ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

ทำทรีทเมนท์หน้าใส ต้องทำถี่แค่ไหน

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

ถ้าให้หมอสรุปสั้นๆ คือถ้าทำเพื่อรักษาสมดุลผิว ผิวดีอยู่แล้ว ทำสัปดาห์ เว้นสัปดาห์ก็ได้ แต่ถ้าทำเพื่อฟื้นฟูผิว ผิวหมองคล้ำ ผิวเสียมาก แบบนี้แนะนำสัปดาห์ละครั้งกำลังดีค่ะ

การทำทรีทเมนท์ผลักวิตามินเพื่อผิวขาวกระจ่างใส เป็นวิธีที่ช่วยบำรุงผิวให้ลึกกว่าการทาครีมปกติ โดยการใช้เทคโนโลยี เช่น ไอออนโต (Iontophoresis) หรือโฟโน (Phonophoresis) เพื่อผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว เช่น วิตามินซี, วิตามินบี 3, กลูต้าไธโอน หรือสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวค่ะ

คลินิกทำทรีทเมนท์หน้า CDC ใกล้ฉัน
คลินิกนวดหน้า ทำหน้า กรุงเทพ

ต้องทำทรีทเมนท์ถี่แค่ไหน?

การทำทรีทเมนท์ผลักวิตามิน ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยความถี่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนค่ะ

คำแนะนำทั่วไป

  • ช่วงแรก (1-2 เดือนแรก)
    ควรทำ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างต่อเนื่องและเห็นผลเร็วขึ้น
  • หลังจากนั้น (เพื่อคงผลลัพธ์)
    สามารถลดความถี่ลงเป็น เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาสภาพผิวให้กระจ่างใสและสุขภาพดี

ข้อดีของการทำทรีทเมนท์ผลักวิตามิน

  1. ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
    วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  2. ลดจุดด่างดำและรอยสิว
    วิตามินที่ผลักเข้าสู่ผิวช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา
  3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    ผิวจะดูอิ่มน้ำและสุขภาพดีขึ้น
  4. ปลอดภัยและไม่เจ็บ
    เป็นวิธีที่ไม่ต้องพักฟื้นและเหมาะกับทุกสภาพผิว และทำได้ทุกช่วงอายุ เพราะแม้อายุน้อยอาจจะมีปัญหาผิวแห้งได้

ข้อควรระวัง

  • หลังทำทรีทเมนท์หรือเลเซอร์ ควร ทาครีมกันแดดทุกวัน และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
  • หากมีผิวแพ้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อเลือกวิตามินที่เหมาะสมกับผิว

สรุป

การทำทรีทเมนท์ผลักวิตามิน ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วงแรก และลดเหลือเดือนละ 1-2 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ค่ะ ถ้าอยากให้ผิวขาวกระจ่างใสแบบปลอดภัย ควรทำควบคู่กับการดูแลผิวประจำวัน เช่น ทาครีมกันแดดและใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมค่ะ 😊

หัวข้อเปรียบเทียบการทำทรีทเมนท์ผลักวิตามินการทาครีมบำรุงผิว
การซึมเข้าสู่ผิววิตามินและสารบำรุงถูกผลักเข้าสู่ชั้นผิวลึกกว่า (ชั้นหนังแท้) ด้วยเทคโนโลยี เช่น ไอออนโตหรือโฟโนซึมเข้าสู่ผิวได้เพียงชั้นหนังกำพร้า (ชั้นบนสุดของผิว) เนื่องจากโมเลกุลของครีมมีข้อจำกัด
ผลลัพธ์เห็นผลเร็วกว่า เช่น ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเพิ่มความชุ่มชื้นในระยะเวลาอันสั้นต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการทาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ในระยะยาว
ความเข้มข้นของสารบำรุงใช้สารบำรุงที่มีความเข้มข้นสูง เช่น วิตามินซี, กลูต้าไธโอน, หรือสารต้านอนุมูลอิสระความเข้มข้นของสารบำรุงในครีมมักต่ำกว่า เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
ความเหมาะสมกับปัญหาผิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือผิวหมองคล้ำเหมาะสำหรับการดูแลผิวประจำวันและป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว
ความถี่ในการทำ/ใช้ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วงแรก และลดเหลือเดือนละ 1-2 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ต้องใช้ทุกวัน เช้า-เย็น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง
ค่าใช้จ่ายมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากต้องทำในคลินิกหรือสถานเสริมความงามค่าใช้จ่ายต่ำกว่า เพราะสามารถซื้อครีมมาใช้เองได้
ความปลอดภัยปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานปลอดภัยเมื่อเลือกครีมที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไม่มีสารอันตราย
ข้อจำกัดอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมาก หรือผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณอาจไม่เห็นผลชัดเจนในระยะสั้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาผิวเฉพาะจุด

  • การทำทรีทเมนท์ผลักวิตามิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ หรือริ้วรอย
  • การทาครีมบำรุงผิว เหมาะสำหรับการดูแลผิวในชีวิตประจำวันและป้องกันปัญหาผิวในระยะยาว

ทั้งสองวิธีสามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ หากมีคำถามเพิ่มเติมหรืออยากปรึกษาเรื่องผิวหน้า ทักมาหาหมอได้เลยนะคะ หมอยินดีดูแลค่ะ 💕