เหตุผลที่ผิวต้องการดูแลแบบค่อยเป็นค่อยไป
- ผิวต้องการเวลาในการปรับตัว
ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิว การซึมซาบของสารบำรุง หรือการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ล้วนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ไม่มีสิ่งใดที่จะให้ผลลัพธ์ทันทีโดยไม่มีผลข้างเคียง เช่น หากใช้ไวท์เทนนิ่งแรงๆ เพื่อเห็นผลไว อาจเกิดการระคายเคืองหรือผิวบางลงได้ - การบำรุงผิวแบบเห็นผลจริง ต้องเข้าถึงโครงสร้างผิว
สกินแคร์ที่เราทา มักซึมลึกลงไปไม่ถึงชั้นหนังแท้นะคะ ส่วนใหญ่จะช่วยบำรุงแค่หนังกำพร้า ดังนั้น ผลลัพธ์ที่เห็นต้องสะสมเป็นรายวัน หากบำรุงสม่ำเสมอ ผิวก็จะสะสมความชุ่มชื้นและสารต้านอนุมูลอิสระพร้อมรับมือต่อมลภาวะ - การซ่อมแซมผิวต้องใช้เวลา
ถ้าคนไข้มีปัญหาผิว เช่น รอยดำ ริ้วรอย หรือรูขุมขนกว้าง กระบวนการซ่อมแซมของเซลล์ผิวจะไม่ได้เกิดทันที แต่จะค่อยๆ รีเซ็ตและซ่อมตัวเองในทุกๆ รอบของวงจรผลัดเซลล์ค่ะ ฉะนั้น หากหยุดบำรุงกลางคัน ผลลัพธ์ที่รออาจไม่เกิดเลย - การสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืน
การดูแลผิวทีละนิดจนนำไปสู่กิจวัตร จะช่วยให้ผิวได้รับการดูแลระยะยาวยั่งยืน ถ้าดูแลชั่วครั้งชั่วคราว หรือเปลี่ยนสกินแคร์บ่อย ผิวยิ่งอาจระคายเคืองและเสียสมดุลได้
หมอขอเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ เป็นแบบนี้นะคะ
คิดว่าผิวคือ “ต้นไม้” ของเรา ถ้าเรารดน้ำและดูแลทุกวัน ต้นไม้นั้นก็จะเติบโต แข็งแรง และเขียวชอุ่ม แต่ถ้าเรารดน้ำครั้งละมากๆ แค่เดือนละครั้ง ต้นไม้บางชนิดอาจจะตายได้เลย เพราะได้น้ำมากเกินไป หรืออาจจะยังอยู่ได้ แต่อาจเหี่ยวไปเพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และถ้าเจอแดดร้อนหรือลมแรง ต้นไม้ที่อ่อนแอก็อาจเสียหายได้ง่าย
ผิวของคนเราก็เหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ว่าการบำรุงในช่วงสั้นๆ หรือการใช้ของแพงแบบฉาบฉวย จะสร้างผิวที่สวยในระยะยาวได้ ถ้าขาดความต่อเนื่อง ผิวอาจพังหรือเกิดปัญหาใหม่ที่ยากจะแก้ไขทีหลัง
ตารางเปรียบเทียบการซึมซาบของสารเข้าสู่ผิว
| วิธีการ | ระดับการซึมซาบ | ชั้นของผิว | ความลึก | ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|---|---|---|---|
| 1. การทาครีม | ซึมได้น้อย (ขึ้นอยู่กับขนาดโมเลกุล) | ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) | 5-10% ของสารถึงชั้นหนังกำพร้า | ง่าย, ใช้ได้ทุกวัน, สะดวก | บำรุงผิวชั้นตื้น อาจไม่ถึงเซลล์ลึก |
| 2. ผลักวิตามินด้วยเครื่อง | ซึมได้ปานกลาง (20-40% แล้วแต่เครื่อง) | ชั้นหนังแท้ (Dermis) ตามเทคนิค | มากกว่าการทาครีม, 1-2 มม. | ช่วยเปิดช่องผิวเพื่อให้สารซึมลึกขึ้น | ต้องทำหลายครั้ง, ต้องใช้เครื่อง/เทคนิคเสริม |
| 3. ฉีดตัวยาเข้าสู่ผิว | ซึมลึกถึงเนื้อเยื่อระดับล่าง | ชั้นหนังแท้ถึงใต้ชั้นผิว (Subcutaneous) | 100% ตามจุดที่ฉีด, 2-5 มม. | เห็นผลลัพธ์ไว, บำรุงลึกถึงเซลล์เป้าหมาย | ราคาแพง, ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ |
1. การทาครีม
- ครีมบำรุงผิวทั่วไป เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์, เซรั่ม ฯลฯ ส่วนใหญ่มุ่งเน้นการซึมผ่าน ชั้นหนังกำพร้า
- โมเลกุลของสารควรมีขนาดเล็กถึงจะสามารถซึมผ่านไปจนถึงชั้นลึกได้ เช่น วิตามิน A (Retinol), ไฮยาลูรอนิคขนาดเล็ก เป็นต้น
- เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือเสริม การซึมจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว เช่น คนที่มีผิวแห้งอาจทำให้สารซึมช้ากว่าผิวที่มีความชุ่มชื้นพอสมควร
2. การผลักวิตามินด้วยเครื่อง
- เครื่องมือใช้แรงกระแสไฟฟ้า, คลื่นเสียง, หรือเทคนิคอื่นๆ ทำให้รูขุมขนเปิดชั่วขณะ ให้สารบำรุงสามารถซึมลึกถึงชั้นหนังแท้ได้
- ใช้ในการผลักวิตามินต่างๆ หรือสารที่ส่งเสริมการฟื้นฟูผิว เช่น วิตามินซี, วิตามิน B3, กลูตาไธโอน, หรือคอลลาเจน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเข็มหรือวิธีที่ต้องเจ็บตัว
3. การฉีดตัวยาเข้าสู่ผิว
- ฉีดตรงเข้าสู่ชั้นหนังแท้หรือชั้นใต้ผิว เช่น ฉีดฟิลเลอร์, ฉีดเมโสหน้าใส, ฉีดโบท็อกซ์, อื่นๆ
- วิตามินและตัวยาที่ใช้ฉีดมักเป็นสารเข้มข้น เช่น ไฮยาลูรอนิค, วิตามินรวม, หรือสารช่วยลดเม็ดสีผิว
- ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว สารสามารถเข้าถึงเซลล์เป้าหมายได้โดยตรง
- วิธีนี้เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลไว เช่น ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวได้รวดเร็วกว่า
คำแนะนำ
การเลือกวิธีดูแลผิวขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสะดวกของคนไข้ค่ะ
- ถ้าต้องการบำรุงพื้นฐาน: การทาครีมเป็นสิ่งจำเป็นและควรทำต่อเนื่อง
- ถ้าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ: การผลักวิตามินด้วยเครื่องช่วยเสริมการบำรุงให้ลึกขึ้น
- ถ้าต้องการผลเร่งด่วน: การฉีดตัวยาจะเข้าถึงชั้นลึกและเห็นผลรวดเร็ว แต่ควรทำในสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้และโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ค่ะ






