รีวิวฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler





ฟิลเลอร์ Hybrid ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
บวมน้อย ขึ้นรูปได้ดี
ปรับรูปหน้าราคาไม่สูง
สวยละมุนมีความยืดหยุ่น
สลายตัวได้ช้ากว่า
Ultra V Hyal Filler คืออะไร
ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เป็นแบบ Multi layered ทำให้ฉีดง่าย เจ็บน้อย
ทำให้ผลลัพธ์อยู่นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ผ่านการรองรับ FDA ไทยและเกาหลี

Hyal Filler ปลอดภัยผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจากหลายประเทศทั่วโลก ผ่านการรับรอง
จาก KFDA , CE และ ได้รับอนุณาตขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์
สำนักคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข เนื้อเจลของ Hyal Filler มีความชุ่มชื่นสูง
ซึ่งช่วยลดโอกาส การบวมตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด และทำให้ผลลัพท์มีความแม่นยำ
Monophasic
ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มอย่างมีมิติ เพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวในจุดที่เติมได้มากขึ้น
Biphasic
เพิ่มความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ให้หลังเติมแล้วดูเป็นธรรมชาติ

Ultra V Hyal Filler ดีไหม
จุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้มีอะไรบ้าง
- ฟิลเลอร์ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
- ปลอดภัย ผ่านการรับรอง อย.ไทย
- เนื้อยึดเกาะดี คงรูปได้ดี และเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อมีความชุ่มชื้นสูง ทำให้ช่วยลดอาการบวมหลังการฉีด เห็นผลลัพธ์จริงหลังฉีดทันที
- มียาชาในตัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
- เข็มรูปแบบพิเศษ ผนังบาง ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และการบวมหลังฉีด
Ultra V Hyal Filler ฉีดตรงไหนได้บ้าง

Ultra V Hyal Filler มีกี่รุ่น
มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้

HYAL FINE
เหมาะกับ ใต้ตา เนื้อปาก ร่องแก้ม

HYAL MEDIUM
เหมาะกับ หน้าผาก ร่องแก้ม ปาก

HYAL HARD
เหมาะกับ ขมับ หน้าผาก แก้ม กรอบหน้า คาง
ULTRA V HYAL FILLER เปรียบเทียบแต่ละรุ่น
คุณสมบัติ | Fine | Medium | Hard |
---|---|---|---|
ส่วนประกอบ | Cross-linked HA | Cross-linked HA | Cross-linked HA |
ความเข้มข้น HA | 20mg/ml | 20mg/ml | 20mg/ml |
ค่า G’ | 200-250 pa | 600-700 pa | 700-800 pa |
ขนาดอนุภาค | 80 µm | 300 µm | 800 µm |
ความแน่น | ●●○○ (ปานกลางค่อนข้างนิ่ม) | ●●●○ (ค่อนข้างแน่น) | ●●●● (แน่นมาก) |
ปริมาณ Lidocaine | 0.3% | 0.3% | 0.3% |
จุดประสงค์การใช้งาน | แก้ไขริ้วรอย | แก้ไขริ้วรอยลึก | เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า |
ระยะเวลาอยู่นาน | 6-8 เดือน | 8-16 เดือน | 16-24 เดือน |
คำอธิบายเพิ่มเติม:
- ค่า G’ คือค่าที่แสดงความแข็งของฟิลเลอร์ ยิ่งสูงยิ่งแข็ง
- ขนาดอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นเหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและการปรับโครงสร้าง
- ระยะเวลาอยู่ตัวจะแตกต่างกันตามความเข้มข้นและการใช้งาน





