตัดเพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกและหยุดการลุกลาม ไม่สามารถทำให้กลับมาเหมือนเดิมได้สมบูรณ์ |
ข้อควรรู้ก่อนสลายฟิลเลอร์
- ฉีดสลายฟิลเลอร์กี่ครั้งถึงจะหายดี ฉีดซ้ำได้ไหมเอ่ย
ปกติแล้วการฉีดสลายฟิลเลอร์มักจะสลายได้หมดภายใน 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณ ชนิดของฟิลเลอร์ และตำแหน่งที่ฉีด หากคุณหมอประเมินแล้วว่าจำเป็น ก็สามารถฉีดสลายเพิ่มได้ - หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ จะเห็นผลลัพธ์ภายในกี่วันนะ
หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ เอนไซม์จะออกฤทธิ์ทันทีไปจนถึง 48 ชั่วโมง โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 24-72 ชั่วโมง อาจมีอาการบวมเข็มเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองภายใน 7 วัน - ฉีดสลายฟิลเลอร์เสร็จแล้ว เราจะฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้เมื่อไหร่
ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ใหม่ทันที ควรเว้นระยะเวลาไว้ 5-7 วัน เพื่อให้ยาสลายฟิลเลอร์ออกฤทธิ์ให้หมดก่อน และเนื้อเยื่อเริ่มเข้าที่แล้วจึงปรึกษาคุณหมอเพื่อฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ - ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการสลายฟิลเลอร์ด้วยตัวเอง เช่น ประคบร้อน
วิธีที่ดีที่สุดและเร็วที่สุดในการทำให้ฟิลเลอร์สลายคือการฉีดสลายด้วย Hyaluronidase การสลายฟิลเลอร์ด้วยตัวเองไม่สามารถทำได้ ส่วนความเชื่อเรื่องการประคบร้อนช่วยสลายฟิลเลอร์นั้น ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน การประคบร้อนไม่มีผลทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้นในบริเวณส่วนใหญ่บนใบหน้า ยกเว้นบริเวณที่มีการสัมผัสความร้อนบ่อยและการขยับเยอะ เช่น ปาก อาจทำให้สลายเร็วกว่าอายุจริงได้เล็กน้อย

เลือกคลินิกและคุณหมอ แก้ไขฟิลเลอร์ยังไงให้ปลอดภัย
เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเลือกคลินิกและคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- มาตรฐานคลินิกและประสบการณ์คุณหมอ สำคัญแค่ไหน
ควรเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ สะอาด คุณหมอที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินการใช้ตัวยาและตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงผลข้างเคียง - เรื่องสำคัญของการใช้ยาแท้และฟิลเลอร์แท้
ต้องใช้ยาที่เป็นเอนไซม์ Hyaluronidase ของแท้ ผ่าน อย. ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ และเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. เท่านั้น ควรตรวจสอบและให้คุณหมอเปิดกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง พร้อมตรวจสอบชื่อยี่ห้อ รุ่น และเลขที่ล็อต (Batch Number) เพื่อความมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้และใหม่ 100% - อย่าลืมตรวจสอบรีวิวและความน่าเชื่อถือของคลินิกด้วยนะ
ควรอ่านรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการเพื่อดูผลลัพธ์และความพึงพอใจ รวมถึงการรับผิดชอบหากเกิดปัญหา
สลายฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่

| ระดับปัญหา | ราคาให้บริการ |
|---|---|
| พื้นที่เล็ก ปริมาณไม่เกิน 1CC เช่น คาง | เริ่มต้น 5,000.- |
| พื้นที่ขนาดกลาง ปริมาณไม่เกิน 2CC เช่นใต้ตา ร่องแก้ม | เริ่มต้น 7,000.- |
| พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น เหมาทั่วใบหน้า | เริ่มต้น 10,000.- |
| *ส่งภาพประเมิน หรือเข้าพบแพทย์ประเมินตรงจุดที่สุด | ปรึกษาฟรี |
| **รับสิทธิ์ส่วนลดเพิ่ม หากมีการเติมฟิลเลอร์หลังฉีดสลาย |
ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและไว้วางใจได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณในทุกๆ ด้าน
