ทำไม “น้องซีสต์” ถึงกลับมาที่เดิม? (ทั้งที่ผ่าไปแล้ว)
คนไข้ต้องเข้าใจก่อนว่า ซีสต์ไม่ได้เป็นก้อนเนื้อตันๆ แต่มันเหมือน “ลูกโป่ง” ที่มีเปลือกหุ้ม (Cyst Wall) และข้างในบรรจุของเหลวหรือไขมันไว้
- สาเหตุหลัก: ที่มันกลับมา ส่วนใหญ่เพราะตอนผ่าครั้งแรก “ถุงหุ้มซีสต์ออกไม่หมด 100%” ค่ะ อาจจะเหลือเศษถุงเล็กๆ แค่นิดเดียว ร่างกายเราเก่งมาก มันก็ซ่อมแซมสร้างถุงขึ้นมาใหม่ แล้วสะสมของเหลวเข้าไปอีก น้องซีสต์ก็เลยคัมแบ็กค่ะ
- ปัจจัยเสริม: ถ้าครั้งก่อนคนไข้ไปผ่าตอนที่ซีสต์มัน “อักเสบมาก” หรือ “แตก” การเลาะถุงจะยากมาก เพราะเนื้อเยื่อมันยุ่ย ทำให้หมออาจจะเลาะออกได้ไม่เกลี้ยงเพราะมองไม่เห็นขอบเขตที่ชัดเจนค่ะ
ผ่ารอบสอง ยากกว่ารอบแรกจริงไหม?
ต้องยอมรับตรงๆ ว่า “ยากกว่านิดนึงค่ะ” เพราะแผลเก่าที่เคยผ่า มันจะกลายเป็น พังผืด (Fibrosis) ค่ะ
- พังผืดคืออะไร: นึกภาพกาวเหนียวๆ ที่ยึดเกาะเนื้อเยื่อไว้ การผ่าตัดรอบสอง หมอจะต้องใจเย็นมากๆ ค่อยๆ เลาะเลาะพังผืดที่เหนียวๆ นี้ออก เพื่อเข้าไปหาถุงซีสต์ตัวจริง แล้วเลาะถุงนั้นออกมา “ทั้งใบ” โดยไม่ให้แตก
- ความเสี่ยง: อาจจะมีเลือดออกมากกว่าครั้งแรกนิดหน่อย และใช้เวลาทำนานกว่าเดิม แต่ถ้าทำโดยหมอที่มีประสบการณ์ สบายใจได้เลยค่ะ
เทคนิค “ถอนรากถอนโคน” ไม่ให้กลับมาเป็นรอบที่ 3
เพื่อไม่ให้คนไข้ต้องเจ็บตัวซ้ำซาก หมอแนะนำแบบนี้ค่ะ
- ห้ามรอให้อักเสบ: ถ้าคลำเจอเป็นก้อนเล็กๆ ให้รีบมาผ่าตอนที่มันยัง “สงบ” (ไม่บวม ไม่แดง ไม่เจ็บ) ตอนนี้แหละค่ะที่หมอจะเลาะถุงออกมาได้ง่ายและเกลี้ยงที่สุด
- อย่าบีบเองเด็ดขาด: การบีบจะทำให้ถุงแตกใต้ผิวหนัง ทีนี้การเลาะจะยากมหาโหดเลยค่ะ และเสี่ยงติดเชื้อด้วย
- เลือกวิธีผ่าตัด (Excision): สำหรับเคสที่เป็นซ้ำ การเจาะดูด หรือเลเซอร์เปิดหัว อาจจะไม่พอค่ะ ต้องใช้มีดผ่าตัดเปิดแผลเล็กๆ เพื่อเลาะเอาถุงออกมาชัวร์ๆ