ฉีด Hyal Filler ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ โดยมีเหตุผลหลักๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
- แพทย์ผู้มีประสบการณ์: ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพราะแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคและวิธีการฉีด: ควรเลือกคลินิกที่ใช้เทคนิคและวิธีการฉีดฟิลเลอร์ที่ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้: ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีการทดสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- มาตรฐานความปลอดภัย: ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
- การบริการและการดูแลหลังการรักษา: ควรเลือกคลินิกที่มีการบริการที่ดี มีการให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนการรักษา และมีการดูแลติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้รับบริการจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและปลอดภัย
- ราคาไม่ควรถูกเกินจริง: ควรตรวจสอบ หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ ซึ่งอาจจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ หมดอายุ จะส่งผลต่อความปอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการ
แท้ ได้คุณภาพ ปลอดภัยทุกกล่อง
ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่
สบายใจทุกยี่ห้อ
ฟิลเลอร์แท้ อย. ทุกกล่อง
แกะกล่องต่อหน้าทุกเคส
แจ้งราคาชัดเจน
ตรวจสอบชื่อแพทย์ได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Hyal Filler
การฉีด HA Filler เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แก้ไขริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า และเพิ่มความอวบอิ่มให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจฉีด HA Filler ควรมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด HA Filler เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดของ HA Filler ที่เหมาะสม ปริมาณที่ควรฉีด และบริเวณที่ควรฉีด รวมถึงอธิบายถึงขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว: ก่อนการฉีด HA Filler ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวทั้งหมดให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถพิจารณาความเหมาะสมในการฉีด HA Filler และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมด และควรหยุดใช้ยาที่แพทย์สั่งให้หยุดใช้ก่อนการฉีด HA Filler
- เตรียมตัวในวันฉีด: ในวันฉีด HA Filler ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิวบริเวณที่จะฉีด ควรสวมเสื้อผ้าที่หลวมสบายและสามารถถอดได้ง่าย เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าถึงบริเวณที่จะฉีดได้อย่างสะดวก

การดูแลหลังฉีด Hyal Filler
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดโดยตรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกระจายตัวของ HA Filler
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของ HA Filler และการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำมากขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากแพทย์สั่งยาใดๆ ให้รับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การนัดหมายติดตามผลการรักษา การดูแลรักษาบริเวณที่ฉีด และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
Ultra V Hyal Filler ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ที่ได้คุณภาพ เก็บรักษาได้มาตรฐาน นำเข้าถูกต้อง ควรมีราคาอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท/CC

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่
มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
- มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย
คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์
- ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
- มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
- มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ