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้

มันมีงานวิจัยที่ชัดเจนและมีมานานแล้วค่ะ การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสีย Zinc (สังกะสี) ซึ่งจากการศึกษาพบว่าระดับ Zinc ที่ต่ำอาจลดประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ลงได้ถึง 30%
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและสร้างอนุมูลอิสระที่เร่งการสลายของตัวยาค่ะ ถ้าเทียบระยะเวลาที่จะ “หายไป” ให้เห็นภาพชัดเจนคือ
- โบท็อกซ์: จากมาตรฐานอยู่ได้ 4-6 เดือน ฤทธิ์ยาอาจคลายตัวไวขึ้น เหลือเพียง 3-4 เดือน (หายไปประมาณ 1 เดือน)
- ฟิลเลอร์: จากรุ่นมาตรฐานทั่วไปที่อยู่ได้ 8-12 เดือน อาจจะยุบตัวและสลายไวเหลือเพียง 6-9 เดือน (หายไปถึง 2-3 เดือน)
ดังนั้น ถ้าคนไข้ไม่อยากให้ความหล่อ-ความสวยที่ลงทุนไปหลักหมื่น อยู่กับเราสั้นลงแบบน่าเสียดาย หมอแนะนำให้ลดปริมาณการดื่มลงและดื่มน้ำเปล่าชดเชยให้มากๆ จะช่วยยืดอายุยาได้ และยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วยนะคะ 🙂
สำหรับคนไข้ที่มี ผิวบาง หมอสรุปให้ฟังง่ายๆ ว่า ไม่ได้ห้ามทำ 100% เลยนะคะ แต่อาจจะไม่ใช่วิธีแรกที่แนะนำ ค่ะ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด ผิวเป็นคลื่น (Dimpling) หรือ เห็นรางไหม ได้ชัดเจนกว่าคนทั่วไป เนื่องจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังมีน้อย เปรียบเหมือนผ้าบางๆ ที่ปิดโครงสร้างด้านล่างไม่มิด หากต้องการทำจริงๆ ต้องใช้ เทคนิคการวางไหมชั้นลึก หรือเลือกใช้ ไหมเส้นเล็ก เพื่อเน้นงานผิวแทน แต่ในมุมมองของหมอ การเลือกใช้กลุ่ม เครื่องยกกระชับ (Energy-based devices) หรือการเติม Filler เพื่อเสริมฐานผิว จะเป็นทางเลือกที่ ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า สำหรับคนไข้กลุ่มนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การนำผิวมาให้หมอประเมินแบบรายบุคคลจะตอบได้เคลียร์กว่า เพราะบางเคสเข้าใจว่าตัวเองผิวบางไปเอง หรืออาจจะรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมาก็เป็นได้ค่ะ
หมอจะบอกว่าผิวหนังรอบดวงตามีความหนาเพียง 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งบางกว่าผิวหน้าบริเวณอื่นถึง 4 เท่า ทำให้ไวต่อแรงเสียดสีและการมองเห็นเส้นเลือดคั่งได้ง่ายที่สุดเลยค่ะ
สาเหตุของขอบตาดำคล้ำในกรณีนี้เกิดจาก ปัจจัยผสมผสาน (Multifactorial) ค่ะ โดยมี โรคภูมิแพ้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดดำคั่ง (Venous Congestion) จนเห็นเป็นเงาคล้ำใต้ผิวหนัง และกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง จนนำไปสู่พฤติกรรม การขยี้ตา ซึ่งเป็นการซ้ำเติมผิวที่บอบบางที่สุด ให้เกิดการอักเสบ เส้นเลือดฝอยแตก และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเข้มขึ้น (Hyperpigmentation) สะสมถาวร ดังนั้นการรักษาให้ได้ผลดีที่สุด จึงต้อง แก้ที่ต้นเหตุคือคุมอาการภูมิแพ้ ควบคู่ไปกับ การหยุดพฤติกรรมการขยี้ตา และบำรุงผิวรอบดวงตาให้แข็งแรงค่ะ ส่วนเคสอื่นๆที่ใต้ตาคล้ำ แต่ไม่ได้เกิดจากการมีอาการภูมิแพ้ อาจจะเป็นใต้ตาลึก เกิดเป็นเงา เป็นหลุมลึกลงไป แบบนี้จะเป็นการแก้ไขด้วยการเติมสารเติมเต็มเข้าไปทำทำให้ผิวเรียบเนียนแทนค่ะ
หมอเข้าใจความกังวลของคนไข้ดีนะคะ หลายเคสที่ทำจากที่อื่นแล้วไม่ประทับใจ อยากเอาออกเดี๋ยวนี้เพราะร้อนใจ สามารถฉีดสลายออกได้ทันที ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อความสบายใจและเริ่มต้นใหม่ค่ะ แต่ถ้าคนไข้ยังพอรอไหว หมอยากให้ลองสังเกตอาการสัก 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าที่เห็นว่าไม่สวยนั้นไม่ใช่แค่ “อาการบวมเข็ม” จะได้ไม่เจ็บตัวฟรี แต่ถ้ารอไม่ไหวจริงๆ เรามาคุยกันค่ะ ทั้งนี้ยาจะสลายได้เฉพาะ ฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น หลังฉีดคนไข้จะรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะก้อนจะยุบตัวชัดเจนภายใน 24-48 ชั่วโมง ค่ะ
