เยื่อบุโพรงจมูกของเด็กบอบบางและไวต่อการระคายเคือง
- เยื่อบุในโพรงจมูกของเด็กยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ผนังเส้นเลือดฝอยในจมูกบางและเปราะกว่า จึงแตกได้ง่ายเมื่อมีการระคายเคืองจากฝุ่น PM 2.5
ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรง
- เด็กยังอยู่ในช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันกำลังเรียนรู้และพัฒนาการป้องกันต่อสารแปลกปลอม เมื่อสัมผัส PM 2.5 จะเกิดการอักเสบและการหลั่งสารฮีสตามีนในโพรงจมูกได้ง่ายกว่า ทำให้เส้นเลือดขยายตัวจนแตก
เด็กหายใจเร็วและลึกกว่าผู้ใหญ่
- อัตราการหายใจของเด็กสูงกว่าผู้ใหญ่ หมายความว่าเด็กจะดูดซับปริมาณฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้มากกว่า ส่งผลต่อการสะสมและการระคายเคืองที่รุนแรงขึ้น
พฤติกรรมของเด็กที่อาจเพิ่มการบาดเจ็บในโพรงจมูก
- เด็กมักมีพฤติกรรมขยี้จมูก หรือล้วงจมูกเมื่อรู้สึกคันหรือระคายเคืองจาก PM 2.5 พฤติกรรมนี้ไปกระตุ้นให้เส้นเลือดฝอยแตกง่ายยิ่งขึ้น
สิ่งแวดล้อมที่เด็กสัมผัสบ่อย
- เด็กอาจใช้เวลาเล่นกลางแจ้ง หรืออยู่ในพื้นที่อากาศหมุนเวียนไม่ดี (เช่น โรงเรียน) ทำให้สัมผัส PM 2.5 ได้มากกว่าผู้ใหญ่ที่เลือกอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกว่า
เลือดกำเดาในเด็กจึงพบบ่อยกว่า เพราะลักษณะทางกายภาพของเด็กที่ไวต่อการระคายเคือง รวมถึงพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เด็กสัมผัสบ่อย หากคุณพ่อคุณแม่กังวลควรให้เด็กใส่หน้ากากป้องกัน PM 2.5 ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน และล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นในโพรงจมูกค่ะ 😊