ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เลือดกำเดาไหลได้ยังไง

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

เห็นในข่าว ตั้งแต่ฝุ่นเข้ามาใหม่ จนตอนนี้ก็มีเคสแบบนี้มากขึ้นเรื่อย หมอจะอธิบายง่ายๆ นะคะ ตัวฝุ่น PM 2.5 เป็นต้นเหตุสำคัญที่กระตุ้นการระคายเคืองและการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ รวมถึงโพรงจมูกค่ะ

ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าเส้นผมของเราเกือบ 30 เท่า ดังนั้นมันสามารถเข้าสู่โพรงจมูกได้ง่าย และติดอยู่ในเยื่อบุโพรงจมูก (Nasal Mucosa) โดยตรง โดยมันจะไปกระตุ้นเยื่อบุเหล่านี้ให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบ หรือทำให้เส้นเลือดเล็กๆ ใต้เยื่อบุโพรงจมูกอ่อนแอลงค่ะ

คนไข้หลายคนอาจจะสงสัยต่อว่า ฝุ่นมีมาเป็นหลายล้านปี ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์แบบนี้มาก่อน มันต่างกับฝุ่นทั่วไปยังไง หมอต้องบอกแบบนี้

ฝุ่น PM 2.5 เล็กมากจริงๆ ทำให้สามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจลึกถึงถุงลมปอดและซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ แตกต่างจากฝุ่นทั่วไปที่มักถูกดักไว้ที่จมูกหรือคอ นอกจากนี้ PM 2.5 ยังมีสารพิษ เช่น โลหะหนัก คาร์บอนดำ ซัลเฟต หรือสารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งกระตุ้นการอักเสบอย่างรุนแรงในระบบทางเดินหายใจและอวัยวะต่างๆ อีกทั้งฝุ่นชนิดนี้ยังลอยอยู่ในอากาศได้นาน ทำให้เพิ่มโอกาสสัมผัสและเสี่ยงสูงต่อโรคเรื้อรัง การป้องกันที่ดีที่สุดคือใส่หน้ากาก N95 หลีกเลี่ยงพื้นที่ค่าฝุ่นสูง และใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องค่ะ

ฝุ่น pm 2-5 หน้ากาก
เลือดกำเดาไหล เพราะฝุ่น pm 2-5

เลือดกำเดาไหล เพราะฝุ่น PM 2.5 จริงไหม

  1. การอักเสบของเยื่อบุจมูก (Nasal Inflammation): ฝุ่น PM 2.5 มีสารเคมีและโลหะหนักบางตัวอยู่ เช่น ซัลเฟต ไนเตรต หรือสารพิษอื่นๆ ที่ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกของเราบวมและอักเสบขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยแตกง่าย
  2. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันแบบผิดปกติ: ฝุ่นขนาดนี้ถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้ร่างกายผลิตสารก่อการอักเสบ เช่น ฮีสตามีน และไซโตไคน์ ส่งผลต่อการบวมและเลือดออกได้
  3. เส้นเลือดฝอยใต้เยื่อบุจมูกอ่อนแอขึ้น: เพราะระดับออกซิเจนในจมูกอาจลดลงจากผลของ PM 2.5 ที่กีดขวางการทำงานของเซลล์ รวมถึงมีสารพิษในฝุ่นที่ทำลายผนังของเส้นเลือดโดยตรง ทำให้แตกง่ายขึ้น
  4. เพิ่มความไวของเยื่อบุจมูก: เช่น หากจามแรงๆ สั่งน้ำมูก หรือแม้แต่การขยี้จมูกเล็กน้อย ก็อาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตก เกิดเลือดกำเดาไหลได้ค่ะ

เลือดกำเดาไหล เป็นเพียงสัญญาเริ่มต้น

เลือดกำเดาเป็นสัญญาณหนึ่งที่เตือนว่าร่างกายเราเริ่มได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จมูก (Allergic Rhinitis) หรือไซนัสอยู่แล้ว จะยิ่งมีโอกาสเกิดอาการเลือดกำเดาได้ง่ายขึ้น เพราะเยื่อบุจมูกอาจไวต่อสารกระตุ้นพวกนี้มากกว่าคนปกติค่ะ

ป้องกันยังไงดี

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มี PM 2.5 สูง ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรใส่หน้ากาก N95 เพื่อป้องกันฝุ่น
  2. หากอยู่นอกบ้านเมื่อกลับมาควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือแบบอ่อน (Normal Saline) เพื่อล้างฝุ่นออกจากโพรงจมูก
  3. ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน เอาให้เหมาะสมกับขนาดห้องด้วยนะคะ โดยเฉพาะห้องนอน ห้องทำงาน ที่ใช้ชีวิตอยู่นานๆหลายชั่วโมง เพื่อกรอง PM 2.5 ออกจากอากาศรอบตัว
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้เยื่อบุโพรงจมูกมีความชุ่มชื้น ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแตกหรือเลือดไหล

ถ้าเลือดกำเดาไหลบ่อยขึ้นหรือมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือหายใจไม่อิ่ม หมอแนะนำให้มาตรวจอย่างละเอียดนะคะ เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าฝุ่น PM 2.5 กำลังส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจในระดับลึกกว่านี้ค่ะ