ริ้วรอยจากการนอนหลับ (Sleep Lines) คือ รอยเส้นแนวตั้งหรือแนวทแยงบนใบหน้า ที่เกิดจากการที่ ผิวถูกกดทับและเสียดสีกับหมอนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะท่านอนตะแคง ซึ่งแตกต่างจากริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าทั่วไป โดย Botox และ Filler ช่วยได้ แต่อาจไม่ใช่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากริ้วรอยประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง ดังนั้น การป้องกันจึงสำคัญกว่า ด้วยการ ปรับท่านอนเป็นนอนหงาย เลือกใช้หมอนที่เหมาะสม และบำรุงผิวให้แข็งแรงสม่ำเสมอ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวหน้าค่ะ
แพทย์ทั่วโลกเป็นที่ทราบกันดีว่า ริ้วรอยแนวตั้งหรือแนวทแยงจากการนอนหลับนั้นรักษายากกว่าด้วย Botox หรือ Filler เนื่องจากไม่ใช่ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าโดยตรง ใครที่กังวลเรื่องนี้หรือชอบแนนตะแคง ลองเลือกหาหมอนที่เหมาะสมกับการนอนดูนะคะ
ฟิลเลอร์เกาหลีที่นำเข้าถูกต้องและผ่าน อย. ไทย มีคุณภาพดีพอและความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เหมือนแบรนด์ยุโรปเลยค่ะ กระบวนการ สิทธิบัตรเทคโนโลยีอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่เหตุผลด้านราคานั้นเป็นเรื่องของ กลยุทธ์ทางการตลาด ล้วนๆ ค่ะ ต้องเข้าใจว่าแบรนด์จากยุโรปหรืออเมริกาคือ “เจ้าตลาด” ที่อยู่มานานและมีต้นทุนแบรนด์ดิ้งกับการวิจัยที่ลงทุนไปมหาศาล ในขณะที่แบรนด์เกาหลีถือเป็น “ผู้เล่นหน้าใหม่” ที่เข้ามาในตลาดทีหลัง การตั้งราคาให้เข้าถึงง่ายจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และเข้ามาแข่งขันในตลาดค่ะ ดังนั้น ราคาที่เป็นมิตรกว่าจึงไม่ได้หมายความว่าคุณภาพด้อยกว่า แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้ยังคงเป็นการ เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอ เชื่อถือได้ ประเมินผิวตามปัญหา วางแผนการรักษาให้คนไข้เห็นภาพตั้งแต่ยังไม่ลงมือรักษา และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ ตรงนี้ที่เป็นหัวใจสำคัญค่ะ
การดึงหน้า ถือเป็นขั้นสุดท้ายของการกอบกู้ผิว ให้กลับมาดูหนุ่ม ดูสาวได้อีกครั้ง อายุ + ปัญหา ณ เวลานั้น จึงเป็นตัวแปรสำคัญมากๆ การดึงหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก มีร่องแก้มลึก มีเหนียงใต้คาง และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน หากผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่มาก อาจเลือกวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหม หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิว การตัดสินใจว่าจะดึงหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้เป็นหลัก
หลายครั้งหลายคราที่เวลาฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้ ถ้าเจอเคสสอดเข็มปลายทู่ยากๆ บวกกับหมออยากให้คนไข้ผ่อนคลาย หมอก็จะพูดว่า “คนไข้หนังเหนียวเหมือนกันนะคะเนี่ย” แต่ในความอารมณ์ขันนี้ก็มีความจริงด้านกายวิภาคซ่อนอยู่ เพราะคำว่า “หนังเหนียว” ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึงผิวที่ยืดหยุ่นดี
แต่หมายถึงผิวที่มีชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ที่หนาแน่น ทำให้การสอดเข็มปลายทู่เข้าไปทำได้ยากกว่าปกติ เนื่องจากเข็มต้องใช้แรงมากกว่าในการแหวกผ่านเนื้อเยื่อ
การที่หมอพูดแบบนี้เป็นการสื่อสารว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและแม่นยำ และที่สำคัญคือเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ลดความกังวลของคนไข้ขณะทำหัตถการ การใช้เข็มทู่นี้เป็นเทคนิคที่แพทย์ที่มีประสบการณ์เลือกใช้เพื่อลดอาการข้างเคียงต่างๆได้ เช่น ร่นระยะเวลาการบวมช้ำ หรือแทบไม่ช้ำเลยได้ ฯลฯ