ตามหลักความปลอดภัย การฉีดฟิลเลอร์หลายยี่ห้อร่วมกันสามารถทำได้ หากฉีดในคนละบริเวณ หรือคนละชั้นผิว เช่น บางรุ่นฉีดชั้นลึกเพื่อเป็นฐาน และอีกบางรุ่นฉีดชั้นตื้นเพื่อเติมความชุ่มชื้นและความเรียบเนียน แต่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ต่างยี่ห้อในจุดเดียวกันและชั้นผิวเดียวกัน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ ได้
เพราะฉะนั้นเรื่องยี่ห้อไหน รุ่นอะไร จึงต้องประเมินตามปัญหาผิว ของแต่ละคน ชั้นผิวที่ต้องการแก้ไขในแต่ละเคสอีก จึงต้องประเมินกันแบบ case by case ค่ะ
การขูดฟิลเลอร์ คือ กระบวนการกำจัดฟิลเลอร์ออกจากบริเวณที่ฉีด โดยใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายช้อนเล็กๆ มักใช้ในกรณีที่คนไข้ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฉีดเยอะเกินไป หรือรูปทรงไม่ถูกใจ หรือในกรณีที่ฟิลเลอร์อักเสบหรือติดเชื้อมาค่ะ โดยแพทย์ประเมินแล้วว่าเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ฉีดสลายด้วยตัวยาเฉพาะไม่ได้ ต้องทำการผ่าตัดเล็กขูดเอาสารเหลวเหล่านั้นออกมา โดยอาจจะออกมาหมดในครั้งเดียว หรืออาจจะมีการรักษามากกว่า 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหา ความรุนแรง บริเวณที่พบค่ะ
รีจูรันมี 4 รุ่นย่อยให้เลือกตามปัญหาผิว ถ้าต้องการฟื้นฟูใบหน้าและลำคอแบบทั่วถึง เลือกกล่องดำหรือกล่องแดง ราคากล่องดำ-กล่องแดงเท่ากันที่ 11,990 บาท ส่วนกล่องน้ำเงินรุ่น S ราคา 12,999 บาทค่ะ
- REJURAN Healer (กล่องดำ)
- เหมาะสำหรับ: ฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูเด็กขึ้น สำหรับใบหน้าและลำคอ
- ปริมาณ: 2 cc/ไซริงค์
- ราคา: 11,990 บาท
- REJURAN HB Plus (กล่องแดง)
- เหมาะสำหรับ: ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ชุ่มชื้นมากขึ้น เจ็บน้อยลง เน้นฟื้นฟูใบหน้าและลำคอเช่นกัน
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 11,990 บาท
- REJURAN i (กล่องขาว)
- เหมาะสำหรับ: เติมความชุ่มชื้นใต้ตา ลดความคล้ำ ใต้ตาดูสดใสขึ้น
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 12,999 บาท
- REJURAN S (กล่องน้ำเงิน)
- เหมาะสำหรับ: เติมหลุมสิวให้ตื้น รอยแผลเป็น ผิวเรียบเนียน
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 12,999 บาท
ถือเป็นอีกหนึ่งหัตการที่มีความเฉพาะเจาะจงกลุ่มคนไข้มากๆ แต่ก็มีสอบถามเข้ามาเรื่อยๆ หมอสรุปจุดประสงค์หลักของการเติมฟิลเลอร์น้องสาวคือ
- เสริมสร้างความเต่งตึงให้กับแคม
- คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
- เพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวเนียนนุ่ม
- ปรับสมดุลรูปร่างของแคมเล็กและแคมใหญ่
- เพิ่มความมั่นใจในตัวเองและการมีเพศสัมพันธ์
การฉีดฟิลเลอร์น้องสาว ไม่ได้เป็นการผ่าตัด จะไม่มีการเปิดแผล หรือพักฟื้น แต่การเตรียมตัวก็จะแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆอยู่บ้างค่ะ
Atelocollagen ที่คุณหมอหลายๆท่าน หรือคนไข้หลายคนพูดถึงตอนนี้ (อีกชื่อคือคอลลาเจนสด) จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการความงามค่ะ มันคือคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ที่ผ่านกระบวนการตัดตอนส่วน telopeptide ออก ทำให้ลดโอกาสเกิดอาการแพ้และร่างกายตอบสนองผิดปกติน้อยลง เวลาเราเห็นการโฆษณาว่าเป็น “คอลลาเจนสด” ฉีดเข้าไปเติมเต็มผิว หรือช่วยฟื้นฟูต่าง ๆ ส่วนมากก็คือการนำ Atelocollagen นี้มาใช้ในรูปแบบสารบริสุทธิ์นั่นเอง
สิ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ก่อนตัดสินใจฉีดคอลลาเจนสดไม่ว่าจะชื่อใดก็ตาม คือขบวนการฉีดสารเติมเต็มทุกชนิดเสี่ยงต่อการอุดตันเส้นเลือด หากเกิดขึ้นจะไม่มียาสลายฉุกเฉินเหมือนฟิลเลอร์ HA รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำบ่อย ในฐานะแพทย์ที่คลุกคลีในงานผิวหนังและเลเซอร์ “คอลลาเจนสด” หรือ Atelocollagen ไม่ใช่เทรนด์ใหม่อะไร และยังคงมีข้อพึงระวังที่ต้องตระหนัก หากคิดจะฉีดเติมเต็มผิว ควรศึกษาข้อมูลให้ดีว่าเหมาะกับเรา หรือคุ้มค่าความเสี่ยงระดับไหนค่ะ