ข้อดี
- ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเฉพาะบุคคล
คุณสามารถเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของคุณนอกเหนือจากพันธุกรรมพื้นฐาน เช่น ไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อม - ช่วยปรับแนวทางการใช้ชีวิต
ข้อมูลที่ได้สามารถช่วยปรับโภชนาการ, พฤติกรรม และลดความเสี่ยงของโรคแบบเจาะจงได้ - การใช้งานด้าน anti-aging
ช่วยวางแผนเรื่องการชะลอวัย หรือการฟื้นฟูสุขภาพเซลล์ให้ยาวนานขึ้น - กระตุ้นการตระหนักรู้ในเรื่องสุขภาพ
การดูผล epigenetic ทำให้คนปรับตัวให้มีไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้น
ข้อเสีย
- ข้อจำกัดของข้อมูล
แม้ว่าการตรวจ epigenetics จะให้ข้อมูลเชิงลึก แต่งานวิจัยยังมีน้อย ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ยืนยันความแม่นยำมากขึ้นอีกในอนาคต - ค่าใช้จ่ายสูง
การตรวจนี้ยังมีค่าบริการ ราคาค่อนข้างสูง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน - ความซับซ้อนในการแปรผล
ข้อมูลที่ได้ต้องการคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพ เพราะข้อมูลค่อนข้างเฉพาะทาง - ผลกระทบเชิงจิตวิทยา
เมื่อรู้ว่าตนเองเสี่ยงต่อโรคบางอย่าง อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือตัดสินใจดูแลสุขภาพแบบผิดวิธีหากไม่ได้รับแนวทางที่เหมาะสม
epigenetic เพื่อป้องกันหรือแก้ไขสุขภาพ
การตรวจ Epigenetic จัดอยู่ในหมวดหมู่ของ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) และ เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging médecine) ซึ่งเป้าหมายหลักคือการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกของยีนมาร่วมวางแผนป้องกัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม การตรวจนี้ไม่ใช่การรักษาโรคโดยตรง แต่เน้นการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ เพื่อคงความสมดุลของร่างกายและชะลอความเสื่อมในระดับเซลล์
ตอนเรียนแพทย์เราเน้นเรื่องการรักษาโรคเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะระบบการแพทย์ในยุคนั้นถูกออกแบบมาให้มองว่า การรักษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไป หมอเองก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้ว การป้องกันควรมาก่อนการรักษา เพราะการป้องกันช่วยลดความเสี่ยงโรค ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และยังช่วยให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาก การตรวจ Epigenetic เองก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของแพทย์ยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ที่ทำงานด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยหรือสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งตอนนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วยให้เรารู้จักร่างกายและปัจจัยที่กระตุ้นโรคได้ ก่อนที่มันจะลุกลามจนรักษายาก ซึ่งหมอคิดว่านี่คือ “แพทย์แห่งอนาคต” อย่างแท้จริงค่ะ และหมออยากบอกว่า การตรวจ Epigenetic ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย ถ้าคนไข้ไหว การตรวจนี้ถือเป็นการลงทุนในสุขภาพตัวเองที่คุ้มค่ามาก เพราะ สุขภาพเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ถ้าพูดถึงเรื่องสุขภาพ หมอเห็นว่าสถานการณ์นี้คล้ายกับเรื่อง “การเงิน” ของคนไทยมากเลยค่ะ เราไม่เคยมีใครสอนเลยว่าต้องวางแผนการใช้เงินอย่างไรตั้งแต่เด็กๆ หลายคนพอเข้าสู่วัยทำงานก็หลงใช้จ่ายผิดพลาด ปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนมาเรียนรู้เรื่องการเงินเอาตอนที่สายเกินไป แน่นอนว่าการเงินที่ผิดพลาดส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่นเดียวกับเรื่องสุขภาพ ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองหรือไม่เข้าใจปัจจัยที่กระทบสุขภาพล่วงหน้า พอเกิดโรคขึ้นมา ค่าใช้จ่ายก็สูงมากและมักกระทบกันเป็นลูกโซ่ เรื่องสุขภาพและการเงินจึงสำคัญมากและควรเริ่มตั้งแต่ตอนที่เรายัง “ออกแบบอนาคตของเราได้” ซึ่งหมอเชื่อว่าการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น การตรวจ Epigenetic เป็นวิธีที่คนยุคใหม่ควรลงทุน เพราะช่วยป้องกันไม่ให้คนไข้อายุมากไปพร้อมกับภาระทั้งทางร่างกายและการเงินที่อาจหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่ต้นค่ะ