ความแตกต่างระหว่างผิวหน้าและผิวคอ
โครงสร้างผิว
- ผิวคอบางกว่าผิวหน้า 2-3 เท่า
- มีต่อมไขมันน้อยกว่า ทำให้แห้งง่าย
- มีเส้นใย collagen และ elastin น้อยกว่า
- แสดงอาการเสื่อมเร็วกว่าผิวหน้า
กล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้อคอมีการเคลื่อนไหวมากกว่า
- รับน้ำหนักจากศีรษะตลอดเวลา
- มีแรงดึงจากการก้มหน้าบ่อยๆ
เทอมาจหัว Tips สำหรับผิวคอ
- พื้นที่คอโค้งมน ต้องการหัวยิงที่ปรับตามแนวโค้ง
- ต้องการความลึกในการยิงที่แตกต่างจากใบหน้า
- ต้องระวังเส้นเลือดและเส้นประสาทบริเวณคอเป็นพิเศษ
- ต้องปรับความแรงให้เหมาะกับผิวที่บางกว่า
- ต้องการการกระจายพลังงานแบบพิเศษ
- ความถี่ในการยิงต้องปรับให้เหมาะกับโครงสร้างผิว
ตารางเปรียบเทียบผิวหน้าและผิวคอ
คุณลักษณะ | ผิวหน้า | ผิวคอ |
---|---|---|
ความหนา | หนากว่า | บางกว่า |
ต่อมไขมัน | มีมาก | มีน้อย |
การเคลื่อนไหว | น้อยกว่า | มากกว่า |
การฟื้นฟู | เร็วกว่า | ช้ากว่า |
เหตุผลที่ต้องดูแลผิวคอเป็นพิเศษ
- เสื่อมสภาพเร็วกว่าผิวหน้า
- ฟื้นฟูยากกว่า
- แสดงอายุชัดเจนกว่า
- ได้รับการดูแลน้อยกว่าผิวหน้า
เทอมาจคอ ใช้กี่ช็อต
บริเวณลำคอ
- โดยทั่วไปใช้ประมาณ 400-500 ช็อต
- แบ่งเป็น:
- ด้านหน้าคอ: 200-250 ช็อต
- ด้านข้างคอ: 100-125 ช็อต/ข้าง
- ครอบคลุมตั้งแต่ใต้คางถึงคอ
บริเวณหน้าเนินหน้าอก
- ปกติใช้ประมาณ 400-450 ช็อต
- ครอบคลุมบริเวณ:
- เนินอก
- รอยย่นตรงร่องอก
- ผิวบริเวณกระดูกไหปลาร้า
900 ช็อตคุ้มกว่าไหม
- ถ้าแบ่งเป็น:
- คอ 450 ช็อต
- หน้าเนินหน้าอก 450 ช็อต
- ถือว่าพอดีสำหรับการรักษาทั้งสองบริเวณค่ะ
ข้อควรรู้ก่อนทำเทอมาจคอ
- ควรประเมินสภาพผิวก่อน เพราะบางคนอาจต้องการช็อตมากกว่านี้
- พิจารณาความหย่อนคล้อยของแต่ละบริเวณ
- อาจปรับสัดส่วนช็อตตามความเหมาะสม
- ควรถ่ายรูปก่อน-หลังเพื่อดูผลลัพธ์
หมอจึงแนะนำให้ดูแลผิวคอเป็นพิเศษนะคะ แม้ว่าจะทำเทอมาจ ยกกระชับไปแล้ว ระหว่างนี้ก็ควรดูแลด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่นทากันแดด ครีมบำรุงก่อนนอนได้จะดีมากๆ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในผลลัพธ์การรักษาค่ะ